HyperX Gaming Set สุดยอดอุปกรณ์เกมมิ่งครบชุด ราคาสุดคุ้ม จากแบรนด์ลูกของ Kingston ที่ไม่ได้ทำเพียงแค่ RAM แต่ยังรุกตลาดเอาใจเกมเมอร์มากยิ่งขึ้น โดยกล่องนี้เป็นเหมือนชุด Kit พร้อมก้าวสู่ประสบการณ์เล่นเกมที่แท้จริง มาพร้อมทุกอย่างตั้งแต่คีย์บอร์ด, เมาส์, ที่รองเมาส์, หูฟัง, และเสื้อยืด (ขาดก็เพียงแค่คอมพิวเตอร์เท่านั้นเอง)

HyperX Gaming Set
HyperX Gaming Set

HyperX Gaming Set

สำหรับกล่องปริศนาจากทาง HyperX วันนี้มารีวิวพร้อมกับความดุดันน้ำหนักประมาณ 4 กิโลกรัม ด้วยราคาสินค้ารวมแล้วหมื่นกว่าบาทเท่านั้น! ซึ่งนับว่าไม่แพงอะไรเลยกับอุปกรณ์ Gaming Gear ครบชุดแบบนี้ ซึ่งนับว่าราคาเป็นมิตรกว่าแบรนด์คู่แข่งมาก ๆ เพราะหากกำเงินไปหมื่นกว่าบาท อาจได้เพียงแค่เมาส์กับคีย์บอร์ดเท่านั้น

ตัวกล่องสีดำตัดกับสีแดง แข็งแรงและสวยจนไม่กล้าทิ้ง เหมาะกับซื้อมาเป็นของขวัญให้เพื่อนหรือแฟนเป็นอย่างยิ่ง (ถ้าเขาเล่นเกมล่ะก็นะ) มีการสลักคำว่า HyperX สีเงินสะท้อนแสง พร้อมกับวลีที่น่าเกรงขาม We’re all gamers. เพียงแค่นี้ก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัวแล้ว ลองมาดูกันต่อดีกว่าว่าภายในกล่อง HyperX นี้จะมีอะไรอีกบ้าง

อุปกรณ์ภายในกล่อง

สำหรับภายในชุดประกอบไปด้วยอุปกรณ์ Gaming Gear ครบชุด แบบไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว (ขออ้างอิงราคาจาก notebookspec) และทั้งหมดนี้ประกอบไปด้วย

  1. หูฟัง HyperX Cloud Revolver ราคา 4,590 บาท
  2. คีย์บอร์ด HyperX Alloy FPS ราคา 1,690 บาท
  3. เมาส์ HyperX Pulsefire FPS ราคา 3,990 บาท
  4. ที่รองเมาส์ HyperX FURY S ราคา 1,190 บาท
  5. เสื้อยืดสุดเท่ HyperX ขนาด L ราคาประเมินค่าไม่ได้! (เพราะไม่มีขาย)

โดยรวมแล้วกล่องนี้มีสินค้ารวม 11,460 บาท แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีข้อมูลว่าเจ้ากล่อง HyperX Gaming Set จะมีราคาขายอยู่ที่เท่าไหร่ ยังไงก็ลองลุ้นกันอีกทีนะครับ

HyperX Cloud Revolver
HyperX Cloud Revolver

HyperX Cloud Revolver

เริ่มต้นที่อุปกรณ์ตัวแรกชุดหูฟัง หนึ่งในตัวช่วยที่สำคัญของเกมเมอร์ เพื่อความได้เปรียบในการแข่งขัน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกม FPS) เหมาะทั้งกับ PC, Xbox One, PS4, Wii U, Mac, และ Mobile ด้วยการออกแบบมาพร้อมกับไดร์เวอร์รุ่นใหม่ขนาด 50 มม. สามารถแยกเสียงต่ำ กลาง และสูงได้อย่างคมชัดและมีคุณภาพ

หูฟังทำจากโครงเหล็กที่ทนทาน พร้อมกับเมมโมรี่โฟมลิขสิทธิ์เฉพาะของ HyperX ที่ได้รับรางวัลมากมาย สามารถสวมใส่ได้สบายทั้งวันโดยไม่เจ็บหู ไมค์รับประกันการตัดเสียงรบกวนโดย TeamSpeak และ Discord ที่ช่วยให้การสื่อสารชัดเจนเต็มที่ ตัวก้านไมค์สามารถถอดออกได้ เผื่อวันไหนต้องการฟังเพลงสบาย ๆ และนอกจากนี้ยังมีสายต่อเพิ่มเติม เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมปิดและเปิดเสียง

HyperX Alloy FPS
HyperX Alloy FPS

HyperX Alloy FPS

คีย์บอร์ดที่ถูกออกแบบมาเพื่อความทนทาน เน้นการใช้งานในระดับสูง มีแป้นตัวเลขสำหรับการใช้งาน รองรับการใช้งาน Game Mode, 100% Anti-Ghosting, และ N-key Rollover เหมาะทั้งกับเกมเมอร์มืออาชีพและมือสมัครเล่น ส่วนวัสดุและคุณภาพก็ไม่ได้แพ้แบรนด์คู่แข่งเลยแม้แต่น้อย

ตัวคีย์บอร์ดเป็นเหล็กแบบตัน (หนักมาก) เพื่อความแข็งแรงและความทนทาน ซึ่งด้วยน้ำหนักอาจไม่ค่อยเหมาะกับการพกพาเท่าไหร่นัก สวิตช์ควบคุมปุ่มกดใช้ของ CHERRY MX โดยทั้งหมด แต่น่าเสียดายเล็กน้อยตรงที่คีย์เป็นภาษาอังกฤษ แต่สำหรับคนที่พิมพ์สัมผัสได้ก็ไม่ต้องซีเรียสเท่าไหร่นัก

มีปุ่มให้เปลี่ยนอีกเพื่อให้เหมาะกับเกม FPS ได้แก่ W, A, S, D (ปุ่นเหล่านี้จะมีกันลื่นให้โดยเฉพาะด้วย) และ 1, 2, 3, 4 ส่วนสายเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ดเป็น Mini USB ที่สามารถถอดสายออกได้ เพื่อความสะดวกในการจัดเก็บและทำความสะอาด ส่วนสายถักความยาวสาย 180 เซนติเมตร

ตัวคีย์บอร์ดถือว่ามีขนาดกะทัดรัด ไม่มีส่วนที่ยื่นออกมาเพื่อพักมือหรือเกินความจำเป็น สวิตซ์ที่กดมีให้เลือกทั้งแบบ Cherry MX Blue, Cherry MX Brown, Cherry MX Red ส่วนตัวที่รีวิวนี้เป็นแบบ Cherry MX Blue ซึ่งต้องใช้แรงกด 50 cN โดยจะมีเสียงดังและให้ความแม่นยำที่สุด การส่งข้อมูลที่รวดเร็วถึง 1000 Hz

นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นให้อีกเล็กน้อย อย่างช่องชาร์จไฟ USB ที่มีมาให้เพิ่มเติมสำหรับการชาร์จอุปกรณ์ อะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ จำพวกโทรศัพท์มือถือ ฯลฯ เพิ่มความสะดวกให้กับเกมเมอร์มากเลยทีเดียว ข้อติก็จะมีเรื่องเดียวตรงที่เหมือนปุ่มจะสูงไปนิด (แต่บางคนชอบ) ซึ่งแก้ไขได้ด้วยการเอาขาตั้งลง

ไฟการแสดงผลของคีย์บอร์ดรวมถึงเมาส์เป็นสีแดงล้วน ส่วนคีย์บอร์ดสามารถปรับการแสดงผลถึง 6 แบบ สามารถเลือกเปิดเกมโหมด (Game Mode) โดยจะมีไฟ LED แสดงผลบอก ซึ่งการเปิดโหมดนี้เอาไว้ปิดคำสั่งต่าง ๆ ที่อยู่บน Windows ทำให้กดท่าซับซ้อนขนาดไหน ก็จะไม่มีทางขึ้นคำสั่งบนระบบปฏิบัติการมาให้กวนใจ

HyperX Pulsefire FPS
HyperX Pulsefire FPS

HyperX Pulsefire FPS

หัวใจสำคัญของเกม FPS ก็คือเมาส์ที่ให้ความแม่นยำและเชื่อถือได้ โดยสำหรับเมาส์รุ่นนี้มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ Pixart 3310 ซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์ Nokia ในยุค ’90 แต่อย่างใด โดยผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่ามีความแม่นยำสูง พร้อมกับการตั้งค่า DPI ในหลายรูปแบบ เมาส์แบบหกปุ่มที่ใช้สวิตช์สั่งการจาก Omron สามารถตอบสนองได้อย่างฉับไว

ด้วยน้ำหนักเบาเพียง 95 กรัม พร้อมโครงสร้างแบบกระจายตัวน้ำหนักเท่ากันทั้งเมาส์ ขนาดกำลังพอดีมือด้านข้างมียางกันลื่นขนาดใหญ่ พร้อมปุ่มลัดสำหรับปรับได้ตั้งแต่ 400–3200 DPI เหมาะกับการเล่นเกม FPS โดยเฉพาะ ข้อเสียจะมีเพียงแค่การออกแบบ ที่ผลิตมาสำหรับคนถนัดขวาเท่านั้นเอง ส่วนสายก็ยังคงเป็นสายถักแข็งแรงแบบเดียวกับคีย์บอร์ด

เวลาใช้งานจริงจะมีฟีสีแดงบริเวณลูกกลิ้งและท้ายเมาส์บริเวณโลโก้

HyperX FURY S
HyperX FURY S

HyperX FURY S

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด แผ่นรองเมาส์สุดจ๊าบที่รองได้ยันคีย์บอร์ด เย็บในแบบไร้ตะเข็บพร้อมพื้นผิวแบบพิเศษ เพื่อให้การควบคุมเป็นไปอย่างแม่นยำ ขอบแบบไร้ตะเข็บและไม่รุ่ย ขนาด XL ใหญ่สะใจใช้แทนผ้ารองโต๊ะได้เลย 900 x 420 มม. ความหนาประมาณ 3-4 มม. ส่วนเวลาจะพกพาก็ม้วนไปเป็นเสื่อโยคะได้เลย

มีคนสงสัยว่าทำไมแผ่นรองเมาส์เกมเมอร์ถึงต้องใหญ่เป็นเมตร คำตอบก็คือเวลา Pro เขาเล่นเกม FPS ส่วนมากจะปรับความเร็วเมาส์ (DPI) แบบต่ำเพื่อความแม่นยำในการควบคุม แล้วใช้ศอกควบคุมแทนข้อมือ แต่ถ้าหากคุณเป็นคนใช้งานเมาส์เร็วอยู่แล้ว ก็จะมีผลพลายได้อาทิเช่น พื้นเรียบเสมอกันทั้งโต๊ะ, ใช้รองข้อมือ, พวกนาฬิกาจะได้ไม่ขูดกับโต๊ะ, หรือจะเอาไว้ซับน้ำตาเวลาเล่นแพ้ก็ไม่ว่ากัน

ข้อดี

  1. คุ้มค่าราคาประหยัด
  2. ซื้อชุดเดียวจบ เข้าชุดกันสวยงาม
  3. คุณภาพไม่เป็นรองใคร

ข้อเสีย

  1. เลือกปรับเปลี่ยนสิ่งของข้างในไม่ได้
  2. ออกแบบมาสำหรับคนถนัดขวา
  3. คีย์บอร์ดไม่มีสกรีนภาษาไทย

สรุป

HyperX Gaming Set ชุดประหยัดสุดคุ้มสำหรับ Gaming Set เท่าที่ลองดูเหมาะกับเกมเมอร์มือใหม่มากทีเดียว ส่วนอนาคตจะชอบหรือปรับเปลี่ยนอุปกรณ์อะไรก็ค่อยว่ากัน (แต่ถ้าไม่ปรับก็ดูเข้าชุดกันดี) หรือจะซื้อเป็นของขวัญก็น่าประทับใจไม่ใช่น้อย วัสดุระดับ A+ เท่าที่ลองใช้งานอย่างหนักมาหลายเดือน ก็ยังสามารถใช้งานได้ดีอยู่ ต่างจากบางยี่ห้อที่เมาส์กดไม่กี่เดือนก็พังเสียแล้ว

ขอขอบคุณ HyperX ที่เอื้อเฟื้ออุปกรณ์ส่งมาให้รีวิว