หลังจากได้ทดลองรีวิว HUAWEI FreeBuds 4i มาสักพักหนึ่งถือว่าประทับใจมาก โดยส่วนตัวผู้เขียนใช้งาน AirPods เป็นประจำอยู่แล้วคือไม่ได้เน้นคุณภาพเสียงอะไรมากนัก เน้นใช้งานจริงสบายหูและสามารถสนทนาได้ชัดเจน ส่วนดีไซน์ของ HUAWEI ก็ทำออกมาได้เล็กกระทัดรัดและเบาดี แถมยังมีราคาไม่เกิน 3,000 บาท ทำให้สามารถหาซื้อเป็นเจ้าของได้อยากไม่ยากลำบากนัก

HUAWEI FreeBuds 4i

ก่อนอื่นต้องยอมรับเลยว่า HUAWEI เองก็มีสินค้าสมาร์ทแก็ตเจ็ตที่น่าสนใจหลายตัว (อารมณ์คล้าย Xiaomi แต่ไม่เยอะเท่า) และหูฟังเองก็มีหลายตัวที่น่าสนใจ แต่ถ้าเอาคุณภาพดีสุดก็ต้องยกให้ HUAWEI FreeBuds Pro โดยสำหรับรุ่น HUAWEI FreeBuds 4i ก็จะเน้นราคาถูกลงมาหน่อยเพียงแค่ 2,799 บาท มีให้เลือกเป็นสีขาว (Ceramic White) และสีดำ (Carbon Black) แล้วก็เหมือนจะเห็นสีแดงด้วย

คุณสมบัติเด่น

  1. ดีไซน์เรียบหรู
  2. ระบบตัดเสียงรบกวน
  3. ฟังเพลงต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง
  4. คุณภาพเสียงคมชัดทุกมิติ

จุดเด่นจากหูฟังจีนแบรนด์ทั่วไปก็คือรุ่นนี้เป็นแบรนด์ HUAWEI ที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่า มาพร้อมกับระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) ซึ่งหาไม่ได้ง่ายนักในหูฟังราคาไม่เกิน 3,000 บาท ตัวไมค์ตัดเสียงรบกวนแบบ Dual-mic เทคโนโลยี Beamforming ทำงานร่วมกับ AI ในการตัดเสียงรบกวนระหว่างสนทนา ซึ่งนั่นก็ช่วยให้คู่สายสนทนาของเราได้ยินเสียงเราชัดเจนด้วยเช่นกัน ใช้งานรวมเคสได้นานถึง 22 ชั่วโมง

อย่างที่บอกคือผู้เขียนรีวิวใช้งาน AirPods อยู่เป็นประจำดังนั้นเรื่องดีไซน์เลยปรับกันได้ไม่ยาก (คล้ายกัน) ต่างกันเพียงแค่ HUAWEI FreeBuds 4i เป็นหูฟังแบบอินเอียร์เลยให้ความรู้สึกที่ “อึดอัด” เพิ่มเข้ามาเล็กน้อย คือไม่ได้ถึงขนาดใช้ไม่ได้แล้วเจ็บหูอะไรขนาดนั้น แต่ถ้าคือคนไม่ชินก็ต้องใช้เวลาในการปรับพฤติกรรมกันพอสมควร นอกนั้นก็ไม่มีอะไรยุ่งยากทั้งการเชื่อมต่อและการใช้งาน

อุปกรณ์ภายในกล่องโชคดีที่ HUAWEI เองก็ไม่ได้ใจร้ายแถมสายชาร์จ USB-C มาให้ด้วย (USB-A > USB-C) เหมือนกับได้สายชาร์จมาฟรีอีกเส้น ส่วนเรื่องอะแดปเตอร์ไม่มีแถมเพราะแบรนด์ไหนก็ไม่มีให้เหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีจุกยางแถมมาให้อีกสองขนาด เพื่อให้สามารถเข้ากับสรีระของหูที่หลากหลาย ไม่รองรับชาร์จไร้สาย อันนี้ก็เป็นเรื่องปกติสำหรับหูฟังที่ราคาไม่ได้สูงอะไรนัก (บางทีราคาสูงก็ไม่รองรับ)

ตัวเคสชาร์จจะทำหน้าที่เป็น Power Bank ภายในตัวเก็บแบตเตอรี่ได้ประมาณนึง โดยสามารถฟังเพลงได้ต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง และลดเหลือ 7.5 ชั่วโมงหากใช้ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) ส่วนการใช้งานรวมกับเคสชาร์จจะสามารถใช้งานได้ 22 ชั่วโมงแบบปิดระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) ดังนั้นก็พอประมาณได้ว่า ตัวเคสมีแบตเตอรี่สำหรับชาร์จหูฟังได้รอบนิด ๆ ก็แล้วกันนะครับ

แกะมาก็จะเป็นฝาเคสที่เปิดง่าย ๆ แบบแม่เหล็ก ส่วนตัวหูฟังเป็นไดร์เวอร์ขนาด 10 มม. ให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่าไดร์เวอร์ขนาดเล็ก มีไดอะแฟรมคุณภาพสูงมอบประสบการณ์เต็มอิ่มจากทุกเครื่องดนตรี เสียงร้องคมชัด เบสนุ่มลึกแต่หนักแน่น พร้อมความสมดุลทุกย่านเสียง ส่วนคนเล่นเกมจะมีโหมดความหน่วงต่ำ แต่ทำงานร่วมกับสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตที่ติดตั้ง EMUI 11 (แอบเสียดายเล็กน้อย)

พอร์ตชาร์จเป็นแบบ USB-C ตามสมัยนิยม อันนี้ผู้เขียนรีวิวประทับใจมากที่ไม่เป็น Micro USB เพราะจะได้ไม่ต้องสลับสายใช้งาน และคิดว่าในปี 2021 ทุกอุปกรณ์ควรเปลี่ยนมาเป็น USB-C ให้หมดได้แล้ว เพราะเราอยู่กับ Micro USB มานานมากพอแล้ว ส่วนระบบชาร์จคิดว่าไม่น่าจะรองรับชาร์จเร็ว แต่ถึงอย่างไรตามสเปกก็ระบุไว้ว่าชาร์จเพียงแค่ 10 นาที แต่สามารถฟังเพลงได้ต่อเนื่องยาวนาน 4 ชั่วโมง

การใช้งานจะเป็นระบบ “สัมผัส” โดยการแตะที่หูฟังแบบเดียวกับ AirPods โดยการแตะสองครั้งเพื่อเล่นเพลง/หยุดเล่นเพลงชั่วคราว, แตะสองครั้งเพื่อรับสาย/วางสาย (กรณีที่สนทนาอยู่), และแตะค้างเพื่อเปิด/ปิด ระบบตัดเสียงรบกวน ANC/Awareness Mode โดยสำหรับโหมด Awareness Mode ก็คือการเปิดเพื่อรับฟังเสียงรอบข้าง ทำให้เราสามารถโต้ตอบกับคนรอบตัวอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องถอดหูฟัง

ก่อนอื่นขอบอกว่าผู้รีวิวเองไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องหูฟังมากนัก แต่ระบบเสียงที่ได้ก็ถือว่าดีเลยเมื่อเทียบกับราคา เสียงต่ำสามารถฟังได้อย่างแม่นยำ เสียงกลางและสูงก็อยู่ในระดับกำลังดี ซึ่งหากเทียบจริง ๆ แล้วเสียงของ HUAWEI FreeBuds Pro จะดีกว่าแบบไม่ต้องสงสัย (แน่ล่ะราคาแพงกว่า!) ส่วนเบสให้มาแน่นแบบเป็นลูกใหญ่ถึงใจ เป็นหูฟังที่เหมาะกับการฟังเพลงมันส์ ๆ ระหว่างออกกำลังกาย

การใช้งานแนะนำให้โหลดแอปพลิเคชัน Huawei AI Life (Android/iOS) การเชื่อมต่อเป็น Bluetooth 5.2 หากใช้ร่วมกับ EMUI 10 ก็จะเด้งขึ้นมาเป็นเมนูเหมือนกับบน iOS ดีเลย์ของเสียงน้อยมากจนแทบไม่รู้สึก สามารถแยกฟังทีละข้างได้อย่างอิสระ (เผื่อใครถนัดใช้แบบนี้ในการโทรศัพท์) ส่วนระบบตัดเสียงรบกวน ANC ก็สามารถทำงานได้เป็นอย่างดี เปิดเสียงแค่ครึ่งเดียวก็ไม่ได้ยินเสียงข้างนอกแล้ว

นอกนั้นการใช้งานโดยรวมก็ประทับใจดีเมื่อเทียบกับค่าตัว ระบบกันน้ำกันฝุ่นอยู่ที่ IP54 สามารถป้องกันน้ำและเหงื่อได้เล็กน้อย ขอเพียงแค่อย่างเอาไปว่ายน้ำก็พอ เหมาะกับใช้งานในชีวิตประจำวันรวมถึงออกกำลังกายเล็กน้อย มีแบตเตอรี่ที่อึดเพียงพอสำหรับการใช้งานตลอดทั้งวัน คุณภาพไมค์ดีมากเพียงพอสำหรับใช้การสนทนาทั่วไป โดยรวมแล้วหากซื้อมาใช้งานก็ไม่ผิดหวังโดยเฉพาะหากคุณใช้ EMUI

ข้อดี

  1. ระบบตัดเสียงรบกวน ANC ทำได้ดี
  2. คุณภาพเสียงไมค์ดี แยกใช้งานทีละข้างได้
  3. ฟังเพลงได้ต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง (22 ชั่วโมงหากใช้ร่วมกับเคส)

ข้อเสีย

  1. การปรับเสียงจากหูฟังไม่สามารถทำได้
  2. ไม่มีระบบรับสายอัตโนมัติเมื่อใส่หูฟัง

สรุป

โดยส่วนตัวแล้วหูฟัง HUAWEI FreeBuds 4i ราคา 2,799 บาท ก็ถือว่าไม่ได้แพงอะไรมากนัก เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่กำลังมองหาหูฟังไร้สายแบบ TWS สักอันหนึ่ง และจะเหมาะเป็นอย่างยิ่งหากคุณใช้งาน Huawei อยู่แล้ว (EMUI 10 เป็นต้นไป) จะปลดล็อคคุณสมบัติหลายอย่าง ส่วนจุดแข็งอื่นก็คือเป็นเรื่องระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนาน แล้วก็ระบบตัดเสียงรบกวน ANC

REVIEW OVERVIEW
การออกแบบ
ใช้งานจริง
ความคุ้มค่า
คุณภาพวัสดุ
บริการหลังการขาย
Previous article5 เหตุผลที่ควรเป็นเจ้าของ Vivo Y72 5G
Next articleรีวิว Garmin Vivoactive 4 ฉบับสาวออฟฟิศวัยกลางคน
review-huawei-freebuds-4iหูฟังไร้สาย TWS เสียงดีและคุ้มค่าต่อการซื้อมาใช้งาน ได้ทั้งระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนาน พลังเสียงที่ได้ถือว่าเกินตัว เหมาะใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ไมค์สามารถใช้สนทนาได้อย่างดีเยี่ยม เอาไปใช้งานแทนหูฟังแบบมีสายที่แถมมากับเครื่องได้จริง หากใครอยากได้หูฟังไร้สาย TWS แนะนำ HUAWEI FreeBuds 4i เป็นอีกตัวเลือก