สิ่งที่มาพร้อมกับรถยนต์คงหนีไม่พ้นเครื่องเสียงชั้นดี แต่นี่คือปี 2014 จะให้จบแค่เครื่องเสียงก็ไม่ได้เพราะอนาคตรถจะเป็น Gadget ชิ้นใหญ่ที่สามารถขับได้ (Apple กับ Google ยังต้องหันมาสนใจเรื่องนี้เลย) วันนี้ผมจะพามาสัมผัสทำความรู้จักกับเครื่องเสียงติดรถยนต์ Pioneer AVH-X8650BT อีกหนึ่งตัวสุดยอดที่ควรรู้จักกัน
รู้จักวิธีการต่อเครื่องเสียงในรถยนต์
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักในเรื่องนี้กันก่อน โดยปกติตามสากลโลกแล้ว จะแบ่งวิธีการติดตั้งเป็น 3 วิธีพื้นฐาน
- Smartphone Integration – วิธีนี้แอปพลิเคชันจะทำงานอยู่บนสมาร์ทโฟน แต่แสดงผลและทำการควบคุมผ่านเครื่องเล่นเท่านั้น (ไม่มีระบบปฏิบัติการในตัว)
- Embedded Modem – วิธีนี้จะเป็นการฝังระบบปฏิบัติการในตัว แต่จะต้องมีซิมการ์ดแยกโดยเฉพาะสำหรับเสียบเข้าไป
- Tethering – วิธีนี้จะเป็นการฝังระบบปฏิบัติการในตัว แต่จะอาศัยการแชร์อินเตอร์เน็ตจากสมาร์ทโฟนเพื่อแชร์เน็ตเข้ากับเครื่องเสียง
โดยแต่ละวิธีจะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไปอย่างพวกต้นทุนการผลิต ความคล่องตัวในการใช้งาน หรือแม้กระทั่งต้นทุนของผู้ใช้งานเองที่จะต้องเสียค่าซิมการ์ดเพิ่มอีกเบอร์
การเชื่อมต่อของ Pioneer AVH-X8650BT เป็นแบบ Smartphone Integration ข้อดีก็คือต้นทุนต่ำและสามารถใช้ Data Plan เดิมที่มีอยู่รวมถึงแอปพลิเคชันภายในเครื่องได้ด้วย
การสื่อสารระหว่างสมาร์ทโฟนและเครื่องเสียงใน Pioneer AVH-X8650BT รองรับทั้งสองระบบคือ AppRadio และ Mirror Link ทำให้ผู้ใช้งานมีทางเลือกในการใช้งานที่มากกว่า
Pioneer AVH-X8650BT มาพร้อมกับ UI ที่ออกแบบใหม่หมด แถมยังรองรับไฟล์เสียง 24Bit/192KHz FLAC ซึ่งเป็นไฟล์ที่ความละเอียดสูงกว่ามาตรฐานที่นิยมใช้ฟังกันในปัจจุบันซะอีก
บางครั้งการนำไฟล์ละเอียดมาก ๆ มาเล่นกับเครื่องเสียง (โดยเฉพาะไฟล์หนัง) ต้องเจอกับเรื่องปวดหัวตรงที่เครื่องเล่นรองรับแค่ FAT32 แต่ตัวนี้ทาง Pioneer เข้าใจลูกค้ามากขึ้นสามารถนำ NTFS มาเสียบแล้วใช้ได้เลย
จากผลการทดสอบเท่าที่ได้ลองเชื่อมต่อดูทั้ง iPhone 5s และ Xperia Z2 สามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ไม่หน่วง พวกการใข้งาน UI ก็ทำให้ออกแบบมาใช้ได้จริง มีการ Calibrate หน้าจอให้เรียบร้อย (สมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นสัดส่วนไม่เหมือนกัน) ทำให้เราสามารถทัชได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น ส่วนแอปฯ ใช้งานพื้นฐานไม่ต้องห่วงมีให้ครบครับ
Pioneer AVH-X8650BT
เปิดตัวราคา 29,900 บาท มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสขนาด 7″ ความละเอียด 800 x 480 พิกเซล ที่เด็ดอยู่ตรงที่ว่าสามารถรองรับ iPhone 5/5c/5s รวมถึงสมาร์ทโฟน Android กว่า 40 รุ่น (ถ้ารุ่นใหม่ไม่เก่าเวอร์ส่วนใหญ่ก็ได้หมด) ผ่าน Appradio ซึ่งจะจำลอง UI มาให้ใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ยังสามารถดึงข้อมูลจำพวก Media File, Browser, Map รวมถึง Navigator จากเครื่องมาใช้ได้อย่างง่ายดาย
อาทิ App ที่ชื่อ WAZE เป็นแอพนาวิเกชั่นที่ช่วยให้ชีวิตคนเมือง เดินทางไปไหนมาไหนสะดวกขึ้น ฟังก์ชั่นที่น่าสนใจก็คือการ Report ที่นอกจากจะรายงานการจราจร การตั้งด่านตรวจหรือมีอุบัติเหตุที่ไหนก็สามารถดูได้ สามารถขยายใหญ่ได้ด้วยและลูกเล่นสำหรับคนที่ชอบอัพเดทเฟสบุ๊คตลอด คือคุณสามารถอ่าน Feed ข่าวใน Facebook บนเครื่องนี้ได้ด้วยและไม่ต้องเพ่งให้เมื่อยตา เพราะตัวหนังสือมีขนาดใหญ่อ่านง่ายแต่พิมพ์โต้ตอบกันไม่ได้เท่านั้น ซึ่งก็น่าจะดีเพราะเป็นความปลอดภัยต่อตัวผู้ขับขี่เองนั่นแหละ
พวกพอร์ตก็มีให้พร้อมทั้ง HDMI, USB, AUX, AV รวมถึงช่องสัญญาณโทรทัศน์และช่อง SD Card, Disc ภายในตัวเครื่อง Pioneer ได้อัด Codec มาเยอะมากมามหาศาลมาก เช่น .m4a, .fla, .mpeg, .avi, .divx, .mkv, .m4v, .asf, .wmv, .3gp, .flac, .flv ซึ่งถ้าเป็นรุ่นอื่นคงไม่ได้รองรับเยอะขนาดนี้ เหมาะกับอุปนิสัยคนไทยที่นิยมโหลดหนังหรือไฟล์ใส่อุปกรณ์แล้วนำมาเสียบในรถ
นอกจากฟีเจอร์จะครบเครื่องแล้วความสามารถด้านเสียงก็ทำออกมาได้ดีอย่างที่มันควรจะเป็น สามารถปรับ Equalizer ได้ด้วยการสัมผัสอย่างง่ายดาย แล้วก็มีระบบ Auto Equalizer ที่จะใช้ไมค์ในตัวของ Pioneer AVH-X8650BT ตรวจสอบเสียงในรถเพื่อปรับค่าออกมาให้เหมาะสมได้ด้วย
สรุป
ผมมองว่ามันค่อนข้างจะคุ้มค่าเลยนะกับการลงทุนครั้งเดียว ตัวระบบทำงานอยู่บนสมาร์ทโฟนทำให้ง่ายต่อการอัพเดท แถมไม่จำเป็นต้องแชร์เน็ตหรือซื้อซิมการ์ดเสริมให้วุ่นวาย รองรับการเชื่อมต่อทั้ง iPhone และ Android ทำให้เวลาเราเปลี่ยนสมาร์ทโฟนก็ยังใช้กับเครื่องเสียงเดิมได้อยู่
เรื่องพื้นฐานอย่างการรับสาย ตอบข้อความ หรือเล่นไฟล์สารพัดฟอร์แมตสามารถทำได้อยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อื่นอัดอยู่อีกแน่นซึ่งถ้าให้อธิบายทีละฟีเจอร์ก็คงจะไม่หมด ดังนั้นถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าครับ
ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ของไพโอเนียร์
http://pioneer-thailand.co.th
หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial