Innergie PowerGear 60C จบทุกปัญหาที่ชาร์จโน้ตบุ๊กหาย เสีย ขาด จนทำให้หลายคนต้องหาซื้อใหม่ และบางครั้งการมีหลายเครื่องก็ต้องมี Adapter หลายแบบ และที่ยังไม่นับรวมที่ชาร์จมือถือที่ต้องพกแยกไปอีก ทำให้การเดินทางของเราต้องพกของหนักโดยไม่จำเป็น แต่วันนี้มีข่าวดีมาบอกเพราะนอกจากเราจะสามารถรวมอะแดปเตอร์ทุกรุ่นมาไว้อันเดียวกันได้แล้ว มันยังมีขนาดที่เล็กลงจนเหลือเพียงแค่อันเท่าพวงกุญแจเท่านั้น!

Innergie PowerGear 60C
Innergie PowerGear 60C

Innergie PowerGear 60C

อะแดปเตอร์ Innergie USB-C Laptop Adapter ขนาด 60 วัตต์ รุ่นนี้มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 2,890 บาท พร้อมการรับประกัน 3 ปี และสำหรับสาย C to C รับประกัน 1 ปี (แบรนด์อื่นส่วนใหญ่จะรับประกันอะแดปเตอร์เพียง 6-12 เดือน) แถมยังกล้ารับประกันความปลอดภัย ด้วยวงเงินสูงสุดถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา อาจดูเหมือนโม้แต่คือเรื่องจริงครับ

ส่วนสายชาร์จโน้ตบุ๊กรองรับทุกรุ่น Innergie Laptop Cable (Multiple Tips) รุ่นนี้มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 790 บาท โดยลักษณะจะเป็นเหมือนกับหัวชาร์จ Notebook เกือบทุกแบรนด์บนโลกใบนี้ (ยกเว้น Apple รุ่นเก่าแบบ MagSafe ซึ่งเขาไม่ได้ปล่อยลิขสิทธิ์ให้ใครผลิต) แต่หากเป็นรุ่น USB-C อันนี้ใช้ได้อยู่แล้วไม่ติดปัญหาอะไร

หากคุณใช้ Notebook รุ่นที่ไม่ได้เป็น USB-C นั้นควรอย่างยิ่งที่จะต้องมี PowerGear 60C (ที่ชาร์จ) และ MagiCable 150 (หัวชาร์จ) เหตุผลก็เพราะด้วยขนาดของมันที่เล็กลงเป็นอย่างมาก แถมยังใช้งานได้หลากหลายทั้งกับ Smartphone และ Notebook รวมถึงอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบตสำรอง, เครื่องเกม, แท็บเล็ต

เริ่มต้นด้วยตัวแรกอย่าง Innergie PowerGear 60C ซึ่งแตกต่างจาก Innergie PowerJoy 30C ตรงที่สามารถจ่ายไฟได้ถึง 60 วัตต์ แถมยังรองรับ USB PD (Power Delivery) ที่ปรับกระแสไฟขาออกอัตโนมัติ นอกจากนี้จุดเด่นอีกจุดที่ชอบคือ พับขาปลั๊กได้ ทำให้พกพาง่ายยิ่งขึ้นไปอีก ตัวอุปกรณ์มีขนาดเล็กไม่กินช่องเสียบปลั๊ก

ด้านจ่ายไฟจะมีสัญลักษณ USB PD ผ่านทางช่อง USB-C ซึ่งจะเป็นมาตรฐานใหม่ในปัจจุบันของ Android รวมถึง MacBook ดังนั้นรุ่นต่อ ๆ ไปก็จะเป็นแบบนี้กันหมด (ยกเว้น iPhone และ iPad) และคุณก็ไม่ต้องกังวลว่ามันจ่ายไฟ 60 วัตต์ จะแรงเกินไปสำหรับสมาร์ทโฟนหรือไม่ เพราะตัวนี้สามารถปรับแรงดันไฟให้จ่ายไฟต่ำได้ครับ

Innergie MagiCable 150
Innergie MagiCable 150

Innergie MagiCable 150

ถัดมารีวิวสายชาร์จกันบ้าง เป็นที่ทราบดีกันว่าผู้ผลิตโน้ตบุ๊คอย่าง Asus, HP, Dell, Acer, Lenovo, Toshiba หรือจะแบรนด์ไหน ๆ ก็จะมีขนาดหัวชาร์จเป็นของตัวเอง (แถมบางรุ่นยังมีซอยย่อยออกไปอีก) ซึ่งถ้าต้องให้ซื้อทุกแบบก็คงจะไม่ไหว ดังนั้นภายในกล่องของ MagiCable 150 จึงใส่หัวยอดฮิตมาให้ถึง 6 แบบ

แต่หากใช้ไปแล้วเจอรุ่นใหม่หรือรุ่นเก่าที่ไม่มีก็สามารถเข้าร่วม Free TIP Program เพื่อให้ทาง Innergie จัดการส่งหัวต่ออันนั้นมาให้ แต่เท่าที่ลองดูเสียบกับทุกเครื่องแล้วยังไม่เจอเครื่องไหนใช้ไม่ได้นะครับ ดังนั้นปัญหาเรื่องไม่มีข้อต่อขอให้สบายใจได้ เรื่องวัสดุของสายก็ค่อนข้างโอเคแข็งแรงอยู่ครับ ข้อต่อเวลาเสียบแน่นหนาดีไม่หัก

ข้อต่อแยกกระแสบวกลบชัดเจนพร้อมมีร่องทำให้เสียบยังไงก็ไม่ผิด ตรงนี้แต่ละหัวจะมีรหัสเรียกตัวเองเป็น A, B, C, D อะไรพวกนี้อยู่ (ส่วนอะไรใช้แบบไหนดูเทียบเอาได้หลังกล่อง) และขอติเล็กน้อยตรงนี้สกรีนมองเห็นยากไปนิด แต่พอใช้งานจริงก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะว่าหัวชาร์จแต่ละรุ่นมักจะแบ่งขนาดและรูปแบบของตัวเองอย่างชัดเจน

เมื่อรวมร่างเข้าไปกันหมดก็จะออกแบบมาเป็นแบบนี้ ดูแล้วแทบเหมือนเป็นที่ชาร์จมาจากโรงงานอย่างไรอย่างนั้น ข้อต่อทุกส่วนเชื่อมติดกันอย่างแน่นหนา แถมยังสะดวกพกพาไม่ต้องพกที่ชาร์จขนาดอันเท่ากล่องดินสออีกต่อไป

เริ่มต้นเสียบกับ ThinkPad T470 ซึ่งเป็นเครื่องรุ่นประมาณปีที่แล้ว ก็ยังสามารถชาร์จได้ปกติ (รุ่นนี้สามารถชาร์จผ่าน USB-C ได้)

จะสลับฝั่งก็ยังสามารถชาร์จไฟได้อยู่มี LED แสดงสถานะทั้งบนเครื่องและ Windows

ทีนี้ลองมาดู Dell Latitude 3340 รุ่นยอดฮิตของนักศึกษาและพนักงานองค์กร เนื่องจากมีน้ำหนักเบาแถมยังราคาไม่แพง เป็นหน่วยประมวลผล Intel i5-4210U พร้อมการ์ดจอในตัว รุ่นมาตรฐาน 13″ กินไฟไม่เยอะ

ถึงแม้ว่าตัวอะแดปเตอร์ที่แถมมาเมื่อใช้งานคู่กับสาย MagiCable 150 จะปรับกระแสไฟเป็น 65 วัตต์

ทดสอบกับ Acer 14″ รุ่นเก่าที่เป็น AMD A8 (จำชื่อรุ่นไม่ได้) ก็สามารถเสียบเข้ากับหัวชาร์จได้เช่นกัน

แต่สำหรับ Netbook รุ่นที่เป็น 30 วัตต์ จะไม่รองรับเพราะจ่ายไฟไม่เหมือนกัน เนื่องจากไม่ใช่ 18-20V

ทีนี้มาลองชาร์จกับสมาร์ทโฟน Honor 10 ที่เป็น USB-C และเป็นมาตรฐาน Android ปัจจุบัน (รวมถึงในอนาคต) อันนี้ก็สามารถชาร์จได้ปกติ แถมยังขึ้นมาชาร์จด่วนให้เห็น ซึ่งก็ไม่ต้องแปลกใจอะไรเพราะ PowerGear 60C จ่ายไฟได้เร็วและมีประสิทธิภาพ และหากเทียบกับการ์ชาร์จ iPhone X, และ iPhone 8, 8 Plus ด้วยกระแสไฟออกที่ 9V สามารถชาร์จไฟ 50% ได้ภายใน 30 นาที ชาร์จได้เร็วขึ้น 2.3 เท่า เมื่อเทียบกับหัวชาร์จที่แถมมาให้

ลองเสียบชาร์จเข้ากับ ThinkPad T470 รุ่นนี้รองรับการชาร์จผ่าน USB-C ด้วยเช่นกันก็สามารถชาร์จเข้าได้โดยตรงเลย และหากคุณมี MacBook ตามสเปคแล้วก็สามารถใช้งานได้เช่นกันครับ เพียงแต่ผมไม่มีเครื่องมารีวิวให้ดูกัน

ขนาดเมื่อเทียบกับที่ชาร์จมาตรฐานของ ThinkPad T470 และ Honor 10 จะเห็นได้ว่า PowerGear 60C มีขนาดเล็กกว่าด้วยประการทั้งปวง แถมยังมีขนาดเพียงแค่เท่าพวงกุญแจเท่านั้นเอง โดยหากคุณใช้สมาร์ทโฟน Android รุ่นใหม่ เท่ากับว่าไม่ต้องพกทั้งที่ชาร์จมือถือและโน้ตบุ๊คให้เกะกะกระเป๋าอีกต่อไป

ขนาดสายของ Innergie จะมีความยาวมาตรฐาน 1.5 เมตร รวมถึงตัวสายจะมีขนาดหนากว่า ซึ่งข้อดีก็คือทนทานกว่าสายชาร์จมือถือทั่วไป แต่เมื่อพันแล้วอาจดูมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย และตรงนี้หากใครไม่ชอบก็สามารถเลือกเปลี่ยนเอาของมือถือมาใช้งานแทนได้ครับ

ข้อดี

  1. ขนาดเล็กพกพางาน
  2. รองรับ USB-C (PD) และเปลี่ยนหัวชาร์จโน้ตบุ๊กได้
  3. ขาปลั๊กสามารถพับเก็บได้
  4. ระบบความปลอดภัย 5 ขั้นตอน
  5. การรับประกัน 3 ปี

ข้อเสีย

  1. ไม่มีหัวชาร์จ MagSafe
  2. มีขายสีขาวสีเดียว

สรุป

ขนาดเล็กพกพาใช้งานสะดวก แถมยังไม่กินพื้นที่เกะกะเวลาชาร์จ ทำให้ปลั๊กสามารถใช้งานร่วมกับผู้อื่นได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังจ่ายกำลังไฟแรงถึง 60 วัตต์ และก็ไม่ต้องกังวลเรื่องระเบิดเพราะมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง เหมาะทั้งเป็นที่ชาร์จโน้ตบุ๊กพกพา รวมถึงเป็นอะแดปเตอร์ตัวที่สองเพราะมันใช้งานได้หลากหลายจริง ๆ

หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial

REVIEW OVERVIEW
การออกแบบ
ใช้งานจริง
ความคุ้มค่า
คุณภาพวัสดุ
บริการหลังการขาย
Previous article[PR] 5 เคล็ดลับ ถ่ายภาพยังไงให้สวยและสนุกกับ Moto G6 Plus
Next articleXiaomi Black Shark ลดราคาเหลือ 16,071 บาท ส่งฟรีถึงไทย
review-innergie-powergear-60c-and-magicable-150ราคาค่อนข้างสูงแต่มีขนาดเล็กอย่างไม่น่าเชื่อ สามารถใช้ชาร์จ MacBook 12" และ MacBook Pro 13" ได้อย่างสบาย แถมถ้าหากคุณมีโน้ตบุ๊ก Windows ยี่ห้ออื่นก็สามารถซื้อหัวแปลงชาร์จไปใช้งานร่วมได้ด้วย นอกจากนี้ยังใช้งานกับสมาร์ทโฟน Android ที่เป็น USB-C ได้อีก ลงทุนครั้งเดียวใช้งานกันไปยาว ๆ เลยครับ