หลังจากเราได้ลง พรีวิว Vivo Y72 5G ก็ถึงคราวลงรีวิวจริงสักที กับการเปิดตัวด้วยราคาไม่ถึงหมื่นบาท แต่ได้สัมผัสประสบการณ์ความเร็วในระดับ 5G รองรับทั้ง SA และ NSA มาพร้อมกับความคุ้มค่าในแบบฉบับของ Y Series ที่ขายดีตลอดกาลจากวีโว่ ส่วนเรื่องกล้องมีการเอาคุณสมบัติหลายอย่างของ V Series เข้ามาเติมเต็มความคุ้มค่า งานนี้บอกเลยว่าจ่ายน้อยก็ได้ของดีกับ Vivo Y72 5G สมาร์ตโฟน 5G ในราคาไม่ถึงหมื่นบาท

Vivo Y72 5G

ความเดิมตอนที่แล้วเราอุบราคาไว้ แต่ตอนนี้บอกได้แล้วว่า Vivo Y72 5G ราคา 9,999 บาท อาจดูแพงหากคุณมองว่าเป็น Y Series ซึ่งตรงนี้เราต้องขอบอกเลยว่า “ต้นทุนชิป 5G ในตลาดแพงมาก” และอันนี้ก็ไม่ได้พูดเข้าข้างวีโว่แต่อย่างใด (ถ้าไม่จริงเราคงเห็นสมาร์ตโฟน 5G วางขายเกลื่อนแล้ว) แต่ทั้งนี้ทางวีโว่ก็ไม่ปล่อยให้ลูกค้ารู้สึกว่าแพง ด้วยการเติมเต็มคุณสมบัติหลายอย่างเข้าไปชดเชย

ทำไมต้องใช้ 5G

หลายคนอาจคิดว่า 4G แบบเดิมก็เร็วเพียงพอกับความต้องการอยู่แล้ว ไม่ได้ต้องการความเร็วระดับ 5G ไปทำอะไร (ซึ่งมันก็ถูกครึ่งนึง) แต่ความจริงก็คือการใช้งาน 5G ให้ความเร็วไม่ต่างจาก Wi-Fi ที่ใช้กันตามบ้าน (บางทีอาจเร็วกว่าด้วยซ้ำ) มีข้อดีหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นอัตราตอบสนองที่เร็วกว่า เช่นเล่นเกมแล้วได้ค่า Ping ที่ต่ำกว่า หรืออยู่กลางพื้นที่แออัด 5G จะรับสัญญาณได้ดีกว่า 4G เป็นต้น

สรุปโดยรวมก็คือ 5G เร็วกว่าและก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องซื้อของตกรุ่น (4G) มาใช้งาน เพราะจะช้าหรือเร็วยังไงเราก็ต้องปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีใหม่อยู่ดี ซื้อทั้งทีเอาเทคโนโลยีใหม่ไปเลยดีกว่า! เอาล่ะ … เรามาพูดถึงเรื่องของแถมกันบ้าง วีโว่ได้จัดเต็มกับของแถมเหมือนทุกครั้ง มีฟิล์มกันรอยติดมาจากโรงงาน, อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 18W, หูฟัง 3.5 มม., สายชาร์จ USB-C, เคสซิลิโคนมาให้ครบจบเลย!

สเปกและคุณสมบัติ

  • ระบบปฏิบัติการ Android 11 (ครอบทับด้วย Funtouch OS 11.1)
  • หน้าจอ IPS ขนาด 6.58″ Full HD+ (ความละเอียด 1080 x 2480 พิกเซล)
  • หน่วยประมวลผล MediaTek MT6833 Dimensity 700 5G
  • แรม 8 GB
  • รอม 128 GB (รองรับ microSD)
  • กล้องหลังแบบ 3 เลนส์ พร้อมไฟแฟลช LED
    • กล้องหลัก 64 MP (F/1.79)
    • กล้องมุมกว้าง 8 MP (F/2.2)
    • กล้องมาโคร 2 MP (F/2.4)
  • กล้องหน้า 16 MP (F/2.0)
  • รองรับสองซิม Hybrid (แชร์ร่วมกับ microSD)
  • ระบบสแกนลายนิ้วมือด้านข้างหน้าจอ
  • แบตเตอรี่ 5,000 mAh (รองรับชาร์จเร็ว 18W FlashCharge)
  • ขนาด 163.95 × 75.3 × 8.5 มม.
  • น้ำหนัก 193 กรัม

หากดูจากขนาดและรายละเอียดหลายอย่างของตัวเครื่อง ดูเหมือนจะใกล้เคียงกับ Vivo Y31 (ไม่รวมสเปกที่อยู่ภายใน) ซึ่งก็ไม่แปลกที่การใช้อะไหล่หลายอย่างร่วมกันได้ จะช่วยให้สามารถทำราคาเครื่องได้ถูกลง แต่ลูกค้าที่ซื้อ Vivo Y72 5G ก็ไม่ต้องน้อยใจไป เพราะทางวีโว่มีการออกแบบกล้องให้ใหม่ ดูแล้วไม่ซ้ำกับรุ่นไหนแน่นอน ทั้งนี้ก็ถือเป็นเอกลักษณ์ที่น่าสนใจประจำรุ่นนี้

หลังจากใส่ซิมปุ๊บก็แสดงผลคำว่า 5G มาให้เราได้เห็น (NSA/SA) ส่วนตัวผู้รีวิวใช้เครือข่ายของ AIS ก็สามารถจับสัญญาณได้เร็วดี โดยตัวชิปโมเด็มที่ทำการรับสัญญาณ 5G มาเป็นแบบ SoC หรือชิปในตัวมาจากโรงงานเลย แตกต่างกับสมาร์ตโฟนรุ่นปีก่อนหน้าที่หลายรุ่นเป็นแบบ “โมเด็มแยก” ความแตกต่างกันก็คือ MediaTek Dimensity 700 จะประหยัดพลังงานมากกว่า

5G ให้ประสบการณ์ความเร็วที่เหนือกว่า 4G อย่างเห็นได้ชัด

จากประสบการณ์ที่สัมผัสได้ในการใช้งานใจกลาง กทม. จะได้ความเร็ว 5G ที่เต็มสปีดเป็นพิเศษ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่ด้วย) คือเร็วจนไม่อยากจะเชื่อมต่อ Wi-Fi ให้เสียอารมณ์ บางครั้งเรามีแพทซ์ขนาดใหญ่ 200-300 MB อันนี้โหลดได้แบบไม่ต้องรอ บางครั้งเพื่อนลงเกมที่เครื่องเราไม่มี ถ้าเป็นแต่ก่อนต้องรอใช้ Wi-Fi แต่พอเปลี่ยนเป็น 5G เวลาดาวน์โหลดอารมณ์ใช้งานก็ต่อเนื่องมากกว่า

ตัวเครื่องและการออกแบบ

ถึงแม้ว่า Vivo 72 5G จะเป็นรุ่น Y Seires แต่ก็ทำเครื่องออกมาได้หรูหราและลงตัวมาก ให้ความรู้สึกว่าเป็นเครื่องที่มีความพรีเมียมอยู่เล็กน้อย ไม่ได้เป็นเหมือนสมาร์ตโฟนราคาประหยัดทั่วไป มีงานประกอบและการออกแบบที่ดูแล้วไม่เบื่อ สามารถจับเครื่องได้อย่างถนัดมือ ส่วนสีก็มีให้เลือกตั้งแต่สีดำ (Graphite Black) และสีฟ้าอมม่วง (Dream Glow) ให้ความรู้สึกที่ดีทั้งคู่อย่างเลือกไม่ถูก

ตัวกล้องเป็นแบบ Triple Camera มีการเรียงตัวในรูปแบบที่ไม่เหมือนรุ่นอื่น ประกอบไปด้วยเลนส์หลัก 64 MP (F/1.79), เลนส์มุมกว้าง 8 MP (F/2.2), เลนส์มาโคร 2 MP (F/2.4) ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป ถึงแม้ว่าส่วนตัวจะอยากได้เลนส์ซูมสักหน่อยก็ตาม เอาเป็นว่าที่มีอยู่ก็ถือว่าผ่านมาตรฐาน Y Series ได้แบบสบาย ใช้งานแล้วไม่รู้สึกว่าขาดหรือหายอะไรไปบางอย่าง

หน้าจอ

ด้วยข้อจำกัดที่ทางวีโว่ต้องการทำราคา 5G ให้ต่ำที่สุดจนเหลือไม่เกินหมื่นบาท ดังนั้นหน้าจอเลยไม่ได้เป็น AMOLED แต่เป็นเพียง IPS LCD ธรรมดาทั่วไป การใช้งานถ้าเป็นตอนกลางแจ้งจะสู้แสงไม่ดีนัก (แต่ก็ไม่ได้ถึงกับขนาดจอมืดมองอะไรไม่เห็นนะ) ส่วนการใช้งานทั่วไปก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับความละเอียด Full HD+ ที่ได้ทั้งประหยัดพลังงาน และไม่กินสเปกเครื่องเท่าไหร่นัก

เวลาขึ้นสัญลักษณ์ 5G แล้วรู้สึกมีพลังอย่างบอกไม่ถูก (ฮา) เอาล่ะครับมาต่อกันที่หน้าจอ Halo Fullview Display อันเป็นเอกลักษณ์ โดยอันนี้ก็แล้วแต่คนชอบเพราะบางคนชอบจอแบบเจาะรูมากกว่า ขนาดหน้าจอ 6.58″ อยู่ในระดับเป็นที่น่าพึงพอใจ อัตราส่วนภาพ 20:9 และมีอัตราส่วนหน้าจออยู่ที่ 90.6% ให้ช่วงขอบเขตสี NTSC อยู่ที่ 96% เอาไปดูหนังหรือเล่นเกมก็ไม่ขี้เหร่นะ

ระบบปฎิบัติการ

ตัวเครื่องมาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย Funtouch OS 11.1 ช่วงรีวิวมีอัปเดตไปประมาณ 2-3 รอบ (วีโว่ทำงานไวกันพอสมควร) เท่าที่ลองให้นางแบบใช้งาน Vivo Y72 5G ในครั้งแรกก็สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ตัวเครื่องมีการปรับแต่งเยอะพอสมควร สร้างความแตกต่างที่มากกว่าแบรนด์อื่น มีลูกเล่นและเครื่องมือช่วยอำนวยความสะดวกให้ใช้มากมาย

ประสิทธิภาพการใช้งาน

เป็นมากกว่าการใช้งานพื้นฐานทั่วไป เพราะชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 700 มีประสิทธิภาพสูงใช้ได้เลยทีเดียว หากเทียบกับคู่แข่งที่เป็น Snapdragon 732G ก็นับว่าเป็นมวยที่ถูกคู่ นอกจากนี้ทางวีโว่ยังได้จัดเต็มในเรื่องของ RAM 8 GB (LPDDR4X) และ ROM 128 GB (UFS 2.1) เลยมาตรฐานสมาร์ตโฟนขั้นต่ำ ก้าวเข้าสู่มาตรฐานใหม่ของสมาร์ตโฟนระดับกลางในปี 2021 ไปได้อย่างลงตัว

จอขนาดใหญ่จะดูหนังหรือเล่นเกมก็เต็มตา

เหมาะทั้งดูหนังและเล่นเกม

การดูหนังหรือเล่นเกมเองก็ไม่ได้เป็นรองใคร ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 6.58″ ให้เต็มตาเต็มอารมณ์ นอกจากนี้ทางวีโว่ยังได้มีการปรับลำโพงเป็น Super Linear รุ่น 1612 ให้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น แม้ว่าจะมาจากลำโพงมือถือขนาดเล็กเองก็ตาม และยังมีเทคโนโลยี Speaker Boost 3.0 ที่สามารถเร่งเสียงลำโพงให้เป็นสองเท่า (200%) ให้ความดังมากกว่ามาตรฐาน โดยที่เสียงลำโพงไม่แตกไปเสียก่อน

ส่วนคอเกมสบายใจได้เพราะว่ามี Game Mode ฝังมาให้กับเครื่องเลย ข้อดีก็คือสามารถปรับแต่งดึงประสิทธิภาพเครื่องออกมาได้อีก นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือช่วยอำนวยความสะดวกในการเล่นเกม ไม่ให้มีอุปสรรคมาขัดขวางระหว่างเรากำลังแข่งขัน อีกทั้งยังจัดการทรัพยากรและอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี และนอกจากนี้ก็มีระบบสั่นแบบ 4D แถมเข้ามาให้เพิ่มอรรถรสในการเล่นด้วย (สำหรับเกมที่รองรับ)

กล้องหลัง

เห็นครั้งแรกแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าเป็น Y Series คิดว่าเป็น V Series เสียอีก! ไม่น่าเชื่อว่ากล้องวีโว่จะพัฒนาไปไวมาก ถึงขนาดที่ว่ากดถ่ายเล่น ๆ ยังไงก็ให้ภาพออกมาสวย ระบบการจับวัตถุเพื่อละลายฉากหลัง (AI) ทำออกมาได้ฉลาดและเนียนมาก แม้ว่าจะมีเพียงแค่กล้องหลัก 64 MP (F/1.79) เองก็ตาม ส่วนตัวกล้องมุมกว้าง 8 MP (F/2.2) ถือว่าดรอปลงพอตัวเมื่อเทียบกล้องหลัก

กล้องมุมกว้าง 8 MP (F/2.2) คือไม่ใช่ว่าจะไม่ดีอะไรนะ! แต่คือพอเทียบกับกล้องหลักแล้วดูดรอปไปนิดหน่อย ด้วยข้อจำกัดในเรื่องของความละเอียด รวมถึงเรื่องรูรับแสงและปัจจัยอื่นด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนต้องการกล้องมุมกว้าง เพราะมันช่วยในการถ่ายภาพให้ดูผอมและขายาวได้ดี เปิดประสบการณ์ถ่ายรูปในมุมมองอื่น ๆ เพิ่มเติมจากกล้องหลักได้เยอะ (ของมันต้องมี!)

เคล็ดลับที่ทำให้กล้อง Vivo Y72 5G ออกมาได้สมบูรณ์แบบ ส่วนหนึ่งนอกจากความละเอียดและรูรับแสงแล้ว คงต้องยกให้กับความดีงามของ CMOS ที่ใช้เทคโนโลยี Binning Pixel ในรูปแบบ 4-in-1 ที่ผสมผสานเป็นเม็ดพิเซลขนาดใหญ่ ช่วยให้ภาพได้ความละเอียดและความลึกของสีที่สมบูรณ์ นอกจากนี้ตัวกล้องยังมี AI มาคอยช่วยปรับแต่งการตั้งค่า Auto ให้เหมาะสมกับบรรยากาศภาพ

กล้องหน้า

สำหรับในส่วนของกล้องหน้าความละเอียด 16 MP อาจดูเหมือนน้อย แต่ความจริงก็เพียงพอสำหรับการใช้งานแล้วครับ (ไม่เชื่อดูภาพตัวอย่าง) และในแบรนด์วีโว่เองก็มีจุดเด่นอยู่ตรงที่การเซลฟี่อยู่แล้ว สามารถปรับระดับความเนียนของหน้า (Beauty Mode) ได้ตามใจชอบรวมถึงกล้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นการเติมส่วนที่อยากเพิ่ม หรือลดส่วนที่อยากให้เล็กลง แล้วก็ปรับผิวให้เนียนได้แบบไม่หลอกตา

มีอีกหลายคุณสมบัติที่น่าสนใจ อย่างคุณสมบัติสุดเทพอย่างโฟกัสดวงตา “Eyes Tracking” ก็มีมาให้ในรุ่นนี้ด้วยเช่นกัน โดยตัวกล้องจะจับโฟกัสไปที่ดวงตาของบุคลลเมื่ออยู่หน้ากล้อง ลดโอกาสที่ภาพจะเบลอระหว่างการเคลื่อนไหวร่างกายได้ เข้าใจว่าเป็นแบบเดียวกับ Vivo V20 ที่เราเคยได้รีวิวไปก่อนหน้านี้เมื่อปีที่แล้ว ในครั้งนี้วีโว่ให้มาบน Vivo Y72 5G ครบถ้วนแบบไม่หวง

(แถม) สำหรับเลนส์มาโครยังไม่รู้สึกว่ามันพิเศษหรือน่าค้นหาเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่พูดถึงเลยก็คงดูตลกไปนิดนึง เลนส์ตัวนี้เป็นกล้องมาโคร 2 MP (F/2.4) ที่จำเป็นต้องใช้ทักษะและแสงช่วยพอสมควร เหมาะกับการถ่ายวัตถุขนาดเล็กกลางแจ้งมากกว่า หากเป็นภายในอาคารสว่างไม่พอมีโอกาสดับสูงมาก ก็คิดเสียว่าเป็นอีกหนึ่งเลนส์ที่ทางวีโว่แถมมาให้ก็แล้วกันครับ ใช้ถ่ายเล่นแบบสนุกขำ ๆ ไม่จริงจัง

ข้อดี

  1. 5G รองรับทั้ง SA และ NSA
  2. กล้องหลังความละเอียด 64 MP
  3. แบตเตอรี่อึด 5,000 mAh
  4. รองรับชาร์จเร็ว 18W FlashCharge

ข้อเสีย

  1. เพราะรองรับ 5G ราคาจึงสูงขึ้นเล็กน้อย
  2. หน้าจอยังเป็น IPS LCD แบบเดิม

สรุป

ถึงจะเป็นรุ่นเล็กแต่ก็ให้มาครบแบบใจถึง Vivo Y72 5G ราคา 9,999 บาท สมาร์ตโฟน 5G รุ่นแรกในตระกูล Y Series มาพร้อมกับชิป MediaTek Dimensity 700 ให้ความเร็วที่ไม่ธรรมดา มีกล้องหลังเป็นจุดข่ายเพื่อการถ่ายภาพบุคคลโดยเฉพาะ สามารถโฟกัสดวงตา ระบบ AI ฉลาดทำให้ถ่ายรูปได้ง่าย สุดท้ายก็คือหน้าจอขนาดใหญ่ และแบตเตอรี่ที่ให้มาแบบไม่หวง รองรับชาร์จเร็ว 18W FlashCharge

หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial