หลังจากยอดขาย Y20 ประสบความสำเร็จอย่างดี ก็ถึงเวลาเปิดตัว Vivo Y20s ที่เป็นรุ่นอัปเกรดเพิ่มประสิทธิภาพ ทั้งในเรื่องของหน่วยความจำ เพิ่มแรม ระบบชาร์จเร็ว 18W เรียกได้ว่าปิดจุดอ่อนของรุ่นก่อนหน้าได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็ยังคงจุดเด่นเหมือนเดิมด้วยแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh ตอบโจทย์คนที่อยากได้สมาร์ตโฟนสักเครื่อง ที่สามารถเล่นใช้งานได้ยาวนาน รองรับระบบชาร์จเร็ว แต่ก็ยังคงอยากได้หน้าจอใหญ่ มีสเปกที่สูงขึ้นรองรับการใช้งานได้ยาวนานกว่า แลกกับราคาเพิ่มอีกพันนึง

Vivo Y20s
Vivo Y20s

Vivo Y20s

ความแตกต่างโดยรวมของรุ่น Vivo Y20s ที่อัปเกรดเพิ่มจากรุ่น Vivo Y20 แลกกับราคา 6,599 บาท (แพงกว่าเดิมหนึ่งพันบาท) ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือเรื่องของระบบชาร์จเร็ว 18W ที่เพิ่มเติมเข้ามา มีหน่วยความจำทั้ง RAM และ ROM ที่เยอะขึ้นเป็นเท่าตัว 8/128 GB แต่หน่วยความจำยังคงเป็น Snapdragon 460 เหมือนรุ่นเดิม รวมถึงกล้องและปริมาณแบตเตอรี่ ส่วนเรื่องของตัวเครื่องและน้ำหนักเท่าเดิมทุกประการ หากพูดให้ถูกก็คือมันก็คือเครื่องเดิม 100% แบบเดียวกันเลย

สเปกและคุณสมบัติ

  • ระบบปฏิบัติการ Android 10 (ครอบทับด้วย Funtouch OS 10.5)
  • หน้าจอ Halo FullView Display ขนาด 6.51″ (ความละเอียด 1600 x 720 พิกเซล)
  • หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 460 (SM4250)
  • แรม 8 GB
  • รอม 128 GB (รองรับ microSD)
  • กล้องหลัง AI Triple Macro Camera
    • กล้องหลัก 13 MP (F/2.2)
    • กล้องละลายฉากหลัง 2 MP (F/2.4)
    • กล้องมาโคร 2 MP (F/2.4)
  • กล้องหน้า 8 MP (F/1.8)
  • ระบบสแกนลายนิ้วมือด้านข้างจอ
  • แบตเตอรี่ 5,000 mAh รองรับ FlashCharge (18W)
  • ขนาด 164.41 x 76.32 x 8.41 มม.
  • น้ำหนัก 192 กรัม

แต่ถึงขนาดและดีไซน์ตัวเครื่อง Y20s และ Y20 จะเหมือนกันทุกประการ แต่ทางวีโว่ก็ได้ออกแบบสีใหม่เป็นสีดำ (Obsidian Black) และสีฟ้า (Purist Blue) ที่ให้ความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เท่ากับว่าหากใครซื้อรุ่น Y20s ยังไงก็จะได้สีฟ้าหลังที่แตกต่างจาก Y20 ส่วนนอกนั้นลักษณะทางกายภาพ ก็จะเหมือนกันทุกประการ แต่ส่วนตัวผู้รีวิวคิดว่า Y20s คุ้มกว่าตั้งแต่ได้ RAM และ ROM เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ส่วนเรื่องของชาร์จเร็ว 18W ก็ถือว่าเป็นของแถม อ้อ … ได้อแดปเตอร์แถมมาด้วยนะ!

อันที่จริงเรื่องของรีวิวก็ไม่มีอะไรแตกต่างมาก อ่านรีวิวเก่า เทียบหรือใช้แทนกันได้เลย (อย่างที่บอกมันปรับสเปกนิดเดียว) ในเรื่องของการออกแบบก็มาด้วยดีไซน์เรียบง่าย สีเน้นความนุ่มนวลไม่ฉูดฉาดเหมือนรุ่นก่อนหน้า ขนาดอยู่ที่พอดีมือใช้งานง่ายเหมาะกับผู้เริ่มต้น มีการติดฟิล์มกันรอยมาให้จากโรงงาน พร้อมแถมเคสใส่มาให้ในกล่อง (ไม่มีหูฟังให้เหมือนเดิม) ส่วนเรื่องของความเร็วจะสูงกว่า Vivo Y12s อยู่พอสมควร และมีการใช้ชิปเป็น Snapdragon 460 ที่เข้ากับเกมส่วนใหญ่ได้ดีกว่า

ตัวเครื่องสามารถใส่ซิม 4G ได้สองซิมพร้อมกัน และสามารถเพิ่ม microSD แยกได้แบบไม่ต้องแชร์ช่องใส่ซิม เป็นอีกหนึ่งความคุ้มค่าที่ทางวีโว่มอบให้ ผู้ใช้งานสามารถแยกซิมเน็ตราคาถูกมาใส่เพิ่มได้ ในขณะเดียวกันหากตัวเครื่องหน่วยความจำเต็มก็สามารถเก็บใส่ microSD แยกได้อีกต่างหาก แต่ส่วนตัวผู้เขียนรีวิวคิดว่า 128 GB หน่วยความจำภายในเครื่องก็เหลือเฟือสำหรับการใช้งาน ส่วนเรื่องของ 5G นั้นไม่รองรับ ซึ่งก็คิดว่าคงไม่มีคนคาดหวังอะไร กับสมาร์ตโฟนราคาถูกแบบนี้อยู่แล้ว

หน้าจอตัวเครื่องไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงจากเดิม ยังคงเป็นหน้าจอ Halo FullView Display ขนาด 6.51″ ออกแบบมาเพื่อการใช้งานมัลติมีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมหรือดูภาพยนตร์ ชนิดของหน้าจอเป็น IPS ความละเอียด HD+ ด้วยอัตราส่วน 20:9 มาพร้อมเทคโนโลยี In-cell ช่วยให้สีสันสดใสมีความคมชัด เพิ่มเติมคือคุณสมบัติกรองแสงสีฟ้าช่วยปกป้องดวงตาผู้ใช้งาน จะบอกว่ามันเหมาะกับการเล่นเกมเลยก็ว่าได้ เพราะมันมาพร้อมกับระบบชาร์จเร็วที่ช่วยชาร์จแบตได้อย่างเร็ว

การออกแบบ

หากคุณคิดว่าสมาร์ตโฟนราคา 5-6 พันบาท จะต้องมีหน้าตาดูก๊องแก๊งนั่นไม่จริงเสมอไป วีโว่ออกแบบสมาร์ตโฟนราคา 6,599 บาท ได้สวยหรูเทียบเท่าราคาหลักหมื่นบาท ส่วนฝาหลังให้สัมผัสความรู้สึกที่ดีไม่เหมือนใคร ฝาหลังเป็นแบบด้านให้ความรู้สึกแปลกใหม่ (และลดรอยนิ้วมือ) มอบความรู้สึกสัมผัสตัวเครื่องที่บาง และเบา พร้อมด้วยสีสันสดใส สวยสะดุดตา สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ เมื่อมีแสงมากระทบจะมีการไล่ระดับสีเล็กน้อย ถือแล้วไม่อายไม่น้อยหน้าใคร โดยรวมแล้วหน้าตาดูดีทีเดียว

กล้อง

ภายในมาพร้อมกับเลนส์ AI Triple Camera อันประกอบไปด้วยกล้องหลัก 13 MP (F/2.2), กล้องละลายฉากหลัง 2 MP (F/2.4), และกล้องมาโคร 2 MP (F/2.4) สามารถถ่ายได้ไม่แพ้รุ่นระดับราคาเกือบหมื่น มีการเพิ่มกล้องมาโครมาเพื่อให้สามารถถ่ายวัตถุขนาดเล็กได้ แต่ส่วนตัวแล้วผู้เขียนรีวิวชอบเลนส์มุมกว้างหรือเลนส์ซูมมากกว่า เรื่องคุณภาพก็อยู่ในระดับที่ถ่ายลง Facebook, IG ได้แบบไม่อายใคร คุณภาพกล้องพัฒนาไปมาก หากอยู่ในที่มีแสงเพียงพอยังไงก็ถ่ายสวย

หน้าจอ

จุดเด่นอย่างหนึ่งของรุ่นนี้ ก็ยังคงเป็นที่หน้าจอขนาดใหญ่ Halo FullView Display ขนาด 6.51″ เรื่องสีสันไม่อาจสู้รุ่นแพง ๆ ได้ก็จริง แต่ในเรื่องขนาดหน้าจอเมื่อเทียบราคาก็สุดคุ้ม ความละเอียด HD+ แม้ว่าจะไม่เต็มตาเหมือน Full HD แต่ก็มีข้อดีคือมันไม่ได้ต่างกันมาก (หากมองแบบไม่จับผิด) และด้วยความละเอียดระดับนี้ส่งผลให้กินแบตเตอรี่น้อยกว่า ส่วนคอเกมก็จะได้รับอานิสงส์เพิ่มเติมไปอีก คือการที่ตัวเครื่องใช้ทรัพยากร (กินแรมน้อยกว่า) ทำให้สามารถเล่นเกมได้ค่าเฟรมเรตที่ดีกว่า

หน้าจอกรองแสงสีฟ้า ปกป้องดวงตา

สำหรับคนดูหนังก็ดูได้อย่างเต็มตา (เกือบ) ไร้ขอบ และสำหรับคนเล่นเกมก็ฟินอีกเช่นกัน เพราะมีการใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon 460 สามารถเล่นเกม 3D ได้แต่ต้องเลือกความละเอียดกลาง ๆ ส่วนถ้าเป็นเกม 2D ทั่วไปยังไงก็เอาอยู่ และถ้าหากรู้สึกว่าเฟรมเรตยังต่ำเกินไปวีโว่มีเครื่องมือช่วยอย่าง Ultra Game Mode และ Multi-Turbo 3.0 ที่ช่วยให้การเล่นเกมลื่นไหลมากยิ่งขึ้น และยังมีโหมด E-sport ที่จะช่วยจัดการการแจ้งเตือนและสายโทรเข้า ไม่ให้มารบกวนเราตอนจังหวะเล่นเกม