สมาร์ตโฟนราคาไม่เกินหมื่น หนึ่งในรุ่นใหม่ล่าสุดที่น่าจับตามองคือ Vivo S1 ราคา 8,999 บาท พร้อมความหรูหรากับดีไซน์ระดับสองหมื่น รองรับการสแกนนิ้วบนหน้าจอ แถมยังมีกล้องหน้า 32 MP ที่มาพร้อมกับระบบเซลฟี่ด้วย AI เพิ่มความสวยเนียนเอาใจสาว ๆ ที่ชื่นชอบการเซลฟี่ และตอนนี้ได้ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก เป็นพรีเซนเตอร์คนล่าสุดภายใต้แนวคิด “Unlock Your Style” สะท้อนภาพลักษณ์ของเครื่องได้เป็นอย่างดี
Vivo S1
เปิดให้จองกันเป็นที่เรียบร้อยกับ Vivo S1 ในราคาเพียง 8,999 บาท พร้อมของแถมมากมายผ่านทาง Vivo Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ เหมาะสำหรับผู้หญิงเป็นอย่างยิ่ง เพราะความสวยงามของเครื่องไม่เป็นรองใคร ดูหรูหราทุกครั้งที่หยิบขึ้นมาใช้งาน กล้องหน้า 32 MP พร้อมเซลฟี่ด้วย AI
Unlock Your Style
แต่หากจะคิดว่าสวยแต่เครื่องขอบอกเลยว่าคิดผิด เพราะยังมาพร้อมกับฟีเจอร์สุดล้ำอย่าง ระบบสแกนนิ้วบนหน้าจอ ด้วยราคาไม่ถึงหมื่นบาท ไม่ต้องเอาสแกนนิ้วมือไปหลบหลังหน้าจอ และยังส่งผลทางตรงให้หน้าจอขนาด 6.38 นิ้ว มีพื้นที่หน้าจอสูงถึง 89.98% (เกือบถึง 90%) เวลาใช้งานหรือดูซีรี่ย์ก็จะได้เต็มตา
อุปการณ์ภายในกล่อง
- ตัวเครื่อง (พร้อมติดฟิล์มจากโรงงาน)
- เคสซิลิโคนกันกระแทก
- สายชาร์จ Micro USB
- หูฟังชนิด 3.5 มม.
- อะแดปเตอร์แบบชาร์จเร็ว
สเปก | Vivo S1
- ระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie (ครอบทับด้วย Funtouch OS 9)
- หน้าจอ 6.38″ Super AMOLED FHD+
- หน่วยประมวลผล MediaTek MT6768 Helio P65
- แรม 6 GB
- รอม 128 GB (รองรับ microSD)
- กล้องหลัง AI Triple Camera 16 + 8 + 2 MP (f/1.78 + f/2.2 + f/2.4)
- กล้องหน้า 32 MP (f/2.0)
- รองรับระบบสแกนนิ้วบนหน้าจอ
- รองรับ 4G ทั้งสองซิม (ไม่แชร์กับ microSD)
- แบตเตอรี่ 4500mAh รองรับ Fast Charge 9V 2A
- ขนาด 159.53 × 75.23 × 8.13 มม.
- น้ำหนัก 179 กรัม
สำหรับสีก็มีให้เลือก 2 สี ประกอบไปด้วย Diamond Black (ตัวที่รีวิว) และ Skyline Blue แต่โดยส่วนตัวแนะนำสีที่รีวิวนี้มากกว่า เพราะเป็นการใช้ดีไซน์แบบ Diamond Pattern ผ่านการไล่สีน้ำเงินและสีม่วงอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ดูเหมือนเพชรที่กำลังเปล่งประกายล้อมรอบด้วยสีดำ เมื่อขยับเครื่องจะสะท้อนกับแสง
บริเวณตัวเลนส์ด้านหลังมีการตัดขอบอลูมิเนียมสีทอง สะท้อนความหรูหรากับคำว่า AI Triple Camera ได้เป็นอย่างดี หากว่าตามตรงแล้วเลนส์จะนูนออกมาจากตัวเครื่อง แต่ดูแล้วไม่รู้สึกว่ามันเป็นส่วนเกินเลย เหมือนเป็นการสร้างความโดดเด่นและอัตลักษณ์ให้กับเครื่องมากกว่า ยิ่งตัดกับสีดำยิ่งให้ความรู้สึกมีสเน่ห์
ถึงแม้ว่าจะเป็นเครื่องขนาดหน้าจอ 6.38 นิ้ว แต่ด้วยความที่มีพื้นที่หน้าจอสูงถึง 89.98% (เกือบถึง 90%) และอัตราส่วนหน้าจอที่เน้นไปทางยาว 19.5:9 เมื่อถือแล้วไม่ให้ความรู้สึกว่ามันใหญ่เทอะทะเท่าไหร่นัก
ด้านหน้าเหมือนจะไม่มีกล้องหน้า แต่แท้จริงแล้วกล้องขนาดเล็กแอบอยู่ในรูปทรงจอหยดน้ำ ส่วนจอแสดงผลแบบนี้ทางวีโว่เรียกมันว่า Halo FullView Display โดยมีการซ่อนเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ให้มีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนช่องของลำโพงสนทนาซ่อนอยู่บริเวณขอบเครื่อง ทำให้หน้าจอดูเรียบเนียนไม่มีส่วนเกิน
ในขณะที่หลายแบรนด์กำลังหมกหมุ่นอยู่ใน USB-C ที่ยังคงเป็นที่ครหากันอยู่ว่า “ถึงเวลาแล้วหรือยัง” แต่ทางวีโว่เองยังเน้นการค่อยเป็นค่อยไป และยังคงเลือกใช้ Micro USB อยู่เช่นเดียวกับรุ่นเรือธงอย่าง Vivo V15 Pro ยังมาพร้อมอะแดปเตอร์จ่ายไฟ 9V, 2A (18W) เพื่อรองรับ Dual-Engine Fast Charging
(ลืมบอกไป) ว่าตัวเครื่องยังรองรับหูฟัง 3.5 มม. อีกด้วยเช่นกัน เท่ากับว่าคุณไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์อะไรใหม่เลย สามารถใช้สายชาร์จและหูฟังร่วมกับสมาร์ตโฟนรุ่นเก่าได้อย่างไม่มีปัญหา ช่วยให้ประหยัดเงินได้เป็นอย่างดี … ส่วนภาพด้านบนสื่อให้เห็น “ปุ่มกดอัจฉริยะ” อันนี้กดหนึ่งครั้งเพื่อเรียก Google Assistant และยังกดสองครั้งเพื่อเรียกใช้งาน Jovi Image Recognizer ได้อีกด้วย
หน้าจอทรงหยดน้ำเป็นหยดน้ำที่อยู่บนหน้าจอที่เล็กมาก จนแทบไม่รู้สึกว่ามันเป็นติ่งหรือเกะกะอะไร เมื่อใช้งานทั่วไปจะดูกลมกลืนไปกับแท็บสถานะที่อยู่บนหน้าจอ อันนี้ขอยอมรับเลยว่าผู้ผลิตทำออกมาได้ดีมาก หากใครสังเกตลองเปิดรีวิวเทียบกับ Vivo Y12 จะสามารถรับรู้ได้ถึงความแตกต่าง และนี่ทำให้ความหรูต่างกัน
การปลดล็อกลายนิ้วมือบนหน้าจอ อยู่ในระดับที่มีความเร็วประมาณ 0.5 วินาที (วัดด้วยความรู้สึก) สแกนไม่ได้ยากเย็นอะไรนักยังมองหาข้อเสียไม่เจอ แต่ที่ประทับใจก็คือเอฟเฟกต์การปลดล็อก ที่มีให้เลือกใช้งานอีกหลากหลายรูปแบบ ให้การปลดล็อกสนุกมากขึ้น แถมยังใช้งานร่วมกับการปลดล็อกด้วยใบหน้าได้ด้วย
หน้าจอแสดงผลตลอดเวลา (Always On Display) พบเห็นได้กับสมาร์ตโฟนเรือธงของ Samsung ซึ่งก็ไม่ได้แปลกอะไรเพราะเขาเป็นคนผลิตหน้าจอ Super AMOLED และสำหรับ S1 เองก็ไม่พลาดที่จะเอาคุณสมบัตินี้มาใช้งานด้วย เพิ่มเติมก็คือการออกแบบใหม่ให้มีรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย ไม่น่าเบื่อ
พูดถึงหน้าจอที่ใช้ของ Samsung ไปแล้วคราวนี้มาพูดถึงกล้องที่เลือกใช้เซ็นเซอร์กล้อง Sony IMX499 ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตเซ็นเซอร์เกรดคุณภาพสูง (และแพง) ไม่แพ้หน้าจอ Super AMOLED อยู่เหมือนกัน งานนี้พูดได้เต็มปากว่าไม่ใช่แค่เครื่องพรีเมียม แต่ชิ้นส่วนและองค์ประกอบในเครื่องก็เลือกของพรีเมียมเช่นกัน
ทดสอบใช้งานจริง
หลังจากรีวิวทดสอบมาร่วมสัปดาห์ ค้นพบว่ามันเป็นสมาร์ตโฟนที่สวยงามทุกครั้งที่สัมผัส (ผู้หญิงน่าจะชอบ) มีหน้าจอขนาดใหญ่เหมาะกับการดูซีรี่ย์และ YouTube ได้อย่างเต็มตา ไม่จำเป็นต้องกลัวแบตจะหมด เพราะเครื่องนี้ให้มาถึง 4500mAh เหลือเฟือสำหรับการใช้งานและถ่ายรูปตลอดทั้งวัน ส่วนโหมดของกล้องมีให้เล่นมากมายตั้งแต่ AI Face Beauty, Selfie Lighting, AR Stickers, AI Filter และอื่น ๆ
AI Face Beauty
Selfie Lighting
กล้องหน้า 32 MP (f/2.0) บางคนอาจคิดว่าไม่จำเป็น ทำไมถึงต้องชัดละเอียดขนาดนั้น จะซูมไปจนถึงรูขุมขนหรืออย่างไร แต่แท้จริงแล้วหากคุณต้องการความละเอียดของภาพ เพื่อที่จะสามารถเอาไปแต่งภาพต่อได้ก็ยังมีความจำเป็นอยู่บ้าง เพราะการแต่งจากต้นฉบับที่ละเอียด ยังไงก็ดีกว่าการแต่งภาพจากต้นฉบับที่ไม่ชัดพอ
ขอบจอบางทุกด้านช่วยให้การดูหนังมีอรรถรสมากยิ่งขึ้น
การเล่นเกมส่วนใหญ่ในปัจจุบันสามารถปรับสุดได้เลย
ประสิทธิภาพ
การใช้งานก็ลื่นไหลตามสไตล์ Android 9 Pie (ครอบทับด้วย Funtouch OS 9) มีสีสันสดใสมาก การใช้งานโดยรวมง่าย และแอปพลิเคชันที่แถมมากับเครื่องก็ไม่เยอะเท่าไหร่ (มีแค่ในภาพ) สามารถปรับการตั้งค่าด่วนด้วยการเลื่อนบาร์ด้านล่างเพื่อเข้า Quick Settings สำหรับการเลือกเปิด/ปิดหรือปรับค่าต่าง ๆ
ตามภาษาผู้หญิงที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ Theme, Wallpaper และ Fonts ซึ่งทั้งหมดนี้ฟรี!
รักษาความปลอดภัยได้ยันเข้ารหัสแอปฯ สามารถใช้ลายนิ้วมือและใบหน้าเพื่อปลดล็อก
สามารถแบ่งสองหน้าจอได้ โคลนแอปพลิเคชันได้ (LINE, Facebook)
เพื่อรีดประสิทธิภาพสูงสุดในการเล่นเกม Ultra Game Mode จะช่วยเพิ่มหลัง CPU และ GPU ให้ถึงขีดสุดส่งผลให้เฟรมเรตเกมนิ่งมากขึ้น กำหนดการใช้สัญญาณเน็ต ป้องกันการรบกวนจากผู้ติดต่อภายนอก หรือจะย่อเกมไว้เผื่อเล่นจอเล็ก (ถ้าเกมรองรับ) ส่วนใครเล่นเกมที่ต้องบอทอันนี้สำคัญมาก เพราะปิดจอเล่นได้ด้วยครับ
สามารถปรับได้หลากหลาย ทั้งในโหลดธรรมดาและโหมดมืออาชีพ (ลากชัตเตอร์ได้ 32 วินาที)
RAM ที่ให้มา 6 GB และ ROM ที่ให้มา 128 GB ขอบอกว่าเหลือเฟือ
ตัวช่วยสำหรับการใช้งานอัจฉริยะช่วยให้สะดวกสบายขึ้น
หนึ่งในคุณสมบัติด้าน AI ช่วยในการจัดองค์ประกอบภาพ
ทดสอบกับแอปพลิเคชัน AnTuTu ได้ไป 133,562 คะแนน
AI Super Wide-Angle Camera
กล้องหลังมี AI Super Wide-Angle Camera ที่สามารถถ่ายมุมกว้างได้ถึง 120 องศา ช่วยให้สามารถเก็บภาพบุคคลและภาพวิวทิวทัศน์ได้กว้างขึ้น หากเป็นการถ่ายภาพหมู่กล้องก็จะสลับไปที่โหมดนี้อัตโนมัติ ข้อดีก็คือเก็บภาพได้กว้างมากและมีความบิดเบี้ยวน้อย โดยจะเก็บภาพที่มุมกว้าง 108 องศา
Selfie Lighting
คุณสมบัตินี้ใช้ได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง Selfie Lighting สามารถจัดแสงได้หลากหลายรูปแบบ ช่วยให้การถ่ายรูปไม่ซ้ำซากจำเจเหมือนอดีต นอกจากนี้ยังมี AI Filter ที่ช่วยเลือกฟิลเตอร์ให้เราได้อัตโนมัติ (แต่ยังมีให้เลือกไม่เยอะเท่าไหร่) ส่วนกล้องหน้าจะได้ความละเอียด 32 MP ความชัดระดับ Ultra HD
AI Face Beauty
ภาพปกติจะเก็บรายละเอียดได้ค่อยข้างเยอะ (มาก) แต่หากปรับด้วย AI Face Beauty อันนี้ไม่ต้องเหนื่อยทำเองเพราะระบบจะเลือกค่าที่เหมาะสมให้เอง หากเป็นผู้ชายก็จะมีการปรับให้เหมาะกับสภาพเพศ (ไม่ดูสาวจนเกินไป) ส่วนรายละเอียดปรับเองได้หมดดังนี้
- ผิวนวล
- โทนสีผิว
- ปรับขาว
- หน้าบาง
- ปรับรูปหน้า
- กราม
- ตาโต
- ช่วงตา
- หน้าผาก
- รูจมูก
- จมูกเรียว
- ดั้ง
- รูปปาก
ทั้งหมดนี้สามารถเลือกได้เองหมดเลย แต่ดูเหมือนจะวุ่นวายมากไปหน่อย ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าเดิมที AI ก็ปรับมาให้ค่อนข้างดีประมาณหนึ่งแล้ว เว้นเสียแต่ว่าใครไม่มั่นใจส่วนไหน หรืออยากเพิ่มหรือลดอะไรพิเศษ และการที่ภาพละเอียดจะช่วยให้ปรับได้เนียนมากขึ้น
ข้อดี
- กล้องสามตัว (AI Triple Camera)
- แบตเตอรี่ 4500mAh ใช้งานทั้งวัน
- สแกนนิ้วบนหน้าจอ
- มีเคสในตัว ติดฟิล์มมาจากโรงงาน
- หน้าจอใหญ่ 6.38 นิ้ว
- กล้องหน้า 32 MP (AI Selfie)
- วัสดุหรูหราเกินราคา
ข้อเสีย
- ยังใช้พอร์ต Micro USB
- ไม่รองรับ NFC
สรุป
Vivo S1 ตัวเลือกสุดคุ้มที่หากเทียบกับ Vivo V15 แล้วทำเอาคิดหนัก ความสวยงามและดีไซน์ที่ทำออกมาระดับฆ่าเรือธง กล้องหน้าสุดของที่สุดและหากเทียบกับราคายิ่งทำให้ตัดสินใจยากขึ้นไปอีก เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ทำออกมาได้ประทับใจแทบไม่มีอะไรให้ติ เหมาะกับผู้หญิงยุคใหม่ที่อยากได้ความสวยงาม ประสิทธิภาพ กล้อง และจอไปด้วยกัน แต่ก็ยังคงตีกรอบไว้ในช่วงราคาไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
เปิดให้ Pre-Order สมาร์ตโฟน Vivo S1 ราคา 8,999 บาท ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม – 31 กรกฎาคม 2562 ที่ Vivo Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือสั่งจองผ่านช่องทางออนไลน์ Lazada พร้อมของแถม S Serie Box Set และกระเป๋าสะพาย ได้ที่ลิงก์นี้ https://bit.ly/2SoqsUM
หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial