GrabCar คือ บริการเรียกรถส่วนตัวพร้อมคนขับ ผ่านทางแอปพลิเคชัน GrabTaxi (ต่างจากรถแท็กซี่ทั่วไป) ซึ่งราคามันถูกเสียยิ่งกว่าซื้อรถมาขับเองเสียอีก! และด้วยสภาวะรถติดในปัจจุบันแนะนำให้ลืมเรื่องซื้อรถไปได้เลย ท้ายรีวิวมีแจกโค้ดนั่งฟรีด้วยนะ!
GrabCar คืออะไร
หากใครเคยอ่านบทความก่อนหน้า รีวิว GrabTaxi “เรียกแท็กซี่ง่าย ๆ ไม่ต้องก้มกราบ” คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก สรุปแล้วก็คือ GrabCar เป็นบริการส่วนหนึ่งของ Grab แต่เปลี่ยนจากรถแท็กซี่สาธารณะไปเป็น “บริการรถสุดหรูส่วนบุคคล” กล่าวก็คือได้รถที่นั่งสบายกว่าในราคาที่คุณเลือกได้
- เลือกธรรมดา (Economy) คือ รถบ้านทั่วไปโดยอาจเป็นอีโค่คาร์
- เลือกพลัส (Premium) คือ รถลิมูซีนอีกระดับซึ่งจะนั่งสบายกว่า
แต่สำหรับใครชอบบริการแบบเดิม ๆ ก็สามารถเรียก Taxi ทั่วไปได้ในแอปพลิเคชัน โดยเพิ่มค่าเรียกจ่ายเป็นเงินสดให้คนขับ 25 บาท นอกจากนั้นก็คิดตามมิเตอร์ปกติ (แต่บทความนี้จะขอกล่าวถึงเพียงแค่รถส่วนบุคคุลที่ไม่ได้เป็นมิเตอร์)
ปัญหาเดิม ๆ ของคนกรุงก็คือเมื่อตกเย็นทีไรเรียกแท็กซี่ไม่เคยได้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนฝนตก) และถึงแม้ว่าเราจะพึ่งออกมาหน้าห้างก็ตาม ขนาดรถสีชมพูในภาพก็ยังปฏิเสธผู้โดยสาย ดังนั้นการเรียกรถผ่าน App น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
สำหรับค่าบริการแน่นอนว่ามันอาจต้องจ่ายมากขึ้น (เอาเงินไปจ่ายให้กับคนที่เขาอยากขับให้เราดีกว่าจริงไหมครับ?) แต่ข้อดีก็คือสะดวก, ได้ความเป็นส่วนตัวและที่สำคัญคือมัน “ปลอดภัย” เพราะคนขับทุกคนได้ตรวจสอบประวัติ และทำการลงทะเบียนกับบริษัทแล้ว ต่างจากรถแท็กซี่ทั่วไปที่แค่มีเงินเข้าอู่เช่าเป็นรายวันก็ได้รถแล้ว
จากในแอปฯ จะเห็นได้ว่ารถแบ่งออกเป็นสามประเภท (อันที่จริงมีบริการแบบอื่นด้วย แต่ยังไม่ขอพูดถึง) ในพิกัดของผมคือ Terminal 21 ซึ่งนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ (และแท็กซี่ก็มักจะเล่นตัวเป็นพิเศษ) เมื่อลองกดดูผ่านแอปฯ แล้วทั้งในส่วนของรถทุกประเภท ก็มีจำนวนคนขับอยู่ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว
สำหรับสถานที่คือให้มารับที่ Terminal 21 และไปส่งซอยกุศลส่ง-สำโรง
- Taxi ค่ารถประมาณ 100-150 บาท
- Economy ค่ารถอยู่ที่ 160 บาท
- Premium ค่ารถอยู่ที่ 210 บาท
จะเห็นได้ว่าอันที่จริงค่ารถก็ไม่ได้แตกต่างกันมากมายเท่าไหร่ ข้อดีของรถในข้อ “2” และ “3” ก็คือค่ารถตายตัวเพราะวัดจากระยะทางในแผนที่ ดังนั้นรถจะติดมากมายแค่ไหนก็จ่ายราคาเดิม
สำหรับสูตรคำนวนค่ารถก็ตามตารางด้านบน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับระยะทางไม่รวมรถติดหรือไฟแดง (คุ้มมาก) มันเป็นอะไรที่เหมาะกับกรุงเทพโดยแท้ ไม่ต้องมากังวลค่ามิเตอร์และไม่ต้องกังวลว่าคนขับจะลีลาขับช้าหรือพาอ้อม เพราะสุดท้ายแล้วเราก็จ่ายเท่าเดิม
สำหรับใครที่อ่านรีวิวนี้อยู่ถือว่าโชคดีมาก เพราะท่านสามารถนำโค้ดฟรีด้านล่างนี้ไปใส่ในแอปพลิเคชัน เพื่อใช้บริการนั่งรถฟรีในครั้งแรกได้เลย คลิกใส่เบอร์ ที่นี่ เพื่อรับโค้ดนั่งรถฟรี
เมื่อกำหนดพิกัดเรียบร้อยแล้วว่าจะให้มารับและไปส่งที่ไหน จากนั้นก็ตั้งเวลาที่อยากให้มารับ (แต่อันที่จริงไม่ต้องตั้งก็ได้) รวมถึงรายละเอียดที่อยากส่งถึงคนขับ และที่สำคัญถ้าหากมีโปรโมชั่นโค้ดก็ให้ใส่ก่อนที่จะเรียกรถ
เสร็จแล้วระบบจะค้นหารถที่อยู่ใกล้ที่สุดมาให้เรา 5 คัน เพื่อที่ว่าเราจะได้ไม่ต้องรอรถนาน
ผมเลือกที่จะใช้บริการรถแบบ Premium เนื่องจากมากับแฟน (เลยต้องหน้าใหญ่นิดนึง) เมื่อเรียกได้แล้วก็จะแสดงชื่อคนขับพร้อมทะเบียนและระยะทางชัดเจน มีระบบประเมินคนขับหลังใช้บริการเพื่อที่ว่าบริษัทฯ จะได้นำไปประเมินอีกที
สาเหตุที่ผมเลือกใช้บริการ แกร๊บ เนื่องจากต้องการเรียกรถเพื่อไปส่งบ้านแฟน การให้ขึ้นรถไปกับคนแปลกหน้ามันอาจดูอันตราย แต่มันก็ยังดีกว่าการให้เดินทางไปกับคนไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า (และตรวจสอบไม่ได้)
เมื่อใช้บริการ แกร๊บแท๊กซี่ เราจะสามารถติดตามการเดินทางได้ทำให้มั่นใจได้อีกระดับ นอกเหนือจากการตรวจสอบประวัติและลงทะเบียนจากบริษัทเอง
หลังจากรอรถไม่นานเมื่อใกล้ถึงคนขับก็โทรมายืนยัน และเราก็สามารถดูรถได้จากทะเบียนที่ระบบให้ไว้ จากนั้นก็โบกเพื่อขึ้นรถได้ทันที สำหรับการจ่ายเงินก็จ่ายเป็น “เงินสด” ให้กับคนขับ (หากมีส่วนลดก็หักให้เรียบร้อย) และสำหรับพวกค่าทางด่วนอันนี้ลูกค้าต้องเป็นผู้ชำระต่างหาก ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติครับ
เนื่องจากรถเกือบทั้งหมดในระบบล้วนเป็นรถส่วนตัว จึงมีการดูแลรักษาและทำความสะอาดอย่างดีที่สุด (ต่างจากแท็กซี่ทั่วไปที่เป็นรถเช่า) บรรยากาศในรถสะอาดกว้างขวาง โดยรวมแล้วคนขับค่อนข้างมีมารยาทและได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี … ประทับใจมากครับ
เท่าที่ลองคำนวณค่ารถดูแล้วถูกมากครับ อย่างที่กล่าวข้างต้นคือเราไม่ต้องกังวลเรื่องมิเตอร์เลย แถมลดการใช้รถส่วนตัวก็ช่วยประหยัดทั้งค่าน้ำมัน, ค่าที่จอดรถ, ค่าประกันรวมถึงค่าดูแลรักษาตามระยะทาง จะว่าไปรถบริการมีเยอะขนาดนี้ ก็คงแทบไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อรถเองแล้วล่ะ!
สำหรับคนที่อยากทดลองใช้บริการวันนี้แจกโค้ดนั่งฟรี 40 บาท คลิกใส่เบอร์ ที่นี่
หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial