หัวชาร์จ BoostCharge Pro Dual USB-C 65W GaN เป็นอีกหนึ่งสินค้าแนะนำของ Belkin สำหรับคนที่ชอบเดินทางคือเหมาะมาก สามารถใช้ได้ทั้งกับ MacBook และ iPhone ด้วยการจ่ายไฟได้สูงสุด 65 วัตต์ หรือ 45 + 20 วัตต์ (หากใช้พร้อมกัน) นอกจากนี้จะดีขึ้นไปอีกหากใช้ร่วมกับสาย BoostCharge Pro Flex USB-C พร้อม Lightning Connector ที่สุดแสนจะทนทาน

Belkin อะแดปเตอร์และสายชาร์จ

สำหรับราคาของ ที่ชาร์จเสียบผนัง Belkin BOOST↑Charge Pro Dual USB-C ขนาด 65 วัตต์ อยู่ที่ 1,790 บาท และสำหรับราคาของ สาย Belkin BOOST↑Charge Pro Flex USB-C พร้อม Lightning Connector อยู่ที่ 990 บาท (1 เมตร) และราคา 1,190 บาท (2 เมตร) ราคาอาจจะดูสูงไปนิด แต่แลกกับคุณภาพของแบรนด์ระดับโลกก็สมเหตุสมผลอยู่

Belkin BOOST↑Charge Pro Dual USB-C ขนาด 65 วัตต์

เริ่มต้นที่ Belkin BOOST↑Charge Pro Dual USB-C ขนาด 65 วัตต์ ออกแบบมาสีขาวสะอาดคล้ายกับอะแดปเตอร์แถมของ iPhone และ iPad (ในอดีต) สามารถชาร์จพร้อมกันได้ถึง 2 ช่องในเวลาเดียวกัน ให้กำลังสูงสุด 65 วัตต์ แต่ถ้าเกิดใช้งานพร้อมกันจะเป็น 45 วัตต์ (ด้านบน) และ 20 วัตต์ (ด้านล่าง) โดยตรงนี้บางคนอาจคิดว่า วัตต์เยอะจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมมั้ย ? ขอบอกว่าไม่เกี่ยวครับ เพราะมันเป็นกำลังสูงสุดที่อะแดปเตอร์จ่ายได้ ส่วนจะใช้ไฟเท่าไหร่ตัวอุปกรณ์มันจะจำกัดปริมาณไฟสูงสุดเอง

ด้านซ้ายเป็นอะแดปเตอร์แถมมาของ MacBook Air ขนาด 30 วัตต์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าของ Belkin แม้ว่าจะขนาด 65 วัตต์ (แถมชาร์จได้สองช่อง) ก็ยังคงทำขนาดออกมาได้เล็กมากกว่า ด้วยเทคโนโลยี GaN ที่ใช้แกลเลียมไนไตรด์ (Gallium Nitride) เป็นสารกึ่งตัวนำกระบวนการผลิตแทนที่ซิลิคอน ทำให้มีประสิทธิภาพในการแปลงพลังงานได้สูงกว่า และทำให้มีขนาดเล็กลงได้มากกว่า

หากเทียบขนาดจากด้านข้างก็จะพบว่าเล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าน้ำหนักจะสูงกว่าเล็กน้อยเองก็ตาม โดยรวมแล้วอะแดปเตอร์ที่เป็น GaN จะดีกว่าแทบทุกทางไม่ว่าจะสร้างความร้อนน้อยกว่า หรือส่งพลังงานได้มากขึ้นในดีไซน์กะทัดรัดเองก็ตาม ส่วนปลั๊กทั้งสองเป็นขาแบบพับได้ไม่แตกต่างกัน หากใครมีทั้ง MacBook หรืออุปกรณ์อื่นที่ต้องชาร์จ USB-C ทั้งสองเครื่องพร้อมกัน เราก็ขอแนะนำ

Belkin BOOST↑Charge Pro Flex USB-C พร้อม Lightning Connector

เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ตัวเดียวไม่ได้ เราจึงขอมัดรวมรีวิวพร้อมกันไปเลย โดยสายเส้นนี้เรารู้จักกันดีในชื่อของ “สายถัก” เนื่องจากสายแถมของ Apple ค่อนข้างที่จะเปื่อยง่าย และสายเส้นนี้ Belkin การันตีกว่าแข็งแรงกว่าสายทั่วไป 30 เท่า (ทนการบิดงอได้ถึง 30,000 ครั้ง) นอกจากนี้ยังผ่านการรับรอง MFi จากทาง Apple ทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีปัญหาการใช้งานในอนาคตแน่นอน

สายประเภทนี้เป็น USB-C > Lightning ดังนั้นก็ไม่ต้องตกใจหากไม่ใช่ USB-A แบบเดิมที่คุ้นเคย สาเหตุที่ต้องเป็นเช่นนี้เพราะอะแดปเตอร์ยุคใหม่แทบจะเป็น USB-C กันหมดแล้ว (ข้อดีคือมันเล็กกว่าแล้วจ่ายไฟได้แรงขึ้น) โดยสายเส้นนี้รองรับ USB-C PD เพิ่มความเร็วในการชาร์จให้กับ iPhone 12 ได้เร็วขึ้นจากแบตเตอรี่ 0-50% ภายในเวลา 25 นาที (อะแดปเตอร์ต้องรองรับด้วย)

อีกลูกเล่นที่ Belkin ใส่มาก็คือคลิปแม่เหล็กและแผ่นโลหะ สำหรับติดตั้งในทุกที่ยกตัวอย่างเช่น “ขอบโต๊ะทำงาน” ทำให้สายของเราไม่หล่นหรือกระจายไปทั่ว เวลาจะหยิบมาใช้งานก็สามารถดึงออกมาอย่างรวดเร็ว นับเป็นการออกแบบที่ฉลาดพอสมควร มีแถบรัดสายแบบยางให้ด้วยในตัว ทำให้สามารถเก็บความยาวของสายส่วนเกินได้ตามที่ต้องการ นอกนั้นวัสดุโดยรวมแทบไม่มีที่ติ

การออกแบบหัวชาร์จทำออกมาได้ขนาดกำลังดี ไม่ใหญ่ไปกว่าสายชาร์จมาตรฐานของ Apple ทำให้สามารถใช้งานได้กับเคสส่วนใหญ่ได้อย่างไม่มีปัญหา ทดสอบเสียบก็แน่นแข็งแรงดีทั้งในส่วนของ USB-C และ Lightning ข้อดีอีกอย่างก็คือได้รับประกัน 5 ปี อันนี้ค่อนข้างคุ้มมากเพราะสายส่วนใหญ่รับประกันแค่ 6-12 เดือน (บางยี่ห้อแย่หน่อยคือไม่ได้มีประกัน) อันนี้ก็ถือว่าคุ้มค่าดี

ทดสอบใช้งานจริงเสียบทั้ง MacBook Air และ iPhone 12 Pro Max ก็ยังคงสามารถจ่ายไฟได้เป็นอย่างดีตามสเปกที่ระบุไว้ และอันนี้ขอบอกไว้ก่อนว่าไม่ได้มีอุปกรณ์วัด แต่ใช้ความรู้สึกเคยชินในการใช้งาน คือมันคงจ่ายไฟได้ตรงตามสเปกของมันแหล่ะ ไม่ได้รู้สึกว่ามันช้ากว่าตัวอื่นที่เคยใช้ ข้อดีก็คืออะแดปเตอร์ใช้แค่ตัวเดียวจบเลย ไม่ต้องพกสองตัวให้วุ่นวายอะไร 65 วัตต์เอาอยู่

โดยรวมแล้วไม่มีอะไรจะรีวิวมากนัก นอกจากอะแดปเตอร์คือดีขนาดเล็กลงไปเยอะพกพาได้สะดวก แถมยังชาร์จได้สองอุปกรณ์ กำลังไฟเหลือเฟือหากคุณใช้ MacBook Air หรือจะเอาไปใช้คู่กับ iPad อะไรพวกนี้ก็แล้วแต่ ส่วนสายชาร์จแข็งแรงและงานประกอบดีตามท้องเรื่อง สามารถเอาไปใช้งานได้แบบยาว ๆ โดยไม่ต้องกลัวว่ามันจะเปื่อยหรือขาดไปซะก่อน ส่วนตัวใช้เองรีวิวแล้วค่อนข้างพอใจ

ข้อดี

  1. อะแดปเตอร์ขนาดเล็ก พกพาสะดวก
  2. อะแดปเตอร์ชาร์จไฟได้สูงสุด 65 วัตต์
  3. อะแดปเตอร์ชาร์จไฟพร้อมกันได้ 2 ช่อง (45 + 20 วัตต์)
  4. สายชาร์จถักสองชั้น ทนทานกว่า 30 เท่า
  5. สายชาร์จมีลูกเล่นด้วยสายรัดและคลิปแม่เหล็กกับแผ่นโลหะ
  6. สายชาร์จผ่านการรับรอง MFi

ข้อเสีย

  1. ราคาค่อนข้างสูง

สรุป

โดยรวมค่อนข้างพอใจกับ BoostCharge Pro Dual USB-C 65W GaN และ BoostCharge Pro Flex USB-C พร้อม Lightning Connector เหมาะกับเป็นชุดคู่สำหรับท่องเที่ยว ถ้าทาง Belkin จัดโปรโมชั่นซื้อเป็นชุดแล้วลดราคาอีกหน่อย อาจทำให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายมากยิ่งขึ้น หรือหากใครมีอุปกรณ์เดิมอยู่แล้วจะเลือกซื้อแค่อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ เหมาะกับคนที่ชอบดีไซน์ ชอบคุณภาพสินค้าแบบไว้ใจได้ และที่สำคัญเลยคือเรื่องจัดเก็บและการพกพาที่ Belkin ให้ความสำคัญ