ก่อนหน้านี้เราได้เคยเขียนพรีวิว Vivo V15 Pro กับข้อดีทั้งหมด 9 เหตุผลที่ควรซื้อ ทีนี้หากคุณงบไม่พอก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะทางวีโว่ก็ได้เปิดตัวรุ่นปกติมาพร้อมกัน เหมาะกับคนที่อยากได้กล้องเลื่อนได้แบบกลไก ในขณะที่มีงบประมาณจำกัด และสองรุ่นนี้จะมีความแตกต่างกันตรงไหนบ้าง เรามาดูพรีวิวสั้น ๆ กับความแตกต่างทั้งหมด 8 ข้อจากรุ่นโปร (จงใจเขียนจำนวนข้อให้น้อยกว่า เพราะมันคือรุ่นรองยังไงล่ะ!)

Vivo V15

Vivo V15
Vivo V15

1. ขนาด สี น้ำหนัก คล้ายแต่ไม่เหมือน

เมื่อมองไปแบบผ่าน ๆ จะคิดว่าสองรุ่นนี้เหมือนกันราวกับแพะ (แกะ!) แต่ความจริงแล้วในความเหมือนก็ยังมีความแตกต่าง ยกตัวอย่างสีของรุ่น V15 ที่มีสีแดง (Glamour Red) ส่วนรุ่น V15 Pro จะเป็นสีแดง-ส้ม (Coral Red) แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงมีสีที่ขายเหมือนกันคือสีน้ำเงิน-ฟ้า (Topaz Blue) ให้สับสนเล่น

จุดสำคัญที่ช่วยให้เราแยกมันได้ง่าย ๆ โดยมีจุดสังเกตที่ใหญ่สุดก็คือ “สแกนลายนิ้วมือด้านหลัง” ที่จะมีแค่ในเฉพาะรุ่น V15 เชื่อหรือไม่ว่านอกจากนี้ยังมีความแตกต่างกัน ในเรื่องของขนาดและน้ำหนักอีกเล็กน้อยก็คือ

  • V15
    • ขนาดตัวเครื่อง : 161.97 × 75.93 × 8.54 มม.
    • น้ำหนัก : 189.5 กรัม
  • V15 Pro
    • ขนาดตัวเครื่อง : 157.25 × 74.71 × 8.21 มม.
    • น้ำหนัก : 185 กรัม

ดูแล้วอาจงงสักเล็กน้อยว่าทำไมรุ่นถูกกว่า ถึงได้มีขนาดตัวเครื่องที่ยาวและกว้างกว่า (ผมเองงก็งง) แต่ถึงอย่างไรตัวเลขสัดส่วนด้านบนก็ไม่ได้สำคัญนัก เพราะใช้งานจริงคุณจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง หากไม่มีการนำเอาตัวเครื่องอีกรุ่นมาวางเทียบกัน ส่วนเรื่องวัสดุภายนอกก็ไม่ได้มีความต่างกัน ทั้งคู่ยังคงดูหรูหรามีราคา

2. หน่วยประมวลผลคนละตัว

เรียกได้ว่างานนี้วีโว่เอาคู่แข่งมาชนกันเลยระหว่าง MediaTek helio P70 และ Snapdragon 675 AIE ส่วนความแรงแน่นอนว่าอันหลังที่เป็นรุ่นโปรต้องเร็วกว่า แต่ส่วนประกอบอื่นอย่าง RAM 6 GB และ ROM 128 GB ยังคงเหมือนกันทุกประการ นับว่าเป็นอีกจุดตัดที่สำคัญของความแตกต่างในด้านของราคา

3. แบตเตอรี่ต่างกันนิดหน่อย

ถึงแม้ว่าจะมีขนาดที่แตกต่างกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีแบตเตอรี่ที่แตกต่างกัน โดยรุ่นน้องมีแบตเตอรี่อยู่ที่ 4,000 mAh ส่วนรุ่นพี่มีแบตเตอรี่อยู่ที่ 3,700 mAh (นานทีจะเจอรุ่นถูกมีข้อดีกว่า) ทำให้ใช้งานได้ยาวนานเพิ่มขึ้นอีกหน่อย ส่วนคุณสมบัติชาร์จไวเร็วทันใจ Dual-Engine Fast Charging ยังคงมีเหมือนกัน

4. หน้าจอคนละเรื่อง

ความละเอียดทั้งสองนั้นเท่ากัน แต่ต่างตรงที่รุ่นรองได้ขนาดจอที่ “ใหญ่กว่า” (อ่านไม่ผิดครับ) โดยมีขนาดอยู่ที่ 6.53″ แต่ก็ไม่ได้มีนัยยะอะไรพิเศษ เท่ากับการเปลี่ยนหน้าจอเป็น LCD ธรรมดาทั่วไป ซึ่งตรงนี้จะทำให้เสียเปรียบหน้าจอแบบ Super AMOLED ที่ให้สีสันที่ดีกว่ามาก โดยสังเกตภาพด้านบนได้จากโลโก้ Play Store และ V-Appstore ที่มีความสดใสแตกต่างกัน แต่ถึงอย่างไรทั้งคู่ก็เป็นจอไร้ขอบ Ultra FullView Display เหมือนกัน

5. กล้องคนละตัว

ข่าวร้ายสำหรับใครหลายคนดูเหมือนจะเป็นเรื่องกล้องมากกว่า เพราะกล้องหลักมีการปรับลดความละเอียดจาก 48 MP เหลือเพียงครึ่งเดียว 24 MP ส่วนกล้องตัวอื่นนั้นยังคงเหมือนกัน (รวมถึงกล้องหน้าก็เป็นตัวเดียวกัน) และเท่าที่ทดสอบคือคุณภาพก็ต่างกันอยู่นิดหน่อย แต่ทั้งนี้ถึงจะต่างแต่กล้องทั้งคู่ก็ยังนับว่าสูงกว่ามาตรฐานมาก โดยมีจุดเด่นอยู่ตรงที่ AI เหมาะทั้งกับถ่ายภาพบุคคล ถ่ายอาหาร ถ่ายวิว และถ่ายในที่มืดก็ไม่แพ้ใคร

6. สแกนลายนิ้วมือไม่ล้ำแล้ว

เป็นเรื่องปกติด้วยราคาที่ต่าง จึงจำเป็นต้องตัดคุณสมบัติบางประการที่ไม่จำเป็น (แต่มีแล้วเท่) ออกไปบางส่วน ยกตัวอย่างเช่นการสแกนลายนิ้วมือจากบนหน้าจอ ก็เปลี่ยนมาเป็นด้านหลังเครื่องแทน ในด้านการใช้งานจริงทั่วไปมันไม่มีความแตกต่างกันเลย แต่อันนี้ก็ต้องแล้วแต่คนพิจารณาว่าอยากได้แบบไหนมากกว่ากัน

7. รายละเอียดปลีกย่อย

นอกเหนือจากเรื่องใหญ่ ๆ เรามาดูรายละเอียดปลีกย่อยกันบ้าง ซึ่งบางทีมันเป็นอะไรที่เล็กน้อยมาก (แต่ก็อยากบอกให้รู้เอาไว้) อย่างเช่น Bluetooth 4.2 กับ Bluetooth 5.0 หรือแม้กระทั่งการย้ายแจ็คหูฟังจากด้านบนลงมาสู่ด้านล่าง และอย่างการแยกถาดใส่ซิมสองถาดอิสระ กับอีกรุ่นที่ใช้รวมถาดเดียวกัน (ไม่มีผลต่อการใช้งานยังใส่ได้ 2 ซิม + เมมการ์ด) สุดท้ายนี้คือไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนก็ยังคงใช้ Micro USB เหมือนกัน

8. ราคาไงที่แตกต่าง

สุดท้ายนี้ความต่างกันก็คือราคาที่ห่างกันถึงสี่พันบาท V15 มีราคาอยู่ที่ 10,999 บาท ส่วนรุ่น V15 Pro มีราคาอยู่ที่ 14,999 บาท (ซื้อจริงอาจได้ถูกกว่านี้หากมีโปรโมชั่น) ก็อยู่ที่ผู้ใช้งานแล้วว่าต้องการแบบไหนมากกว่ากัน ซึ่งก็อยู่ใน 8 ข้อด้านบนที่เรารวบรวมมาให้แล้ว ส่วนเรื่องดีไซน์และวัสดุทั้งสองสุดยอดไม่ต่างกัน

หากใครสนใจสามารถสั่งซื้อได้ผ่านตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้านท่าน หรือจะสั่งซื้อออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ Lazada, Shopee, ShopAt24 ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจครับ ยังไงลองเปรียบเทียบกันดูว่ารุ่นธรรมดากับรุ่นโปร รุ่นไหนจะโดนใจมากกว่ากัน

หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial