เปิดตัวกันไปแล้วกับหูฟัง Vivo TWS Neo อย่างที่เราเคยได้เขียนข้อดีที่ควรซื้อหูฟังกันไปแล้ว ในครั้งนี้ถึงโอกาสที่เราจะได้มารีวิวกันจริงจัง ว่าทำไมหูฟังไร้สายรุ่นนี้ถึงได้ขายดีกันนักหนา ใครได้ฟังแล้วเป็นอันต้องชอบเพราะได้คุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ จากไดร์ฟเวอร์ที่เป็นทองแดงบริสุทธิ์ขนาดใหญ่ 14.2 มม.
Vivo TWS Neo
เกริ่นก่อนว่าหูฟังรุ่นนี้เป็นรุ่นเดียวที่ Vivo วางจำหน่ายอยู่ในตอนนี้ ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับสมาร์ตโฟนโดยเฉพาะ และไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นสมาร์ตโฟนของทาง Vivo เท่านั้น สามารถใช้งานได้กับสมาร์ตโฟนรุ่นอื่นไม่ว่าจะเป็น Android หรือ iOS โดยที่คุณสมบัติหลัก เช่น การปรับเสียงผ่านระบบสัมผัส ยังคงสามารถใช้งานได้เหมือนเดิม แบบไม่ต้องลงแอปพลิเคชันเพิ่ม
การออกแบบ
หูฟังมาพร้อมกับดีไซน์ตามสมัยนิยม มีความเป็นตลับเล็ก ๆ ขนาดใกล้เคียงกับกล่องไหมขัดฟัน สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกด้วยการเปิด-ปิดในมือเดียว ทรงหูฟังเป็นรูปแบบ Earbuds คือสวมใส่ได้ง่ายแบบไม่เจ็บหู สามารถใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันได้อย่างสบาย หมดปัญหาการใส่หูฟังแล้วรู้สึกปวดแก้วหู
หูฟังมีจำหน่ายทั้งหมด 2 สี ได้แก่สีน้ำเงิน (STARRY BLUE) และสีขาว (MOONLIGHT WHITE) อันนี้ก็เลือกเอาตามความชอบได้เลย แต่ส่วนตัวผู้เขียนชอบเป็นสีน้ำเงิน (STARRY BLUE) มากกว่า เพราะดูไม่ค่อยซ้ำกับของใครดี แต่ถึงอย่างไรก็ตามรีวิวที่จะเขียนต่อไปนี้เป็นสีขาว (MOONLIGHT WHITE)
ใช้งานง่าย
การเชื่อมต่อก็ง่ายไม่ได้ต่างจาก หูฟังบลูทูธ (Bluetooth) ทั่วไป เพียงแต่หากคุณใช้สมาร์ตโฟนวีโว่ยกตัวอย่างเช่น NEX, NEX Dual Display, NEX 3, iQOO 3, X50, X50 Pro, V19, V17, Y30, Y50 จะได้รับการอัปเดต Firmware มากับเครื่องเลย ทำให้สามารถแสดงผลได้แบบดังภาพ รวมถึงการตั้งค่าต่าง ๆ ก็จะง่ายแบบไม่ต้องลงแอปพลิเคชันอะไรเพิ่มเติม
เริ่มต้นการใช้งานก็ง่าย ๆ เพียงแค่เปิดฝากล่องหูฟัง อย่างในครั้งนี้ผมรีวิวคู่กับสมาร์ตโฟนคู่ใจอย่าง Vivo V19 ก็จะมีการแสดงผลแบตเตอรี่ แยกอุปกรณ์ทั้งหูฟังข้างซ้ายและขวา พร้อมกับปริมาณแบตเตอรี่ของเคสชาร์จ โดยหากใช้งานร่วมกันแล้ว แบตเตอรี่สามารถอยู่ได้นาน 22.5 ชั่วโมง กันเลยทีเดียว
การใช้งานสามารถตั้งค่าหูฟังแบบเดิมจากโรงงานก็ได้ หรือจะใช้เทคโนโลยี Deep X ที่ทางวีโว่คิดค้นขึ้นมาในการให้เสียงแบบ Deep Field ก็สามารถปรับเสียงหูฟังได้ถึง 3 รูปแบบ ได้แก่ เสียงชัด (Clear Voice) เน้นโทนเสียงขับร้องให้เด่นชัด, เบสหนัก (Mega Bass) สำหรับเพลงที่ต้องการความมันเป็นพิเศษ, เสียงสูงคมชัด (Clear High Pitch) เน้นย่านเสียงสูงให้ชัดฟังแบบไม่บาดหู
สเปก | Vivo TWS Neo
- สีขาว (Moonlight White), สีน้ำเงิน (Starry Blue)
- ขนาดหูฟัง 33.9 x 18.6 x 16.5 มม.
- น้ำหนักหูฟัง 4.7 กรัม
- ขนาดเคสชาร์จ 58.1 x 51.6 x 24 มม.
- น้ำหนักรวมเคสชาร์จ 45.7 กรัม
- ไดร์ฟเวอร์ขนาด 14.2 มม.
- คลื่นความถี่ 20Hz-20,000Hz
- การเข้ารหัสเสียง aptX Adaptive/AAC/SBC
- ไมโครโฟนคู่ สนทนาได้ทั้งสองข้าง ลดเสียงแทรกซ้อนอัจฉริยะ
- รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ (Bluetooth 5.2)
- ความหน่วงต่ำสุด 88 มิลลิวินาที
- เซ็นเซอร์หูฟังสองข้าง ระบบสัมผัส (แตะสองครั้ง, สไลด์, กดและกดค้าง)
- พอร์ตชาร์จ USB-C
- แบตเตอรี่หูฟัง 27 mAh x 2 (4.5 ชั่วโมง)
- แบตเตอรี่เคสชาร์จ 415 mAh (22.5 ชั่วโมง)
รีวิว | Vivo TWS Neo
สัมผัสแรกของการใช้งานเลยก็คือ งานประกอบดีมากค่อนข้างเรียบร้อย เสียงหูฟังที่ได้เกินมาตรฐานที่ตั้งเอาไว้มาก ตัวหูฟังมีขนาดใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย ทั้งนี้เกิดจากการใช้ไดร์เวอร์แบบไดนามิก (Dynamic Driver) ขนาดใหญ่ 14.2 มม. เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีขนาดเพียง 7.2 มม. หรือบางแบรนด์ก็เพียงแค่ 11.2 มม. และมีการเลือกใช้ทองแดง Daikoku คุณภาพดี จากประเทศญี่ปุ่น ให้เสียงความถี่ต่ำและสมบูรณ์แบบ
ถึงแม้จะใช้ไดร์เวอร์ขนาดใหญ่ แต่นั่นไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อน้ำหนักของหูฟังเลย วีโว่มาการเลือกใช้ Bluetooth 5.2 ที่ใช้พลังงานต่ำ ทำให้ไม่ต้องใส่แบตเตอรี่ที่หูฟังให้มีขนาดใหญ่เกินความจำเป็น (แต่ก็ยังได้ระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนานอยู่) โดยน้ำหนักหูฟังอยู่เพียงแค่ 4.7 กรัม สามารถสวมใส่เพื่อใช้งานได้ตลอดทั้งวัน น้ำหนักเบาจนเหมือนไม่ได้ใส่
คุณภาพของเสียงที่ได้ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่หูฟังแบบ Over-ear หรือ In-ear แต่คุณภาพเมื่อเทียบกับ Earbuds ด้วยกันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าแบรนด์ไหนเลย มีการเลือกใช้ชิป Qualcomm รุ่นที่ 4 รองรับมาตรฐาน aptX Adaptive ที่ได้รับการพิสูจน์ในเรื่องคุณภาพการบีบอัด และเมื่อส่งสัญญาณผ่านหูฟังไร้สาย ก็จะไม่สูญเสียคุณภาพ (ได้คุณภาพเหมือนฟังจากต้นฉบับ CD) คุณภาพดีกว่าหูฟังไร้สายแบบเดิมถึง 1.5 เท่า
ในชีวิตประจำวันเวลาใช้งานบางสถานที่จะเสียงดังเสียงเบาไม่เท่ากัน และมันคงไม่สะดวกหากเราต้องหยิบสมาร์ตโฟน มาคอยปรับเสียงเรื่อย ๆ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าววีโว่จึงเพิ่มระบบสัมผัสในตัว สไลด์เพื่อปรับความดังของเสียง หรือจะเลือกเป็นแตะสองครั้งที่ด้านซ้ายหรือขวา (ปรับแยกได้อิสระ) เพื่อทำการปลุกผู้ช่วยแบบเสียง, เล่น/หยุด, เพลงก่อนหน้า, เพลงถัดไป ได้ตามใจชอบ
การฟังเพลงหากใช้หูฟังไร้สายแล้วมีดีเลย์ เราอาจไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่นัก แต่หากเป็นการเล่นเกมหรือดูภาพยนตร์ จะส่งผลต่ออรรถรสอย่างมาก เพราะบางครั้งปากจะพูดไม่ตรงกับเสียง หรือเล่นเกมแล้วเสียงไม่ตรงกับเหตุการณ์ข้างหน้า ยังไม่นับรวมการหลุดซ้ำหลุดซากหรือกระตุกอีก ดีเลย์ 88 ms (มิลลิวินาที) หรือเพียงแค่ 0.088 วินาที ตรงนี้ทำให้ช่วยได้มากครับ
เพราะหน้าที่การทำงานของหูฟังไม่ใช่เพียงแค่ฟังเพลง ปัจจุบันหูฟังที่ดีควรใช้สนทนาเสียงได้ดีด้วย ตรงนี้ทางวีโว่มีการเพิ่ม AI Dynamic ระบบตัดเสียงรบกวนอัจฉริยะ SmartSound มาติดตั้งไว้ในตัวหูฟังพร้อมกัน ช่วยให้คู่สนทนาได้ยินเราชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่วนทางเราได้ยินเสียงคู่สนทนาฟังชัดอยู่แล้ว
นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นอื่น ๆ อัดแน่นมาเพียงในหูฟังเดียว ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติหยุดเพลงอัตโนมัติตอนถอดหูฟัง (และเล่นต่อเมื่อใส่หูฟัง) หรือจะเป็นคุณสมบัติ Find My TWS Neo ที่จะช่วยค้นหาหูฟังอีกข้างที่หายไป โดยจะค้นหาจากการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ พร้อมทั้งยังสามารถบอกพิกัดแสดงตำแหน่งที่ทำหล่นหาย เพื่อให้คุณค้นหาได้อย่างง่ายดาย
มาถึงตรงนี้บางคนอาจสงสัยว่าคุณสมบัติแน่นขนาดนี้ ต้องซื้อมาใช้งานกับสมาร์ตโฟนวีโว่เพียงอย่างเดียวหรือเปล่า โดยทางทีมงานได้ทดสอบกับ Android เครื่องอื่นรวมถึงอุปกรณ์ iOS ก็สามารถใช้งานได้ในแบบเดียวกัน สามารถเลื่อนเพื่อปรับเสียงได้เหมือนเดิม แต่หากต้องการปรับเสียง DeepX ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติมครับ
สุดท้ายก็เรื่องระยะเวลาแบตเตอรี่ ทั้งหมดทั้งมวลจะไม่มีประโยชน์เลยหากใช้งานได้แค่แปปเดียว แต่สำหรับหูฟัง Vivo TWS Neo เป็นได้มากกว่านั้น เพราะสามารถฟังเพลงยาวต่อเนื่องได้ถึง 4.5 ชั่วโมง หากรวมเคสชาร์จด้วยก็เป็น 22.5 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้มาตรฐาน aptX Adaptive ก็จะลดเหลือ 2.9 ชั่วโมง
ข้อดี
- ไดร์เวอร์ขนาดใหญ่ 14.2 มม.
- ระบบสัมผัสควบคุมผ่านหูฟัง
- ดีเลย์ต่ำเพียง 88 มิลลิวินาที
- น้ำหนักเบา 4.7 กรัม ใส่สบายหู
- แบตเตอรี่อึด 22.5 ชั่วโมง (รวมเคส)
ข้อเสีย
- ราคาสูงกว่าหูฟังบลูทูธแบบเก่า
- ไม่รองรับชาร์จด่วน
- ไม่รองรับชาร์จไร้สาย
สรุป
Vivo TWS Neo เหมาะกับคนที่ต้องการหูฟังเพื่อใช้งานหลากหลายในชีวิตประจำวัน เอามาใช้แทนหูฟังที่แถมมากับเครื่อง (หรือบางทีก็ไม่แถมมากับเครื่อง) แนวเพลงเน้นฟังสบายแต่ก็สามารถเพิ่มเบสหรือย่านอื่นได้ด้วย Deep X ลักษณะการใช้งานจะฟังสบายได้หลายชั่วโมง ใช้ดูหนังหรือเล่นเกมก็ดีที่ดีเลย์ต่ำ ใช้สนทนาก็เสียงชัดฟังสบาย จะดีมากหากใช้ร่วมกับสมาร์ตโฟนที่เป็นชิป Qualcomm และจะดีที่สุดหากใช้กับสมาร์ตโฟน Vivo ยกตัวอย่างเช่น NEX, NEX Dual Display, NEX 3, iQOO 3, X50, X50 Pro, V19, V17, Y30, Y50
หากใครสนใจสามารถซื้อได้ผ่าน Vivo Shop หรือร้านตัวแทนจำหน่าย แต่หากใครสะดวกออนไลน์ตอนนี้ก็มีขายทั้ง Lazada และ Shopee ในราคาเพียง 2,999 บาท
หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial