ทีมงานได้ทำการพรีวิวกันไปเรียบร้อยสำหรับ Vivo V19 สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจากวีโว่ สำหรับรุ่นนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ กล้องหน้าคู่ 32MP, FlashCharge 2.0 ชาร์จเร็ว 33W, โหมดถ่ายกลางคืน Super Night Selfie ทั้งหมดนี้ด้วยราคาเพียง 12,999 บาท ซึ่งจุดเด่นก็ไม่ได้มีแค่นี้ แต่จัดให้เต็มอัดแน่นทุกฟีเจอร์ สมกับเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดที่หลายคนรอกันมานาน เหมาะกับผู้หญิงที่รักการถ่ายรูป และเสพติดมือถือเป็นชีวิตจิตใจ

Vivo V19

ในบทความนี้เราจะเข้าถึงเนื้อหารีวิวกันโดยเฉพาะ หากใครอยากดูรายละเอียดสินค้าหรือพรีวิวแกะกล่อง สามารถอ่านได้จากบทความเก่า ซึ่งในรุ่นนี้เป็นการต่อยอดความสำเร็จของ “V Series” โดยสโลแกนของ Vivo V19 จากในเว็บไซต์ของ Vivo ประเทศไทย คือ “จุดประกายค่ำคืนของคุณ” ชัดเจนว่ายังไงก็ต้องเป็นการถ่ายกลางคืน แต่เปิดตัวทั้งทีจะให้มีจุดเด่นแค่นั้นก็กระไรอยู่ ความจริงยังมีรายละเอียดอื่นซ่อนอยู่อีกมากที่รอการค้นหา

สเปกและคุณสมบัติ

  • ระบบปฏิบัติการ Android 10 (ครอบทับด้วย Funtouch OS 10)
  • หน้าจอ Super AMOLED FHD+ Ultra O Screen 6.44″ (ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล)
  • หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 712
  • แรม 8 GB
  • รอม 128 GB (รองรับ microSD สูงสุด 256 GB)
  • กล้องหลัง AI Quad Camera
    • กล้องหลัก 48 MP (F/1.79)
    • กล้องมุมกว้าง 8 MP (F/2.2)
    • กล้องละลายฉากหลัง 2 MP (F/2.4)
    • กล้องมาโคร 2 MP (F/2.4)
  • กล้องหน้า Dual Front Camera
    • กล้องหลัก 32 MP (F/2.08)
    • กล้องมุมกว้าง 8 MP (F/2.28)
  • ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
  • แบตเตอรี่ 4,500 mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W (Vivo FlashCharge 2.0)
  • ขนาด 159.64 x 75.04 x 8.5 มม.
  • น้ำหนัก 186.5 กรัม

หากเทียบช่วงราคา Vivo V19 ก็อยู่ในระดับกลาง เพราะเอกลักษณ์ของวีโว่อย่างหนึ่งก็คือเรื่องความคุ้มค่า กล้องสวยล้ำในราคาที่ไม่แพง โดยหากอ่านจากสเปกเครื่องด้านบนจะเห็นว่าไม่ได้เก่าตกรุ่นอะไรเลย Android 10 ตามมาตรฐานที่ควรเป็นของปี 2020 แถมหน่วยประมวลผลยังเป็น Qualcomm Snapdragon 712 ชิปเซ็ตระดับกลางที่ให้ความคุ้มค่า และแรงกว่า Snapdragon 710 อยู่ประมาณ 10% เลยทีเดียว

ดีไซน์และตัวเครื่อง

ด้วยหน้าจอที่ชิดขอบทั้งสามด้าน ทำให้ถึงแม้ว่าจะมีหน้าจอ Super AMOLED FHD+ ขนาด 6.44 นิ้ว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ตัวเครื่องใหญ่เทอะทะ แถมยังเป็นหน้าจอ Ultra O Screen ที่มีกล้องอยู่ในหน้าจอ (ไม่ใช่รอยบากหรือจอแหว่ง) จึงทำให้ใช้พื้นที่ได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่า เกรดหน้าจอเป็น E3 OLED ผลิตโดย Samsung ให้ขอบเขตสี 100% (DCI-P3) ดูแล้วสีไม่เพี้ยนเป็นจอเกรดเดียวกับวงการภาพยนตร์

ส่วนตัวเครื่อง Vivo V19 ยังคงออกแบบตามแนวทางเดิม คือเน้นการใช้งานจริงเป็นหลักตามสรีระศาสตร์ ทำตัวเครื่องโค้งรับกับอุ้งมือ ส่วนวัสดุก็ไม่ได้ไก่กาอะไรเพราะเป็นกระจกทั้งหน้าและฝาหลัง สวยหรูดูดีมีราคาถือแล้วไม่อายใคร มีขายทั้งหมด 2 สีก็คือ Sleek Silver (ตัวที่รีวิว) อันนี้ส่วนตัวผู้รีวิวชอบเป็นพิเศษเพราะเล่นแสงไล่เงาได้สวยดี แต่หากใครชอบเรียบหรูสุภาพ แนะนำเป็นสี Gleam Black ที่ดำสง่างามเหนือกาลเวลา

E3 OLED ดีกว่า E2 OLED อย่างไร ?

บางคนอาจเรียกแค่ “จอ OLED” แต่ความจริงมีสเปคที่แตกต่างกันไป E3 OLED เป็นหน้าจอใหม่ล่าสุดจาก Samsung โดยมักจะอยู่ในสมาร์ตโฟนราคาแพงเท่านั้น (สาเหตุเพราะต้นทุนสูง) และเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่างทาง TUV Rheinland (สถาบันทดสอบด้านความปลอดภัยระดับโลก) ให้การรับรองว่า E3 OLED สามารถกรองแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตาได้ถึง 42% เมื่อเทียบกับ E2 OLED รุ่นเก่า

สำหรับใครที่เคยถ่ายภาพด้วยกล้อง DSLR, Mirrorless จะทราบดีว่าหน้าจอปกติมีการกระพริบอยู่เสมอ และจะยิ่งกระพริบช้าลงหากเราเปิดความสว่างต่ำ เป็นสาเหตุให้ทำไมบางคนเล่นมือถือแล้วเวียนหัว ปวดตา แม้กระทั่งว่าเล่นมือถือก่อนนอนแล้วจะนอนไม่หลับ สาเหตุก็เพราะมันรบกวนสายตาและสมองเราอยู่นั่นเอง Vivo V19 มีเทคโนโลยี Low Brightness Anti-Flicker ป้องกันการกระพริบของหน้าจอขณะความสว่างต่ำ

กล้องหลังดีมั้ย ? บางคนอาจคิดว่าวีโว่มีดีแค่กล้องหน้าสำหรับเซลฟี่ แต่เป็นความคิดที่เข้าใจผิดเพราะรุ่นนี้กล้องหลัง AI Quad Camera ก็จัดเต็มเหมือนกัน มาพร้อมกับความละเอียด 48 MP คมมากพอที่จะมา Crop รายละเอียดซูมเฉพาะส่วนได้ แถมยังมีกล้องมุมกว้างพิเศษ (Super Wide-Angle) ความละเอียด 8 MP และก็มีกล้องมาโครความละเอียด 2 MP สุดท้ายเป็นกล้องโบเก้ความละเอียด 2 MP

ประสิทธิภาพการใช้งาน

สเปกที่ขายในเมืองไทยคือ Qualcomm Snapdragon 712 มาพร้อมกับ RAM 8 GB (LPDDR4X) + ROM 128 GB (UFS 2.1) ค่อนข้างแรงเมื่อเทียบกับสเปกปัจจุบัน และก็ไม่ต้องกลัวแบตเตอรี่หมดเพราะให้มาถึง 4,500 mAh ซึ่งโดยทั่วไปต้องใช้เวลาชาร์จหลายชั่วโมง แต่ทาง Vivo V19 มีทางออกให้ด้วยเทคโนโลยีชาร์จไว 33W Vivo FlashCharge 2.0 เพียง 30 นาที ชาร์จได้ถึง 54%

และไม่พูดคงจะไม่ได้กับระบบระบายความร้อน Copper Tube Liquid Cooling สำหรับคนที่เล่นเกมนาน ๆ มักเจอปัญหา “เครื่องร้อน” และเจ้าความร้อนนี้ไม่เพียงทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว ยังลดประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องโดยรวมด้วย (เมื่อเครื่องร้อนจะช้าลง) โดยเทคโนโลยีนี้ช่วยระบายความร้อนด้วยของเหลวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ความร้อนลดลงเฉลี่ยราว 3-7 องศา เล่นเกมเครื่องไม่ร้อน

กล้องหน้าดีมั้ย ? รุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นที่กล้องหน้าดีที่สุดของวีโว่เลยก็ว่าได้ (และดีกว่าหลายแบรนด์ในตลาด) มาพร้อมกับความละเอียด 32 MP ให้ไฟล์คุณภาพสูง เอาไปแต่งต่อได้แบบเนียน ๆ แถมยังมีกล้องมุมกว้างพิเศษ (Super Wide-Angle) ความละเอียด 8 MP เผื่อเวลาต้องการถ่ายกับเพื่อนหลายคน หรือต้องการถ่ายแบบเก็บภาพวิวด้านหลังไปด้วย มาพร้อมกับ AI สามารถปรับหน้า-ปรับหุ่นได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส

เล่นเกมไม่กระตุก เฟรมเรตไม่ตก

เกมบนมือถือนับวันจะยิ่งใช้สเปกแรงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อความคุ้มค่าวีโว่มี Multi-Turbo 3.0 กับการเพิ่มคุณสมบัติ ART++ Turbo ปลดล็อคความเร็วของ Game Turbo ให้สามารถเล่นได้อย่างราบลื่นมากขึ้น โดยให้ความสำคัญทั้งหมดไปที่ตัวเกมเพียงอย่างเดียว ลดปัญหาเฟรมเรตตกได้ถึง 78.05% พร้อมกับ Ultra Game Mode โฉมใหม่ช่วยให้เล่นเกมสนุกขึ้น มีฟีเจอร์สุดเจ๋งอย่าง Game Vibration, Voice Changer และ Killer Countdown

หากใครเอาไปดูหนังอันนี้ต้องรีวิวตามตรงว่าสีจริง DCI-P3 100% ให้สีสันที่สมจริงล้อตามโปรไฟล์ต้นฉบับ หน้าจอสามารถปรับความสว่างได้ตามสภาพแวดล้อมโดยรอบอัตโนมัติ เพื่อให้ได้ค่าสีจริงที่มีการเพี๊ยนน้อยที่สุด มอบประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์ที่ดี ในขณะเดียวกันก็ไม่ทำร้ายดวงตาของเรา เพราะกรองแสงสีฟ้าออกได้เกือบครึ่ง มีการป้องกันการกระพริบของหน้าจอขณะความสว่างต่ำ (Low Brightness Anti-Flicker) ดูในที่มืดก็สบายตา

Funtouch OS 10 (Android 10)

หน้าตาการใช้งาน Funtouch OS 10 แทบไม่ได้มีอะไรต่างจาก Funtouch OS รุ่นก่อน ยังคงเน้นความน่ารักและใช้งานง่ายเหมือนเดิม มีการอัปเดตระบบปฎิบัติการ Android 10 ให้ทันกับยุคสมัยมากขึ้น มีลูกเล่นการใช้งานที่หลากหลายพร้อมผู้ช่วยอัจฉริยะ Jovi ที่เป็นเหมือนเลขาส่วนตัว โดยแต่ละเครื่องจะมีการใช้งานไม่เหมือนกัน เช่น ใช้งานอะไรไปเท่าไหร่หลาย รวมถึงข้อมูลด้านสุขภาพและการจัดการข่าวสารให้ด้วย

คนที่ขี้เบื่อสามารถปรับหน้าตามือถือได้หลากหลาย มีธีมและวอลเปเปอร์ให้มหาศาล สามารถตั้งค่าได้อย่างละเอียดมาก ว่าชอบอะไรยังไงอยากให้ปรับแต่งตรงไหน (ต้องใช้งานไปสักพักถึงจะเริ่มชิน) ส่วนคุณสมบัติพื้นฐานก็มีครบถ้วน เช่น การแคปหน้าจอแบบยาว, อัดวิดีโอหน้าจอ, การแบ่งหน้าจอ, โหมดมอเตอร์ไซค์, โฟลเดอร์ลับ, โคลนแอปพลิเคชันอย่าง LINE และ Facebook เพื่อแยกการใช้งานกันอย่างอิสระ, ฯลฯ

ตัวเครื่องมาพร้อมกับ RAM 8 GB เปิดเครื่องใช้งานจริงเหลือ 4.71 GB ส่วนหน่วยความจำ ROM 128 GB เหลือให้ใช้งานจริง 111 GB (ยังไม่ได้ติดตั้งแอปพลิเคชันใด) แต่หากใครคิดว่าน้อยไปก็เพิ่ม microSD โดยที่การ์ดกับซิมสองไม่ต้องแย่งช่องกัน ปัญหาการใช้งาน Android หลายรุ่นคือใช้ไปสักพักจะเริ่มช้า วีโว่เองก็มีเครื่องมือสำหรับจัดการไฟล์ ล้างขยะ รวมถึงการเคลียร์ RAM ให้โดยที่ไม่ต้องดาวน์โหลดเพิ่ม

ลูกเล่นกล้อง

วีโว่เป็นแบรนด์เดียวที่สามารถปรับใบหน้าสวย ปรับรูปร่างทั้งตัว ได้แบบเนียนและสมจริงมากที่สุด สามารถเลือกตั้งค่าได้ตั้งแต่ใบหน้าแยกสีผิว ขนาดรูปหน้า ดวงตา จมูก ริมฝีปาก รวมไปถึงปรับรูปร่างอยากใหญ่ตรงไหน อยากเล็กตรงไหน หรืออยากสูงขึ้นก็สามารถทำได้หมดเลย สามารถปรับรูปร่างจากวิดีโอ เรียกได้ว่าไม่เหมือนตัวจริงเลย และถ้าใครถ่ายรูปไม่เก่งวีโว่ก็มีไอเดียท่าทางให้พร้อม สามารถโพสต์ตามได้เลย

ด้วยความที่กล้องหลังมีมากถึง 4 เลนส์ (กล้องหลัก, กล้องมุมกว้าง, กล้องมาโคร, กล้องโบ้เก้) เลยทำให้สามารถเล่นลูกเล่นได้เยอะมาก ยกตัวอย่าง เลนส์โบเก้ที่ช่วยแยกวัตถุกับฉากหลัง จึงทำให้ราคาสามารถเบลอหลังได้เนียนมากขึ้น หรือจะปรับฉากหลังให้เป็นขาวดำก็ยังได้ วีโว่พยายามดึงเอาคุณสมบัติ Hardware ออกมาใช้เต็มที่ อย่างหน้าจอที่มีความสว่าง 800 nit ก็เอามาใช้แทนแฟลชกล้องหน้าได้เลย

AI ช่วยให้การแต่งภาพเป็นเรื่องสนุก

AI ช่วยในการแต่งภาพอย่างไร ?

แค่กล้องในส่วน Hardware ดีอย่างเดียวไม่พอ Software ต้องดีตามด้วย วีโว่มีการเลือกใช้ AI มาช่วยในการแต่งภาพที่อยู่ใน “อัลบั้ม” สามารถเลือกใช้ AI เมคอัพ เพื่อตกแต่งรูปถ่ายคน (รวมถึงปรับหุ่น) และสามารใช้ AI การตัดรูปภาพ เพื่อตกแต่งภาพได้อย่างมืออาชีพ โดยระบบจะทำการตัดภาพให้อัตโนมัติ สามารถเลือกเปลี่ยนพื้นหลัง ลบภาพคนที่ไม่ต้องการออก ย่อ ขยาย ปรับตำแหน่งหรือทำสำเนาเพิ่มก็ได้ สนุกมาก!

กล้องมุมกว้างพิเศษ

สำหรับกล้องหลังมี กล้องมุมกว้างพิเศษ (Super Wide-Angle) ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีความละเอียดเพียง 8 MP (F/2.2) น้อยกว่ากล้องหลัก 48 MP (F/1.79) แต่ก็สามารถดึงเอาประสิทธิภาพมาได้อย่างเต็มที่ มีตัวช่วยในการถ่ายรูปเป็น AI ที่ช่วยปรับแต่งภาพแอบโกงให้นิดหน่อย รวมถึงแนะนำว่าบรรยากาศแบบนี้ควรใช้เลนส์ตัวไหน จุดอ่อนของกล้องมุมกว้างพิเศษคือรูรับแสงแคบ ไม่เหมาะกับการถ่ายกลางคืน

กล้องโบเก้

กล้องละลายฉากหลัง (โบเก้) ไม่ได้มีไว้ถ่ายรูปโดยตรง จึงมีความละเอียดเพียงแค่ 2 MP (F/2.4) เพราะเอาไว้เพียงแค่แยกฉากหลังออกจากภาพถ่าย จึงสามารถทำงานร่วมกับกล้องได้ดียิ่งขึ้น สามารถปรับค่ารูรับแสงแบบจำลองได้ถึง F/0.95 ปรับพื้นหลังได้เนียนพอสมควร ราวกับถ่ายด้วยกล้องระดับมืออาชีพ แถมยังเล่นกับเอฟเฟ็กต์แสงภาพถ่ายบุคคล เพื่อปรับสีของฉากหลังหรือไฟสตูดิโอเพิ่มเติมได้อีกด้วย

กล้องมาโคร

การใช้งานของ กล้องมาโคร ไม่จำเป็นต้องมีรายละเอียดมากก็ได้ เพราะปกติจะไม่ได้ซูมหรือครอปอะไรมากนัก 2 MP (F/2.4) ก็ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการใช้งาน อันนี้ไม่ค่อยรู้สึกว่าโดดเด่นอะไรพิเศษ กำลังขยายไม่ได้สูงอะไรมากมาย มีระยะโฟกัสอยู่ที่ประมาณ 4 ซม. หากใครถ่ายด้วยกล้องปกติแล้วไม่สามารถโฟกัสได้ ก็แนะนำให้เปลี่ยนมาใช้เป็นกล้องมาโครแทนครับ เปลี่ยนมุมมองใหม่ของภาพได้เยอะ

32 MP Dual Front Camera

จุดเด่นที่ดีที่สุดของรุ่นนี้คือ กล้องหน้าคู่ (32 MP Dual Front Camera) โดยกล้องรองที่เป็นกล้องมุมกว้างพิเศษ 8 MP สามารถเก็บมุมกว้างได้ที่ 105 องศา มาพร้อมกับ AI ที่ช่วยป้องกันภาพบิดเบี้ยวสำหรับถ่ายภาพบุคคลมุมกว้าง ถ่ายแล้วหน้าไม่บวมไม่ดูดอ้วนเหมือนกับกล้องหน้ามุมกว้างทั่วไป และปรับแต่งฉากให้เหมาะสมที่สุดเพื่อให้ความสวยงามที่สมบูรณ์ แถมยังมีลูกเล่นปรับแต่ได้อีกมากมาย

Night Selfie + Face Beauty = Super Night Selfie

Super Night Selfie

ใครว่าแสงไม่สวยจะเซลฟี่ไม่ได้ เปลี่ยนทุกความเป็นไปได้ด้วย Vivo V19 ที่สามารถถ่าย Super Night Selfie ด้วยการผสมผสานระหว่าง Night Selfie และ Face Beauty เข้ากับ Hardware หน้าจอขนาดใหญ่ที่มีความสว่าง 800 nit เปลี่ยนเป็นสปอร์ตไลท์ขนาดย่อม เมื่อได้ภาพแล้วมีการประมวลผลผ่าน AI ที่แสนฉลาด ปรับให้ภาพทั้งหมดดูเป็นธรรมชาติ เก็บรายละเอียดฉากหลังช่วยให้ภาพไม่ฟุ้ง

33W Vivo FlashCharge 2.0

ตื่นเช้ามาลืมชาร์จแบตเตอรี่ ก็ไม่ต้องกลัวไปทำงานสายเพราะมี 33W Vivo FlashCharge 2.0 สามารถชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าจะมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,500 mAh ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับการรอคอย ผ่านทางมาตรฐานอุปกรณ์สากลอย่าง USB-C ใช้เวลาชาร์จเพียงแค่ 30 นาที ก็สามารถได้แบตเตอรี่ถึง 54% เพียงพอสำหรับการใช้งานตลอดทั้งวัน (หากไม่ได้เล่นเกม)

ข้อดี

  1. หน้าจอ Super AMOLED คุณภาพสูง (E3 OLED)
  2. กล้องหลัง 48 MP พร้อมเลนส์ 3 ตัว ครอบคลุมหลายการใช้งาน
  3. กล้องหน้าคู่ 32 + 8 MP เซลฟี่สวย ถ่ายมุมกว้างก็ได้
  4. โหมดเซลฟี่กลางคืนแม้แสงน้อย (Super Night Selfie)
  5. ชาร์จเร็วทันใจด้วย 33W Vivo FlashCharge 2.0

ข้อเสีย

  1. ไม่กันน้ำ
  2. ไม่มีกล้องซูม

สรุป

เอาใจคนรักการเซลฟี่โดยเฉพาะ เพียงแค่มี Vivo V19 ก็ไม่ต้องสนใจหรือไม่ว่าแสงจะสวยหรือไม่สวย เพราะด้วยศักยภาพของ Super Night Selfie ช่วยถ่ายรูปตอนกลางคืนได้ดี (มาก) และจะยิ่งดีที่สุดหากเป็นการถ่ายกลางวันด้วย กล้องหน้าคู่ 32 MP เอาชนะกล้องหน้ามือถือทุกรุ่นในช่วงราคาเดียวกัน แถมยังรองรับการชาร์จเร็ว 33W Vivo FlashCharge 2.0 เหมาะกับชีวิตที่เร่งรีบ ทั้งหมดนี้เพียง 12,999 บาท

หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial