Asus Live แฝดฝาเดียวกับ ZenFone Go ที่สเปคแทบจะถอดกันมา แต่มีราคาที่ถูกเหมือนได้เครื่องฟรี! Google Drive ฟรี 100 GB รองรับสองซิม เพิ่มเมมได้ เปลี่ยนแบตได้ มีทุกอย่างที่เครื่องราคาเป็นหมื่นไม่มี (ฮา) แถมยิ่งถ้าซื้อเครื่องพร้อมเบอร์ Truemove H ลดราคาได้อีก 400 บาท พร้อมค่าโทรฟรีอีก 3,000 บาท เมื่อเทียบกับเครื่องฟรีที่ Network Operator เอามาแจก Asus เป็นเครื่องที่มีคุณภาพดีกว่าเยอะมาก
Asus Live
เคยเปิดตัวมาแล้วที่บลาซิล (G1500TG) เน้นตลาดกลุ่มสมาร์ทโฟนราคาถูกที่ชอบความคุ้มค่า ส่วนเครื่องที่ขายในไทยจะเป็นรหัส (Z00YD) สามารถซื้อได้ผ่าน iTruemart ราคา 3,990 บาท โดยจะไม่มีวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไป งานนี้ใครชอบความคุ้มค่าต้องสั่งออนไลน์ครับ
สเปค | Asus Live
- ระบบปฏิบัติการ Android 5.1 (Lollipop) ครอบทับด้วย ZenUI Launcher
- หน่วยประมวลผล MediaTek MT6580 1.3 GHz
- แรม 2 GB
- หน่วยความจำ 16 GB, รองรับ microSD สูงสุด 64GB
- หน้าจอ 5″ (720 × 1280 พิกเซล)
- กล้องหลัง 8 MP
- กล้องหน้า 2 MP
- รองรับ Dual SIM, Dual Standby
- รองรับ 3G ทุกเครือข่าย
- แบตเตอรี่ 2,070 mAh
- ขนาด 71 × 144.5 × 9.98 มม.
- น้ำหนัก 135 กรัม
ความคุ้มค่าดูเหมือนจะอยู่ที่ Google Drive ฟรี 100 GB ระยะเวลา 2 ปี หรือคิดเป็นมูลค่า $47.76 (ประมาณ 1,736 บาท)
นอกจากนี้ยังมีความคุ้มค่าอีกหนึ่งอย่าง สำหรับใครที่ซื้อเครื่องพร้อมกับเปิดเบอร์ Truemove H จะลดเหลือ 3,590 บาท พร้อมค่าโทรฟรีอีก 3,000 บาท (เหมือนได้เครื่องในราคา 590 บาท) แถมหากบวกหักลบกับสิทธิ Google Drive ที่ได้มางานนี้กำไรอย่างเห็นได้ชัด
และเนื่องจากเป็นเครื่องราคาประหยัด อุปกรณ์ที่ได้มาจึงมีเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้นครับ ส่วนหูฟังสามารถหาซื้อได้ตามตลาดทั่วไป หรือหากใครมาของเก่าก็เอามาใช้ได้ (จะว่าไปพักหลังเครื่องราคาเป็นหมื่นอย่าง ZTE, Meizu ก็ไม่เห็นแถมหูฟังเลยสักราย)
ส่วนสีที่วางขายจะมีเพียงสีเดียวคือ “ดำ-ฟ้า” เช่นเดียวกับช่องทางวางจำหน่ายที่ต้องผ่านเฉพาะ iTrueMart เพียงอย่างเดียวครับ
หมุนกลับมาดูด้านหลังกันบ้าง สีที่ให้มาจะเป็นดำด้านยากต่อการเป็นรอยนิ้วมือ ว่ากันตามตรงดีไซน์อาจดูโบราณไปบ้างไม่เหมือนพวก ZenFone 2 แต่ต้องอย่าลืมไปว่า Asus Live นั้นราคาสี่พันมีทอน! หากเทียบกันแล้วคงได้เทียบกับรุ่นเก่าอย่าง ZenFone 4, 5 ซึ่งใช้หน่วยประมวลผล Intel ที่ขึ้นชื่อเรื่องกินแบตเตอรี่ (และคุณคงไม่ชอบสักเท่าไหร่)
ด้านในสามารถถอดแบตเตอรี่ได้อย่างอิสระ (ใช้กันยาวเลยทีนี้) รองรับสองซิม แถมยังรองรับ microSD ในยุคที่หลายแบรนด์ต่างพยายามถอดมันออก เพียงเพื่อต้องการขายเครื่องในราคาที่ได้ส่วนต่างมากกว่า
ด้านข้างถึงแม้จะเป็นพลาสติกแต่ก็ดูสวยงามได้ ด้วยการเล่นลูกเล่นสีที่ตัดกันไป และปุ่มทั้งหมดมาอยู่ด้านขวาของตัวเครื่อง
ด้านซ้ายเป็นแบบเรียบไม่มีอะไรพิเศษ พอร์ตสำหรับ Micro USB อยู่ด้านล่าง ส่วนแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มม. นั้นอยู่บริเวณด้านบน
ด้วยเครื่องขนาดที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ มีความหนาพอประมาณและฝาหลังเป็นแบบโค้งผิวด้าน จึงทำให้จับได้กระชับมือโดยที่คุณไม่จำเป็นต้องใส่เคส
หน้าจอ HD ขนาด 5″ พร้อมเทคโนโลยี IPS ให้สีที่ค่อนข้างเที่ยงตรง สามารถมองมุมด้านข้างได้ถึง 178 องศา
ใช้งานจริง | Asus Live
ความน่าประทับใจของ ZenUI ยังคงมีมนต์สเน่ห์เหมือนเดิม และทำงานได้ดีถึงแม้ว่าสเปคเครื่องจะต่ำ แรกเริ่มเปิดเครื่องมาจะมีแอปพลิเคชันแถมมาบ้าง (เล็กน้อย) และส่วนใหญ่จะเป็นของ Asus เสียมากกว่า นอกจากนั้นก็มีพวก Clean Master, Dr. Safety, Amazon Kindle, Free Games, TripAdvisor น่าเสียดายที่ผู้ใช้ไม่สามารถลบออกได้ แต่มันก็ไม่ค่อยกินทรัพยากรเครื่องเท่าใดนัก
การใช้งานด้านอื่นค่อนข้างลื่นไหล หากเทียบกับ ZenFone 5 ก็ถือว่าใกล้เคียงกันในความแรง แต่ในบางจังหวะ Asus Live ดูจากลื่นกว่าเล็กน้อย
แอปพลิเคชันกล้องมีให้เล่นบ้างพอประมาณ การใช้งานอาจยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ถือเสียว่าดีกว่าไม่มีอะไรให้ใช้ สำหรับวิดีโอถ่ายได้ถึงความละเอียด 1080P
ด้วยความแรงของ MediaTek MT6580 Quad-Core 1.3GHz ที่ถึงแม้จะเป็นหน่วยประมวลผลตัวล่าง แต่ก็เทียบเท่าได้กับ Intel Atom Z2560 processor 1.6GHz ที่อยู่บน ZenFone 5 ซึ่งคะแนนที่ออกมาแทบจะเรียกว่าเท่ากันเลยก็ว่าได้ แต่ข้อดีของการเลือกใช้ MediaTek ก็คือร้อนน้อยกว่าและไม่กินแบตเตอรี่เยอะเท่า Intel รวมถึงความเข้ากันได้กับ App ก็มากกว่าด้วย
กล้อง | Asus Live
ตามสเปค Asus Live คือกล้องหลัง 8MP ส่วนกล้องหน้า 2MP เมื่อทดสอบถ่ายด้วยกล้องหน้า คุณภาพที่ได้ออกแนวจะอมชมพูเล็กน้อย (แสงในห้าง) ถ้าต้องการถ่ายให้ดีจำเป็นต้องมีแสงธรรมชาติพอสมควร ชัตเตอร์ค่อนข้างช้าและไม่เหมาะเป็นอย่างยิ่ง สำหรับการถ่ายในที่มืดเพราะ Noise เยอะมาก
ส่วนกล้องหน้าถึงแม้จะมีฟีเจอร์แต่งหน้า (Beautification) แต่ด้วยความที่กล้องหน้าอาจไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เลยทำให้ดึงประสิทธิภาพออกมาได้น้อยมาก ภาพที่ได้พิกเซลจะออกแนวช้ำ ๆ เสียเป็นส่วนใหญ่ ส่วนภาพที่ถ่ายด้านบนเป็นโหมด Auto ทั้งหมด และสำหรับใครที่สนใจดูภาพต้นฉบับสามารถไปดาวน์โหลดได้จาก imgur
ข้อดี
- ราคาถูก (มาก)
- ซื้อพร้อมเบอร์ Truemove H เหมือนได้เครื่องฟรี
- รองรับสองซิม สแตนบายพร้อมกัน
- ฟรี Google Drive 100 GB เป็นเวลา 2 ปี
- เครื่องลื่นพอประมาณ ไม่หน่วงอย่างที่คิด
ข้อเสีย
- ไม่รองรับ 4G
- กล้องไม่ค่อยดีเท่าไหร่
สรุป
ข้อเสียเหมือนจะร้ายแรง แต่พอชั่งน้ำหนักกันแล้วบอกได้เลยว่า “คุ้มโคตร!” เชื่อว่าราคา 3,990 บาท หาซื้อในตลาดก็คงไม่ได้รุ่นที่กล้องวิเศษอะไรนัก หากคุณต้องการสมาร์ทโฟนหน้าจอ 5″ ที่เหมาะกับการใช้งานจริง จำเป็นต้องใช้สองซิม (อันที่จริงเปิดเบอร์ทรูทิ้งไว้แล้วใช้คู่กับเบอร์หลักก็ได้ เพราะมันได้ค่าโทรฟรีตั้ง 3,000 บาท) หากใครสนใจลองสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ iTrueMart
หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial