WD My Cloud Mirror คือ NAS สำหรับใช้งานส่วนบุคคลและสำนักงานขนาดเล็ก หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าคลาวด์ส่วนบุคคล (Personal Cloud Storage) ซึ่งในตลาดมีมากมายหลายรุ่นด้วยกัน และในตอนนี้เราจะมารีวิว My Cloud Mirror Gen 2 ที่มาพร้อม My Cloud OS 3 อย่างที่เราเคยได้กล่าวไปในตอนที่แล้วนั่นเอง

WD My Cloud Mirror (1)

WD My Cloud Mirror

สรุปอย่างสั้นก็คือเอาไว้ใช้เก็บข้อมูลส่วนตัว (และส่วนรวม) เพื่อใช้ภายในบ้านและนอกบ้าน เทียบแล้วเหมือนกับ Dropbox, OneDrive, iCloud เพียงแต่ว่าของเราได้ความจุเยอะกว่า และเป็นส่วนตัวในการจัดการรวมถึงปรับแต่งอะไรได้ยืดหยุ่นมากกว่า แต่ทั้งนี้อย่าไปคิดว่ามันจะยากนะครับ เพราะว่ามันไม่ยากเลยสามารถติดตั้งได้ภายใน 15 นาที เหมือนที่คุณ Kafaak เคยได้รีวิวไว้

สำหรับรุ่นที่ผมจะนำมารีวิวในวันนี้จะเป็น My Cloud Mirror Gen 2 ที่มีการปรับปรุงไปจาก Gen 1 เล็กน้อย จากหน่วยประมวลผล 1.2 Ghz เป็น 1.3 Ghz (เร็วขึ้นประมาณ 1.5 – 2 เท่า) รวมไปถึง RAM ขนาด 512 MB ส่วนความจุมีทั้ง

  • 4 TB ราคา 11,500 บาท
  • 6 TB ราคา 14,500 บาท
  • 8 TB ราคา 18,500 บาท

สำหรับตัวที่ผมเลือกมารีวิวเป็นตัวล่างสุด 4 TB นั่นเองครับ และแน่นอนว่าถ้าหากคุณต้องการใช้ RAID 1 ปริมาณข้อมูลที่เก็บได้ก็จะถูกหารครึ่ง เนื่องจากต้องนำไปทำเป็นสำเนาอีกหนึ่งชุดนั่นเอง

WD My Cloud Mirror (2)

ด้านหลังกล่องบอกถึงการใช้งานเชื่อมต่อได้ทั้ง Notebook, Tablet, SmartPhone ซึ่งก็คือจุดเด่นของ WD นั่นก็คือความที่มัน “ง่าย”

WD My Cloud Mirror (3)

แกะกล่อง

ภายในก็มีปลั๊กสารพัดแบบให้ได้เปลี่ยนหัว (SKU เดียวขายทั่วโลก) แล้วก็สายแลนแบบ CAT 6 แถมมาอีกหนึ่งเส้น ความยาวไม่มากประมาณเมตรนิดหน่อยได้

WD My Cloud Mirror (4)

ส่วนดีไซน์ก็จะเน้นความเรียบง่าย สีเป็นขาวแบบเงาวางไว้ที่โต๊ะตรงไหนก็สวย ข้างหน้าเป็นความโค้งมนให้ความรู้สึกที่ดี หากใครอยู่คอนโดแบบผมอาจดูเป็นของตกแต่งบ้านชิ้นหนึ่งได้เลย

WD My Cloud Mirror (5)

ด้านหลังจะเป็นพอร์ต USB 3.0 แถมมาให้ถึงสองพอร์ต เผื่อเอาไว้เสียบกับฮาร์ดดิสก์หรือแฟลชไดร์ฟเพิ่มเติม แล้วนอกจากนี้ก็จะมีพอร์ต LAN ความเร็วระดับ Gigabit ส่วนนอกนั้นก็เป็นช่องชาร์จไฟและ Kensington Lock Slot สำหรับล็อคเครื่องเหมือนกับ Notebook ครับ

WD My Cloud Mirror (6)

ฝาเปิด NAS สามารถถอดออกได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ ในขณะที่ตัวล็อคก็ยังแน่นหนาอยู่ มีตัวเลขบอกชัดเจนว่าตัวไหนเบอร์ 1 หรือ 2 ถือว่าเก็บรายละเอียดได้ค่อนข้างดีครับ

WD My Cloud Mirror (7)

สำหรับฮาร์ดดิสก์ที่อยู่ในภายมันคงดูตลกถ้าหากไม่ใช่ของ WD และแน่นอนว่าสำหรับ NAS ต้องเป็นสีแดงเท่านั้น! สำหรับความจุแบ่งออกเป็น 2 + 2 TB ทำไมต้อง WE Red NAS

My Cloud OS 3 (1)

ใช้งานสุดง่าย

เริ่มแรกด้วยการเชื่อมต่อสาย LAN เข้ากับ Router ภายในบ้านจากนั้นเข้าไปที่ MyCloud.com เพื่อทำการตั้งค่า (ไม่จำเป็นต้องลงโปรแกรม, ไม่จำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์, ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องเครือข่าย) มันสะดวกตรงนี้แหล่ะ!

My Cloud OS 3 (2)

การใช้งานครั้งแรกจำเป็นต้องใส่รายละเอียดเล็กน้อยเพื่อสมัคร และการสมัครนี้จะเป็นการลงทะเบียนผลิตภัณฑ์ไปด้วยเลยในตัว เมื่อได้รับการยืนยัน ID & Pass แล้วก็สามารถเข้าใช้งานได้เลย

My Cloud OS 3 (4)

My Cloud OS 3

สำหรับหน้าแรก (Home) มีการปรับดีไซน์ใหม่ที่สวยและเรียบง่ายกว่าเดิม โดยหน้าแรกจะเป็นหน้าสำหรับจัดการผลิตภัณฑ์ บอกทั้งข้อมูลโดยรวม, สถานะการใช้งาน, จำนวนผู้ใช้งาน, ฯลฯ

My Cloud OS 3 (5)

หน้าถัดมาของผู้ใช้งาน (Users) จะเป็นการสร้างผู้ใช้ร่วมหรือแบ่งกลุ่มผู้ใช้ เพราะในหนึ่งอุปกรณ์สามารถใช้งานร่วมกันได้หลายคน รวมทั้งการจำกัดสิทธิ และอื่น ๆ

My Cloud OS 3 (6)

ถัดมาเป็นหน้าแชร์ (Shares) เพื่อจำกัดว่าโฟลเดอร์ไหนจะเก็บรูป, เพลง, เอกสาร, ฯลฯ เพื่อความเป็นระเบียบของ NAS นั่นเอง เปรียบได้ดั่ง My Documents ในเครื่องคอมพิวเตอร์

My Cloud OS 3 (7)

หน้านี้จะเป็นการเข้าถึงจากภายนอก (Cloud Access) เพื่อกำหนดว่าจะให้ใครสามารถเข้ามาได้บ้าง โดยอาจเป็นการเชิญให้เข้ามาใช้ไดร์ฟร่วมกันชั่วคราว เช่น การทำงานในทีม, การส่งไฟล์ให้ลูกค้าดาวน์โหลด, เป็นต้น

My Cloud OS 3 (8)

มาถึงส่วนสำรองข้อมูล (Backups) อันเป็นหัวใจหลักในการซื้ออุปกรณ์สำรองข้อมูล โดยตรงนี้เราสามารถทำได้ทั้ง

  • USB Backups
  • Remote Backups
  • Internal Backups
  • Cloud Backups
  • Camera Backups

และสิ่งที่ผมชอบที่สุดคงหนีไม่พ้นการสำรองภาพถ่ายจากสมาร์ทโฟน โดยเราสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน WD Photos (Android, iOS) จากนั้นเมื่อเรากลับมาถึงบ้านแล้วต่อ WiFi รูปถ่ายทั้งหมดก็จะถูกโอนไปสำรองใน WD My Cloud Mirror โดยอัตโนมัติ

My Cloud OS 3 (9)

การตั้งค่าหน่วยความจำ (Storage) จะสามารถดูสถานะรวมถึงสุขภาพของฮาร์ดดิกส์ได้ รวมถึงเปลี่ยนแปลงการตั้งค่า (หากไม่ได้ตั้งอะไรจะเป็น RAID 1 มาจากโรงงาน)

  • JBOD (Just a Bunch of Disk) แยกฮาร์ดดิกส์ทั้งสองลูกอย่างเป็นอิสระ
  • Spanning นำเอาข้อมูลฮาร์ดดิกส์ของทั้งสองลูกมารวมเป็นความจุเดียวกัน โดยจะไล่เขียนข้อมูลเป็นลูกไป เมื่อลูกแรกเต็มแล้วจึงค่อยเป็นลูกสอง
  • RAID0 เขียนข้อมูลเฉลี่ยเขียนแยกไปทั้งสองลูก เพื่อให้ได้ความเร็วสูงสุด ข้อดีคือได้ความจุเต็ม ข้อเสียคือถ้าตัวใดตัวหนึ่งพังคือข้อมูลหายหมด
  • RAID1 เขียนข้อมูลทั้งสองลูกพร้อมกัน (เขียนซ้ำด้วยข้อมูลเดียวกัน) ข้อดีคือได้ฮาร์ดดิกส์ที่เหมือนกันทั้งสองตัวทำให้ปลอดภัย ส่วนข้อเสียคือจะได้ความจุเพียงแค่ครึ่งหนึ่ง

สำหรับมือใหม่ผมแนะนำค่าเดิมจากโรงงาน RAID1 ซึ่งถึงแม้จะเก็บข้อมูลได้แค่ครึ่งเดียว (กรณีของผมคือเก็บได้แค่ 2 TB) แต่ปลอดภัยกว่ามาก หรือถ้าหากคุณคิดว่าข้อมูลไม่สำคัญมากอยากเก็บข้อมูลเต็มความจุ 4 TB มากกว่า ก็แนะนำให้เลือกเป็น JBOD แทนครับ

My Cloud OS 3 (10)

แอปพลิเคชัน (Apps) ตรงนี้เราสามารถติดตั้งแอปฯ ลงในเครื่อง WD My Cloud Mirror ได้ด้วย อาทิเช่น

abFiles, aMule, Dropbox, IceCast, Joomla, phpBB, phpMyAdmin, Plexmediaserver, SqueezeCenter, Transmission, WordPress

และยังสามารถติดตั้งแอปฯ จากภายนอกโดยนักพัฒนาอิสระ (อันนี้เริ่มขั้นสูงแล้วขอข้ามไป) แต่สำหรับผู้ใช้ตามบ้านก็สามารถดาวน์โหลด P2P (Bittorrent) จากนั้นบ้านได้เลย เพียงแค่โยนไฟล์ .torrent เข้าไปในโฟลเดอร์ Torrent เป็นอันเริ่มดาวน์โหลดโดยอัตโนมัติครับ

My Cloud OS 3 (11)

หน้าการตั้งค่า (Settings) ท้ายสุดนี้สำหรับการตั้งค่าสารพัด มีแม้กระทั่งการแจ้งเตือนผ่าน E-Mail เมื่อตัวระบบ NAS ของเราเจอไฟตก, ไฟกระชาก, ไฟดับ นอกจากนี้ก็ยังมีการอัปเกรด Firmware แบบอัตโนมัติให้ด้วยครับ

WD-Sync

โปรแกรมเสริม

WD Software รองรับการสำรองข้อมูลบน PC และ Mac ได้ผ่านโปรแกรม WD SmartWare, WD Sync ทำให้สามารถซิงก์ข้อมูลในเครื่องได้แบบ Real-time ทั้งจากในบ้านแลนอกบ้าน (สะดวกมาก) หรือหากใครใช้แมคแล้วชอบ Time Machine, iTunes Server ในส่วนนี้ก็รองรับเช่นเดียวกัน

สรุป

WD My Cloud Mirror เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้งานในบ้านและสำนักงานขนาดเล็ก ที่เน้นไปที่ความปลอดภัยของข้อมูลเป็นหลัก ในขณะที่ยังคงการใช้งานที่ง่าย มีระบบสนับสนุนการใช้งาน My Cloud OS 3 มีความสดใหม่ของ UI ซื้อเพียงตัวเดียวได้ทั้งเรื่องงานและความบันเทิงในบ้าน ถึงแม้ว่าราคาอาจสูงไปสักเล็กน้อยก็ตาม