กลายเป็นพระเอกในชั่วข้ามคืน ทำให้ GALAXY S6 ธรรมดากลายเป็นตัวประกอบไปเลย กับการเปิดตัวของ GALAXY S6 Edge ที่ได้รับเสียงตบมือเกรียวกราว นี่แหละมันคือนวัตกรรม ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ขอบจอทั้งสองด้าน จนเครื่องแทบจะเป็นหน้าจอแบบ Borderless อยู่แล้ว ส่วนการใช้งานมันดีไม่ดีอย่างไร iReview จะมารีวิวให้ชมกันครับ
SAMSUNG GALAXY S6 Edge – Full Specifications
DESCRIPTION | SAMSUNG GALAXY S6 Edge – SM-G925 |
Processor | Exynos 7420 Quad-core 1.5 GHz Cortex-A53 & Quad-core 2.1 GHz Cortex-A57 |
Operating System | Android™ 5.0.2 Lollipop |
GPU | Mali-T760MP8 |
Display | • Size: 5.1″QHD 1440 x 2560 pixels (~577 ppi pixel density) • Type: Super AMOLED capacitive touchscreen, 16M colors, 10-point multitouch • Gorilla Glass 4 • Curved edge screen |
Wifi | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot |
Bluetooth | v4.1, A2DP, LE, apt-X |
NFC | Yes |
Dimensions (W x T x H) | 142.1 x 70.1 x 7 mm (5.59 x 2.76 x 0.28 in) |
Weight | 132 g (4.66 oz) |
Audio | 1x speaker, 3.5mm audio jack |
Memory | • RAM: 3GB • ROM: 32GB • MicroSD Option: No |
Battery | • Type: Non-removable Li-Ion 2600 mAh battery (รองรับ Fast Charging และ Wireless Charging) |
Integrated Camera | • Rear: 16 MP, 2988 x 5312 pixels, optical image stabilization, autofocus, LED flash • Front: 5 MP, 1440p@30fps, dual video call, Auto HDR |
SIM | 1 SIM (nanoSIM) รองรับ 3G,4G ทุกเครือข่าย |
Sensors | Accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer, heart rate, SpO2,Fingerprint sensor |
สเปคโดยรวมแล้วจะเห็นว่า ไม่ต่างอะไรจาก S6 ธรรมดาเลย ที่ต่างก็จะมีขอบจอโค้งและฟีเจอร์ต่างๆในเครื่องบางอย่างเท่านั้น
[divider]
Design
ต้องขอบคุณ Project Zero ของ SAMSUNG ที่ทำให้การออกแบบ GALAXY S6 Edge ไม่ซ้ำจำเจแบบ S1 จนถึง S5 แต่ก็ยังไม่วายยังไปมีบางส่วนคล้ายค่ายผลไม้ค่ายหนึ่ง แต่นิดๆหน่อยๆหยวนๆให้แล้วกัน เพราะรูปลักษณ์โดยรวมออกมาดูสวย หรูหรามีระดับมาก (มากกว่ารุ่นอื่นๆที่ผ่านๆมา) คงเพราะขอบจอที่โค้งสวยงามแบบที่ไม่เคยมีมือถือเจ้าไหนคิดจะทำมากก่อน
ด้านหน้ามีหน้าจอขนาด 5.1″ ความละเอียด 1440 x 2560 pixels หรือ QHD พร้อมขอบจอโค้งทั้งสองด้าน ที่ไม่ได้มีดีแค่โค้ง (เดี๋ยวจะพูดถึงในเรื่องของ User Experience) กล้องหน้าขนาด 5MP ที่มีโหมด Auto HDR ติดมาให้ด้วย และแน่นอนโหมดหน้าฟรุ้งฟริ้งก็มีมาให้เหมือนกัน
ปุ่มมาตรฐานของ Android ก็ยังมาครบ ทั้ง Recent App, Home, Back ส่วนปุ่ม Home จะเป็นที่สแกนลายนิ้วมือด้วย
ที่สแกนกรรมหรือที่สแกนลายนิ้วมือตรงนี้ได้รับการอัพเดทจาก S5 ที่มีหลายคนบ่นถึงเรื่องความลำบากในการปลดล็อคว่า ทำไมต้องรูดลงด้วย พอมาถึง S6 เลยจัดให้ว่า “โอเค ไม่ต้องรูดลงแล้ว แต่แตะลงไปก็พอ” เลยสามารถวางนิ้วมือลงไปเฉยๆในตำแหน่งมุมไหนก็ได้ หมุนนิ้วยังไงก็ได้ (แบบไอโปนนั่นแหละ) แถมยังอ่านข้อมูลไวขึ้น แตะไปไม่ถึงวินาทีก็ปลดล็อคได้แล้ว (ยกเว้นตอนนิ้วเปียกเหงื่อหรือวางองศาไม่ได้ตามที่มันต้องการ)
ถึงแม้ขอบจอจะบางลงแต่ปุ่มต่างๆก็ยังถูกวางในตำแหน่งข้างๆเครื่องได้เหมือนเดิน ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องเรียนรู้อะไรใหม่เพิ่มเติม จากที่เห็น ปุ่ม Power กับ ปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงถูกวางไว้ในด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง
ด้วยความที่มันเปิดฝาหลังไม่ได้แบบรุ่นก่อนๆ ถาดใส่ซิมเลยย้ายมาอยู่ด้านบน และมีอินฟาเรดไว้กดเป็นรีโมทกับไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนก็อยู่ด้านบนเช่นกัน
ด้านล่างก็ยังไม่วาย หน้าตาเหมือนไอโปนหกซะนี่ แถมยังวางช่องเสียบหูฟัง , ช่องเสียบสายชาร์จ , ไมโครโฟน และ ลำโพง ทั้งหมดไม่อยู่ในแนวเดียวกัน ผมว่าตรงนี้คือจุดที่ไม่สวยที่สุดของเครื่องเลย
ด้านหลังเป็นกระจก มีกล้องหลังที่นูนขึ้นมา (อีกแล้ว) ทำให้อาจจะเป็นรอยเอาง่ายๆเวลาวางกับพื้น ส่วนแฟลช และ heart rate sensor ย้ายมาอยู่ด้านข้างแทน
สีของตัวเครื่องนั้นค่อนข้างแปลกตา เครื่องสีดำเวลากระทบแสงจะเลือมๆออกไปทางน้ำเงินๆ สวยไปอีกแบบ S6 อาจจะเป็นรุ่นแรกเลยมั้งที่ทำสีแบบนี้ ผมว่าสวยดีทีเดียวเชียวแหละ
[divider]
Camera
สิ่งที่ดีงามมะขามเปรี้ยวกว่าดีไซน์นั้นคงหนีไม่พ้นเรื่องกล้อง GALAXY S6 Edge มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 16MP F1.9 มีระบบกันสั่น OIS , IR White Balance ใช้เซ็นเซอร์ CMOS เก็บแสงได้ดีกว่าเดิม ส่วนกล้องหน้า 5MP เลนส์มุมกว้าง และทั้งกล้องหน้าและหลัง มีฟีเจอร์ HDR แบบเรียลไทม์ รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ HDR อีกตะหาก สุดท้ายระบบ Fast Tracking Auto-Focus ช่วยโฟกัสวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหว
กล้องหน้า 5MP เลนส์มุมกว้าง มีโหมด Wide Selfie มาให้ด้วยนะ คราวนี้ถ่ายทีเดียวเก็บคนได้ทั้งหมู่บ้าน
ถ่ายกลางคืนหรือตอนแสงน้อยก็ไม่หวั่น เก็บแสงได้ดี ไม่มีสั่น
กล้องหน้ามาพร้อมโหมดบิ้วตี้ ทำให้หน้าเนียน และดูอ่อนกว่าวัยแบบไม่ต้องใช้โอเล จนต้องบอกได้เลยว่า นี่แหละ “คุณค่าที่คุณคู่ควร”
หรือแบบนี้
งานคอนเสิร์ตหรอ หลายคนคงประสบพบกับการถ่ายโอปป้าแล้วเบลอบ้าง สั่นบ้าง หน้าหายไปเลยบ้างหละ เพราะไฟวิบวับกับแสงน้อยๆ แต่สำหรับ S6 Edge แล้วไม่มีปัญหา
ถ่ายย้อนแสงก็ยังออกมาสวยงาม จริงๆรูปนี้ไม่ได้ตั้งใจถ่าย ยกมือถือมาเล่นๆแล้วกดถ่ายเลย
[divider]
User Interface & Experience
มาถึงจุดนี้ละ จริงๆ UI มันไม่ได้ต่างจาก S6 ธรรมดาเลย งั้นผมขอเขียน จุดที่เป็น Experience หรือประสบการณ์จากจอโค้งแล้วกัน
แต่ชมก่อนนิดนึง คือเจ้า UI ของ SAMSUNG เนี่ย สมัยก่อนมันดูรกและกินแรมมาก จนมีคนบ่นนักต่อนักแล้วว่า “หยิบมือถือซัมซุงเหมือนขับเครื่องบินเลย ปุ่มอะไรไม่รู้เต็มไปหมด” ตอนนี้ SAMSUNG ทำตัวใหม่ เอาใจผู้ใช้ ปรับ UI ให้สะอาดตากว่าเก่า ปุ่มที่ถูกใช้งานบ่อยๆจะออกมาอยู่ด้านหน้าในรูปของข้อความ ไม่ใช่ไอค่อน ส่วนปุ่มเสริมต่างๆที่ไม่ค่อยได้กดบ่อยๆจะไปอยู่ในส่วนของ “More” แทน
ขอบจอทำอะไรได้บ้าง?
อย่างแรกเลยครับ ‘สวย’ การที่ขอบจอโค้งมันเป็นการฉีกกฏการออกแบบมือถือที่จอจำเป็นต้องวางเป็นระนาบเฉยๆอย่างนั้น ซึ่งจริงๆ SAMSUNG แก้ตัวจาก Note Edge มาเพราะจอของ Note Edge นั้นโค้งด้านเดียว แถมยังเป็นจอเสริมซึ่งถ้าแอพไหนไม่รองรับนั่นแปลว่าจอนั้นจะไร้ประโยชน์ไปเลย
ความรู้สึกในการปาดขอบจอโค้งๆนี่มันรู้สึกดีจริงๆนะ
อย่างที่สองคือเวลาคนโทรเข้าแล้วเราวางมือถือคว่ำหน้าไว้ จะมีไฟวิ่งที่ขอบจอสวยงาม เรามามารถกำหนดได้ว่า คนนี้โทรมาให้ไฟวิ่งๆเป็นสีอะไร
สาม ไว้เช็ค Notification ได้ในขณะที่จอดับ(ห้ามผวน) เพียงแค่ถูขอบจอขึ้น-ลง ปาดไปมาเพื่อดูแจ้งเตือนในส่วนต่างๆได้ สะดวกดีเวลาอยู่ในโรงหนัง ไม่ต้องเปิดจอให้ไฟไปแยงตาใคร (แต่จริงๆแล้วในโรงหนังมันไม่ควรหยิบขึ้นมาด้วยซ้ำ ไว้ใช้กรณีฉุกเฉินจริงๆแล้วกัน)
สี่ People Edge เรามาสารถตั้งคนโปรดได้ 5 คน ไว้โทรเข้าโทรออก, ส่งข้อความ, ส่งเมลได้เพียบแค่ปาดขอบจอจากหน้า Home และยังแจ้งเตือนได้ด้วยเกร๋ๆ
สุดท้าย Night Clock จะแสดงนาฬิกาตรงที่ขอบจอตามเวลาที่เราตั้งไว้ โดยที่จะใช้ความสว่างอ่อนๆเท่านั้น (ไม่ต้องกลัวเปลืองแบต เพราะจอ SuperAMOLED จะใช้พลังงานแค่ตรงส่วนที่แสดงผลเท่านั้น ส่วนเม็ดสีสีดำจะไม่ใช้พลังงานเลย)
แต่ข้อเสียของ GALAXY S6 Edge คงเป็นเรื่องของ Software ที่ยังไม่เสถียรพอควร จึงเกิดเป็นปัญหาการ Force Close ของ TouchWiz หรือของแอพอื่นๆ บางทีค้างไปนานสองนานเลย หงุดหงิดเหมือนกัน
อีกอย่างที่(ร้อน)แรงไม่แพ้ราคาค่าตัวของมันคงจะเป็นอุณหภูมิตัวเครื่องนี่แหละ เข้าใจว่าอลูมิเนียมและกระจกระบายความร้อนได้ดีกว่าพลาสติก แต่มันก็ไม่ควรร้อนขนาดนี้ บางทีร้อนแทบจับไม่ได้ (ส่วนใหญ่จะเจอปัญหานี้ช่วงตอนชาร์จไฟอยู่กับตอนใช้งานกล้องและเล่นเกมส์หนักๆ)
[divider]
Benchmark
จับเทสด้วย Antutu Mode 64bit ได้คะแนนไป 68439 คะแนน พุ่งกระฉูดทะลุเข้าโกลตุงตาข่ายไปเลย
[divider]
ข้อดี
- กล้องถ่ายสนุก ใช้ดี คุณภาพรูปดีมากๆ
- สเปคแรง สมกับเป็นเรือธง
- จอสวยมาก สู้แดดได้ดี
- การออกแบบตัวเครื่องดูดีมาก
- ระบบสแกนลายนิ้วมือใช้งานง่ายขึ้น
- มีการปรับ UI ใหม่แลดูสะอาดสะอ้าน
ชมพู่มาเป็นพรีเซนเตอร์ คนอะไรสวยแล้วยังน่ารัก
ข้อเสีย
- เครื่องร้อน
- เครื่องค้างและแอพ Force Close บ่อย
- ไม่กันน้ำซะแล้ว
- ประโยชน์จากขอบจอโค้งยังน้อยนิดนัก
- แบตลดลงจากรุ่นก่อนๆ
สรุป
นวัตกรรมความเท่แบบใหม่จาก SAMSUNG กับขอบจอโค้งที่ไม่ค่อยจะใช้ประโยชน์ได้เท่าไหร่นัก (ในอนาคตไม่แน่ อาจจะมีฟีเจอร์ใหม่ๆเพิ่มมา) แต่ความเร็วและความแรงนั้นไม่เป็นรองใครเลย พัฒนาจาก GALAXY S5 มาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะตัวสแกนลายนิ้วมืออันใหม่ เพิ่มความสะดวกสะบายให้ผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี แต่กลับลดแบตลงและเพิ่มเมมกับเปลี่ยนแบตไม่ได้แล้ว แต่ไม่เป็นไร ได้วัสดุใหม่เป็นกระจกกับอลูมิเนียมสวยงาม กล้องไม่น่าจะต้องปูดนูนออกมาเลย ส่วนการใช้งานและรูปที่ถ่ายจากกล้องบอกได้เลยว่ายอดเยี่ยม ส่วนเรื่องความร้อนกับปัญหาทางด้าน Software ที่ยังมีอยู่คงต้องรออัพเดทกันต่อไป สำหรับคนที่อยากเท่และตังถึง GALAXY S6 Edge 32GB สนราคาอยู่ที่ 27,900 บาท และ 64GB สนราคาที่ 30,900 บาท…เท่านั้นเอง