โรงหนังเดี๋ยวนี้ชักจะราคาแพงระเบิดขึ้นทุกวัน ยังไม่นับรวมอาหารหน้าโรงที่แพงหูฉีก (จริง ๆ เขาก็ไม่ได้บังคับหรอก แต่ถ้าดูหนังแล้วไม่ได้ดื่มโค้กกินป๊อปคอร์น มันอึดอัดไม่ต่างจากการออกจากห้องซาวน่าแล้วไม่ได้ดื่มอะไรเย็น ๆ เลย) ทุกวันนี้เชื่อว่าทุกบ้านก็คงมี WiFi และสมาร์ทโฟนต่อ 3G ได้กันอยู่แล้ว ทำไมเราไม่ใช้มันให้เกิดประโยชน์ล่ะ ดูหนังลิขสิทธิ์ผ่าน App ก็ได้นะรู้ยัง?
สำหรับเรื่องการดูหนังผ่าน App นี่ทางต่างประเทศค่อนข้างเป็นที่นิยมมาก คือคุณไม่จำเป็นต้อง Geek ก็สามารถดูได้ เหมือนกับการที่คนแก่บ้านเราพิมพ์ LINE หาลูกหลานเนี่ยแหล่ะ เป็นเรื่องที่ปกติธรรมดามาก ๆ สำหรับการจ่ายเงินและก็เช่าหนังมาดู (ไม่ว่าจะซื้อเป็นเรื่องหรือเหมารายเดือนก็ตามแต่) ซึ่งตอนนี้ผู้ให้บริการในบ้านเราก็มีหลายเจ้าด้วยกัน และแต่จะเจ้าก็มีจุดขาย (และราคา) ที่ค่อนข้างแตกต่างกัน
Primetime
ระบบ Movies & TV Series แบบ On Demand ใหม่ล่าสุดเช่นเดียวกับที่นิยมในต่างประเทศ พึ่งเปิดตัวในไทยไปเมื่อไม่นานนี้ พร้อมกับเทคโนโลยีและระบบหลายอย่างที่ล้ำสมัย เช่น การปรับความละเอียดอัตโนมัติตามความเร็วเน็ต ระบบเสียงในแบบ DTS รายแรกของโลก ส่วนความเร็วอินเตอร์เน็ตที่แนะนำคือ 3 Mbps ราคาแบ่งตามความต้องการของผู้ใช้ตั้งแต่ 199-399 บาทต่อเดือน จำนวนหนังที่มีในตอนนี้ 1,000 เรื่อง และซีรีส์อีกกว่า 2,000 ตอน (หนังใหม่จะมาหลังจากออกโรงเร็วสุด 3 เดือนเท่านั้น)
สำหรับการดูหนังผ่าน Primetime สามารถดูได้ทั้ง Web, iOS, Android, ZIPtv, Chrome cast ส่วนบน TV ก็มีเป็น App บน LG Smart TV ในเร็ว ๆ นี้ นอกจากนี้ยังรองรับการต่อผ่าน HDMI, AirPlay โดยหนังความละเอียดใช้เทคโนโลยีการบีบอัดขั้นสูง ทำให้ได้ความละเอียดมากในขณะที่ใช้ Data ค่อนข้างน้อย (เร็วนี้จะเปิดตัวความละเอียดแบบ 4K ด้วย)
Hollywood HDTV
ดูหนังออนไลน์เน้นไปที่ราคาเพียง 199 บาทต่อเดือน มีหนังให้ดูประมาณเดือนละ 300 เรื่อง (อัพเดทประมาณเดือนละ 30-50 เรื่อง) ความเร็วอินเตอร์เน็ตที่แนะนำคือ 2 Mbps และหนัง HD เรื่องหนึ่งใช้ Data ประมาณ 1.9 GB และประมาณ 600 MB สำหรับความละเอียดต่ำสุด โดยหนังจะเน้นไปที่หนังเก่าดี ๆ ปนหนังใหม่ที่พึ่งออกโรงไปซักปีครึ่งปี ยังไม่ค่อยมีหนังใหม่มากมาให้เลือกชมมากเท่าไหร่ การลงทะเบียนทำได้ทั้งหมด 3 เครื่อง (แต่ดูได้ทีละเครื่อง) หากใครชอบราคาที่ถูกไม่เน้นหนังใหม่เท่าไหร่ ก็เป็นทางเลือกหนึ่งครับ
การดูหนังผ่าน Hollywood HDTV สามารถดูได้ทั้ง Web, iOS, Android แต่ถ้าหากอยากต่อออก TV จำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์และลากสาย HDMI เอาอย่างเดียว และสามารถต่อผ่าน Airplay + Apple TV ได้ในกรณีใช้ iOS ส่วนถ้าใครใช้ Android หรือต้องการต่อแบบไร้สายอันนี้ไม่รองรับครับ
Doonung
ราคาสุดถูกกว่าใครเพื่อเพียงเดือนละ 129 บาท (ถูกกว่าตั๋วหนัง 1 ที่นั่งอีก) โปรโมทว่าตัวเองมีหนังกว่า 10,000 ชั่วโมงให้ดู (ดูเหมือนจะเยอะ) มีการอัพเดทหนังใหม่ 194 เรื่อง/ตอน ต่อสัปดาห์ ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะหนักไปที่ซีรี่ย์และพวกหนังชุดก็ตาม เจาะกลุ่มไปที่คนรักซีรี่ย์เกาหลี/ญี่ปุ่น/จีน มีการ์ตูนสำหรับเด็กให้ดูบ้าง (รายการเพลงและสารคดีก็ยังมี) ส่วนหนังโรงไม่ค่อยเน้นเท่าไหร่ และที่มีอยู่มีให้เลือกสองอย่างคือ “เก่า” กับ “เก่ามาก” (ฮา) ข้อดีก็คือหากอยากดูแค่วันเดียวก็ยังซื้อได้แค่ 4 บาท ความเร็วอินเตอร์เน็ตที่แนะนำคือ 3 Mbps
การดูหนังผ่าน Doonung สามารถดูได้ทั้ง Web, iOS, Android ส่วนบน TV ก็มีเป็น App บน Smart TV ของ LG, Panasonic และ Samsung ในบางรุ่นที่รองรับ (ความเห็นส่วนตัวเหมือน App เขาจะค่อนข้างมีปัญหา ใครสนใจแนะนำให้ลองซื้อเป็นวันมาใช้ดูก่อนครับ) เทคโนโลยีในการสตรีมมิ่งค่อนข้างเก่ามาก ส่วนการเชื่อมต่อ TV (หากทีวีไม่มี App รองรับ) สามารถผ่านสาย HDMI หรือ AirPlay
AIS Movie Store
เป็นบริษัทและชื่อที่ดูคุ้นหูเป็นที่สุด เพราะเป็นชื่อ AIS ตรงตัวเลยที่ดูเหมือนน่าจะดี (แต่ดูเหมือนคนรองรับระบบจะเป็น DooneeTV) หนังมีค่อนข้างน้อยตามที่โปรโมทไว้คือ 2,000 ตอน (สังเกตว่าใช้คำว่า “ตอน” แทน “เรื่อง”) เน้นไปที่หนังไทยค่อนข้างมาก (GTH) และมีซีรีย์ดังอย่างฮอร์โมนให้ติดตาม สามารถดาวน์โหลดเก็บลงเครื่องเพื่อดูแบบ Offline ได้ โดยมากเป็นหนังเก่าและหนังชุด ราคาเดือนละ 159 บาท (สำหรับลูกค้า AIS)
สำหรับการดูหนังผ่าน AIS Movie Store สามารถดูได้เพียงแค่ iOS, Android ไม่รองรับบน Web และในส่วนของ Smart TV
สุดท้าย
สำหรับ App อื่นคงไม่ต้องมีอะไรให้พูดถึงกันมาก เพราะค่อนข้างเก่าและเปิดตัวมานานแล้ว แต่ของใหม่สด ๆ ตอนนี้ก็คือ Primetime ที่ค่อนข้างน่าสนใจเพราะเน้นไปที่คุณภาพของเทคโนโลยีการสตรีมมิ่งอย่างแท้จริง ส่วนหนังก็ค่อนข้างใหม่มากอย่าง Big Hero 6 ก็มีให้ดูแล้ว ถ้ายังไงโอกาสหน้าหากพอได้ลองใช้ซักพักเดี๋ยวจะมารีวิวให้ชมกันครับ แต่ถ้าใครใจร้อนอยากลองด้วยตัวเองก่อน ก็สามารถไปดูรายละเอียดได้ที่ https://www.goprimetime.tv/