สำหรับรุ่น Vivo Y20s G บางคนสงสัยว่ารหัส ‘G’ ตัวที่ต่อท้ายคืออะไร ความจริงเป็นรุ่นพิเศษที่ทางวีโว่ ได้ทำการอัปเกรดชิปเซ็ต MediaTek Helio G80 สำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ และมีการวางจำหน่ายแบบพิเศษ (ORG Exclusive) เฉพาะช่องทาง BaNANA, Jaymart, TG FONE, CSC, IT City, Big C, Maxling, STAMP, Boonchai, และแม่วังสื่อสารทุกสาขาทั่วประเทศ เผื่อใครสนใจไปตามหาซื้อกันนะครับ

Vivo Y20s G

ในส่วนของราคาเปิดตัว Vivo Y20s G ลดเหลือเพียง 5,999 บาท (Vivo Y20s ราคาเปิดตัว 6,599 บาท) เพื่อให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น รวมถึงมีการอัปเกรดชิปเซ็ตเป็น MediaTek Helio G80 ซึ่งเหมาะกับการเล่นเกมมีเครื่องมือ Multi-Turbo เพื่อรีดประสิทธิภาพการใช้งาน รวมถึงการสแกนลายนิ้วมือลดเหลือเพียงแค่ 0.17 วินาที และถึงแม้จะ RAM 6 GB (LPDDR4X) แต่ใช้งานจริงลื่นมาก

Vivo Y20s G กับ Vivo Y20s ต่างกันอย่างไร ?

ไม่แปลกที่รุ่น Vivo Y20s G จะถูกนำไปเปรียบเทียบกับ Vivo Y20s สาเหตุก็เพราะเป็นแบรนด์เดียวกัน ต่างกันเพียงแค่รหัสตัวท้าย และที่สำคัญก็คือ Vivo Y20s G จะมีวางจำหน่ายเฉพาะหน้าบางหน้าร้าน (ORG Exclusive) ซึ่งมีราคาเปิดตัวที่ถูกกว่าเล็กน้อย ส่วนภายนอกและสเปกรวมถึงกล้องนั้นเหมือนกันแทบทุกประการ ต่างเพียงแค่เรื่องของชิปเซ็ตที่เป็น MediaTek Helio G80 (Vivo Y20s G) และ Qualcomm Snapdragon 460 (Vivo Y20s) คนละค่ายนั่นเอง

  • MediaTek Helio G80 วัดประสิทธิภาพด้วย AnTuTu 8 อยู่ที่ 198,169 คะแนน
  • Qualcomm Snapdragon 460 วัดประสิทธิภาพด้วย AnTuTu 8 อยู่ที่ 146,243 คะแนน

ทั้งสองบริษัทผลิตชิปเซ็ตเหมือนกัน (คู่แข่งกัน) และชิปสองตัวนี้ก็อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน หากในแง่ของเทคโนโลยี Qualcomm ดูเหมือนจะเหนือกว่ามาก แต่ทั้งนี้ด้วยความเป็นมวยรอง MediaTek ก็สู้ด้วยราคาทึ่ประหยัดกว่า (เครื่องเลยถูกกว่า) หากเปรียบเทียบประสิทธิภาพ MediaTek Helio G80 เหนือกว่า 36% และจะเห็นผลชัดเจนมากขึ้นในด้านกราฟิก โดยทางวีโว่บอกว่ามีประสิทธิภาพของ GPU ดีขึ้นประมาณ 98% เรียกได้ว่าเอาไปเล่นเกมได้ดีกว่าแทบจะเท่าตัวเลยทีเดียว

สรุปก็คือการใช้งานทั่วไปทั้งสองก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก ในเรื่องสถาปัตยกรรมหน่วยประมวลผล Vivo Y20s ดูดีมีภาษีกว่าเยอะ และมีการให้ RAM 8 GB จึงเหมาะกับการใช้งานทั่วไปมากกว่า แต่หากพูดถึงเรื่องเกมอย่างเดียว Vivo Y20s G เหนือกว่าเยอะมาก บวกกับราคาที่ถูกกว่าจึงเป็นทางเลือกคุ้มค่า และแน่นอนว่าของแถมวีโว่ได้จัดเต็มกับของแถมเหมือนทุกครั้ง มีฟิล์มกันรอยติดมาจากโรงงาน, อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 18W, สายชาร์จ Micro USB, เคสซิลิโคนมาให้ครบจบเลย!

สเปกและคุณสมบัติ

  • ระบบปฏิบัติการ Android 11 (ครอบทับด้วย Funtouch OS 11)
  • หน้าจอ IPS ขนาด 6.51″ HD+ (ความละเอียด 720 x 1600 พิกเซล)
  • หน่วยประมวลผล Mediatek Helio G80
  • แรม 6 GB
  • รอม 128 GB (รองรับ microSD)
  • กล้องหลังแบบ 3 เลนส์ พร้อมไฟแฟลช LED
    • กล้องหลัก 13 MP (F/2.2)
    • กล้องโบเก้ 2 MP (F/2.4)
    • กล้องมาโคร 2 MP (F/2.4)
  • กล้องหน้า 8 MP (F/1.8)
  • รองรับสองซิม (ไม่แชร์ร่วมกับ microSD)
  • ระบบสแกนลายนิ้วมือด้านข้างหน้าจอ
  • แบตเตอรี่ 5,000 mAh (รองรับชาร์จเร็ว 18W FlashCharge)
  • ขนาด 164.4 × 76.3 × 8.4 มม.
  • น้ำหนัก 192 กรัม

ความขัดใจมีอยู่เล็กน้อยตรงที่ปี 2564 ส่วนตัวคิดว่าพอร์ตชาร์จควรเป็น USB-C แต่เครื่องนี้เป็น Micro USB ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะโมเดลเครื่อง ที่ใช้ตัวเดียวกับ Vivo Y20s ก็เป็นได้ แต่เรื่องนี้ก็ว่ากันไม่ได้เพราะหลายคนก็ชอบ Micro USB เพราะใช้ร่วมกับอุปกรณ์เก่าได้เยอะ แต่ถึงอย่างไรก็ตามมันก็รองรับชาร์จเร็ว 18W FlashCharge เอาเป็นว่าก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปแล้วครับ

ตัวเครื่องและการออกแบบ

หน้าจอแสดงผล Halo FullView Display ขนาด 6.51″ ขนาดใหญ่ที่สุดในตลาด เมื่อเทียบในช่วงราคาเดียวกัน อันนี้เป็นเอกลักษณ์ของวีโว่เลยก็ว่าได้กับสไตล์แบบนี้ ส่วนความคมชัดเป็น HD+ สมกับราคาและสเปกของเครื่อง เพราะถ้าจอละเอียดมากเกินไปจะกินทรัพยากรเครื่องมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี In-cell ทำให้จอแสดงผลมีสีสัน ความคมชัดรายละเอียดชัดเจนยิ่งขึ้น และมีระบบกรองแสงสีฟ้า

ตัวเครื่องมีความแบนพอสมควร จะมีก็เพียงขอบด้านข้างที่โค้งแบบ 2.5D อยู่เพียงเล็กน้อย ฝาหลังวัสดุเป็นพลาสติกทำให้เกิดรอยนิ้วมือง่าย แต่ด้วยความที่สีเป็นแบบด้านทำให้เกิดความ “แปลกใหม่” ไม่ซ้ำกับเครื่องอื่นในตลาดที่นิยมทำแบบเงาไล่แสง ส่วนสีมีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ประกอบไปด้วย Purist Blue และ Obsidian Black (ตัวที่รีวิว) ทั้งสองให้อารมณ์เรียบหรูดูดี ใช้งานแล้วสวยข้ามกาลเวลา

ตัวเครื่องถือว่าใหญ่พอสมควรเอาใจคนชอบหน้าจอใหญ่ สามารถดูหนังและเล่นเกมได้อย่างเต็มอารมณ์ แต่ด้วยความที่ขอบหน้าจอไม่หนา บวกกับน้ำหนักเครื่องที่เบามาก เลยทำให้ตัวเครื่องยังสามารถถือใช้งานได้ด้วยมือเดียว แต่หากใครใช้แล้วรู้สึกว่าไม่มั่นใจ ใส่แล้วไม่กระชับมือก็สามารถถือร่วมกับเคสซิลิโคนที่แถมมาให้ได้ ส่วนระบบสแกนลายนิ้วมืออยู่บริเวณด้านข้างหน้าจอ สแกนใช้งานง่ายกว่าด้านหลัง

เห็นตัวเครื่องบางเบาแบบนี้อย่าคิดว่าแบตเตอรี่น้อยนะครับ เพราะทางวีโว่ใส่มาให้แบบจัดเต็ม 5,000 mAh มาพร้อมกับเทคโนโลยี FlashCharge 18W สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 70% ภายใน 69 นาที สามารถชมภาพยนต์ได้นาน 20 ชั่วโมง หรือเล่นเกมได้ต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง ทั้งนี้ยังมาพร้อมกับ Reverse Charging ช่วยในการชาร์จแบตเตอรี่ย้อนกลับ ให้กับอุปกรณ์อื่นยามฉุกเฉินได้อีกด้วย

กล้องและการถ่ายภาพ

กล้องหน้าและกล้องหลังเป็นตัวเดียวกับ Vivo Y20s และเพื่อความชัดเจนเราจะอธิบายให้รอบหนึ่ง โดยรูปแบบของกล้องหลังเป็น Triple Camera ประกอบไปด้วยเลนส์หลัก, เลนส์โบเก้ (ละลายหลัง), และเลนส์สำหรับมาโคร ส่วนกล้องหน้ามาพร้อมกับความละเอียด 8 MP (F/1.8) ช่วยให้ภาพสว่างมากยิ่งขึ้น มีโหมดการใช้งานที่หลากหลาย โดยโหมดที่เด่นสุดของวีโว่ก็คือ Face Beauty นั่นเอง

ส่วนตัวแอบเสียดายเล็กน้อยที่ไม่มีกล้องมุมกว้างมาให้ แต่ด้วยราคาประหยัดของสมาร์ตโฟนก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ ส่วนกล้องหลักทำหน้าที่ได้เกินราคามาก มีเลนส์โบเก้ที่ช่วยละลายหลังให้เนียนมากยิ่งขึ้น ส่วนเลนส์มาโครเอาไว้ถ่ายรูปเล่นสร้างความแปลกใหม่ โฟกัสถ่ายดอกไม้หรือวัตถุระยะใกล้ได้ดี เพียงแต่ว่าต้องอาศัยแสงจากธรรมชาติเยอะหน่อย เนื่องจากรูรับแสงที่ให้มาค่อนข้างที่จะแคบ

กล้องหลัง

ภาพที่ได้จากกล้องหลัง 13 MP ตอนแรกคิดว่าจะไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่ถ่ายออกมาได้ดีกว่าที่คิดไว้เยอะมาก หากเพียงแต่ต้องช่วยจัดแสงและองค์ประกอบที่ดีช่วย ส่วนคนถ่ายภาพไม่เก่งก็ไม่ต้องห่วงเพราะมี AI ที่คอยช่วยปรับแต่งภาพที่เหมาะสมให้ เลนส์โบเก้ช่วยในการถ่ายภาพละลายหลังได้ดี สามารถแยกคนออกจากฉากหลังได้ชัดเจนมากขึ้น ช่วยให้การถ่ายรูปของเราดูมืออาชีพมากยิ่งขึ้นไปอีกนิด

กล้องหน้า

ภาพที่ได้จากกล้องหน้า 8 MP ถ่ายง่ายแม้สภาวะแสงน้อย เพราะรูรับแสงกว้าง (F/1.8) คุณภาพออกมาค่อนข้างดีเลยทีเดียว ส่วนหนึ่งต้องขอขอบคุณระบบ AI ในการช่วยปรับแต่งภาพ และโหมด Beauty ที่ช่วยปรับสภาพผิวให้เนียนกับใบหน้าที่สว่าง และหากสังเกตจากภาพด้านบนอาจสงสัยว่าทำไมมันละลายหลังดีจัง ถึงแม้ว่ากล้องหน้าจะมีแค่เลนส์เดียวแต่เพราะ AI ช่วยในการแยกพื้นหลังให้นั่นเอง

นอกจากนี้ก็มีเลนส์มาโครให้ถ่ายรูปเล่นครับ โดยสามารถจ่อใกล้วัตถุได้ถึง 4 ซม. เอาไว้เก็บรายละเอียดวัตถุอะไรที่เล็กมาก เช่น ดอกไม้, แมลง, พระเครื่อง, ฯลฯ ตัวเลนส์นี้รีวิวอย่างไม่อวยว่ายังไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่ ส่วนตัวประทับใจไปที่เลนส์กล้องหลักมากกว่า แต่มีไว้ก็ถือว่าเป็นของแถมเล็กน้อยครับ เอาไว้สำหรับเวลาอยากถ่ายรูปสนุก ๆ สร้างความแปลกใหม่ให้กับการถ่ายภาพของเรา

ไม่ใช่แค่ประสิทธิภาพของกล้อง แต่ในเรื่องของ Software ทางวีโว่เองก็ไม่ได้หวง จัดเต็มมาให้ตั้งแต่ Face Beauty, Portrait Light Effects, Selfie Filters และ Filters อีกมากมายสารพัดแบบ ภาพที่ได้แม้จะเป็นเครื่องราคาไม่เกินหกพันบาท แต่ให้กล้องที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับรุ่นหลักหมื่น สามารถจบภาพถ่ายได้จากหลังกล้องเอง ไม่ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นมาแต่งภาพให้เหนื่อย

แต่หากถ่ายภาพออกมาแล้วยังไม่พอใจ ยังมีลูกเล่นเพิ่มเติมให้จาก Funtouch OS 11 สามารถแก้ไขรูปภาพได้ด้วย AI Editor ช่วยให้คุณสร้างวิดีโอด้วย AI ที่ระบุตัวละคร และสร้างไฮไลต์ในวิดีโออย่างชาญฉลาด เหมาะกับมือใหม่หัด Vlog ได้ภายในคลิกเดียว และภาพทั้งหมดสามารถสร้าง Memories ด้วยอัลกอริทึมอัจฉริยะ แบ่งประเภทตามสถานที่ เวลา และเหตุการณ์ต่าง ๆ ในทุกช่วงเวลาสำคัญ

การใช้งาน Beauty Mode ทำบนภาพภาพถ่ายถือว่าเป็นเรื่องปกติ และทางวีโว่ทำออกมาได้ดีเสมอมา สามารถปรับแต่งใบหน้าให้สวยเนียนได้แบบบ “ไม่ลอย” และตรงนี้ทุกคนก็ทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าสามารถปรับได้ทั้งใบหน้า, ดวงตา, คาง, สีผิว, ฯลฯ ความเจ๋งกว่านั้นคือ Beauty Mode อันเดียวกันนี้สามารถใช้งานกับวิดีโอได้ด้วย สำหรับคนที่ทำ Vlog หรือชอบเล่น Instagram, Facebook Story, TikTok ช่วยได้เยอะ

หน้าจอและความบันเทิง

ดูซีรีย์และภาพยนตร์กันแบบยาว ๆ นานถึง 20 ชั่วโมง บนหน้าจอจอแสดงผล Halo FullView Display ขนาด 6.51″ ใหญ่สะใจแบบเต็มตา นอกจากนี้ยังมาพร้อมด้วยโหมดปกป้องสายตา (กรองแสงสีฟ้า) สัดส่วนหน้าจอ 20:9 มอบมุมมองที่กว้างมากยิ่งขึ้น และด้วยเทคโนโลยี In-cell ทำให้จอแสดงผลมีสีสัน ความคมชัด และรายละเอียดชัดเจนยิ่งขึ้น ใครอยากได้จอใหญ่เอาไปดูหนังอันนี้เหมาะเลยสะใจมาก

เล่นเกมอย่างไม่มีสะดุดเพราะอัปเกรด GPU ให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมถึง 98% มีโหมดใช้งาน Multi-Turbo 3.0 และ AI Turbo ที่ทำงานได้อย่างชาญฉลาด เรียกใช้งานแอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็ว พร้อมด้วย Ultra Game Mode ให้คุณเล่นเกมได้อย่างเต็มเหนี่ยว ปรับแต่งเอฟเฟกต์เสียงและเสียงเซอร์ราวด์แบบสเตอริโอ 3 มิติในเกม พร้อมเครื่องมืออำนวยความสะดวกสำหรับเกมโดยเฉพาะ

บทสรุปโดยรวมเราค่อนข้างประทับใจมาก กับเครื่องราคาไม่ถึงหกพันบาท แต่เล่นเกมออกมาได้ลื่นปรับสุดได้เกือบทุกเกม (จะมีแค่บางเกมที่อลังการมากปรับสุดแล้วมีกระตุกเล็กน้อย) แต่หากคุณเล่นเกมทั่วไปก็ไม่ต้องกังวลเลย ส่วนตัวผู้เขียนเล่น RoV ประสิทธิภาพตัวเครื่องจากสเปกและระบบปฎิบัติการ ทำออกมาได้สมบูรณ์มาก จะเรียกว่าเป็นสมาร์ตโฟนเล่นเกมสำหรับคนงบน้อยเลยก็ว่าได้

ข้อดี

  1. ชิปเซ็ตกราฟิกเร็วขึ้น 98%
  2. สแกนลายนิ้วมือด้านข้าง 0.17 วินาที
  3. แบตเตอรี่อึด 5,000 mAh
  4. รองรับชาร์จเร็ว 18W FlashCharge

ข้อเสีย

  1. มีจำหน่ายเฉพาะช่องทางหน้าร้าน (ORG Exclusive)
  2. พอร์ตชาร์จยังเป็นแบบเก่า Micro USB
  3. ไม่มีหูฟัง 3.5 มม. แถมมาให้ในกล่อง

สรุป

สมาร์ตโฟนราคาประหยัด Vivo Y20s G ในราคาไม่ถึงหกพันบาท (มีทอนบาทนึง) ตอบโจทย์คนมีงบจำกัด อาจเป็นนักเรียนหรือคนที่ไม่ต้องการใช้งานอะไรเยอะมาก แต่อยากได้เครื่องที่เล่นเกมดีหน่อย ใช้ดูหนังได้จอใหญ่ และมีแบตเตอรี่ได้อึด ซึ่งในส่วนของชิปเซ็ต MediaTek Helio G80 ก็ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมตามงบนั่นเอง นอกจากนี้ยังได้ชาร์จเร็ว 18W อีกต่างหาก

หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial

REVIEW OVERVIEW
การออกแบบ
ใช้งานจริง
ความคุ้มค่า
คุณภาพวัสดุ
บริการหลังการขาย
Previous articleXiaomi เดินหน้าขยายไลน์อัพสมาร์ทโฟนตระกูล Mi 11 Series ในงานเปิดตัวระดับโลก
Next article5 เหตุผลที่ควรเป็นเจ้าของ Vivo Y72 5G
review-vivo-y20s-gหากคุณต้องการสมาร์ตโฟนเล่นเกม ในราคาประมาณหกพันบาท วีโว่ให้ครบถ้วนตั้งแต่สเปก หน้าจอ และแบตเตอรี่ แถมยังได้ชาร์จไวไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มอีก (ยกเว้นหูฟัง) จะมีข้อจำกัดเล็กน้อยเพียงแค่ช่องทางจำหน่าย ซึ่งทางวีโว่ต้องการมอบความพิเศษให้จริง ๆ ส่วนราคาก็มีการปรับลงอีกเล็กน้อยให้ซื้อได้ง่ายขึ้น