ครั้งนี้ vivo X60 Pro 5G ได้จับมือกับ ZEISS เป็นครั้งแรกเพื่อพัฒนาเลนส์ร่วมกัน จนออกมาเป็นกล้องหลัง 48 MP ที่มีระบบกันสั่น Gimbal Stabilization 2.0 และ Extreme Night Vision 2.0 ให้ภาพที่ถ่ายออกมาได้นิ่งทั้งภาพกลางคืนและวิดีโอ นอกจากนี้ยังมีโทนและสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ตามสไตล์ของ ZEISS

vivo X60 Pro

ก่อนหน้านี้เราได้ทำการแกะกล่อง พรีวิว vivo X60 Pro ไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นในรีวิวนี้เราก็จะข้ามในเรื่องแกะกล่องไป (ใครอยากดูลองย้อนกลับไป) ส่วนราคาอยู่ที่ 24,999 บาท ก็ถือว่าเป็นราคาระดับเรือธงของวีโว่ ซึ่งสเปกนี้จะได้เป็น RAM 12 GB, ROM 256 GB พร้อมกับ Co-engineered with ZEISS

จุดเด่นสำคัญเรื่องเลนส์

  1. Extreme Night Vision 2.0 ช่วยให้ถ่ายกลางคืนได้ดีกว่าที่เคย
  2. Ultra-Wide Night Mode ถ่ายกลางคืนในมุมกว้าง
  3. Panorama Night ถ่ายกลางคืนด้วยการนำภาพมาต่อกันรอบตัว
  4. Gimbal Stabilization 2.0 ระบบกันสั่นที่ตัวเลนส์แบบกิมบอล
  5. 50mm Portrait Camera ถ่ายภาพบุคคลในระยะ 50 มม.
  6. ZEISS Optics การพัฒนาเลนส์ร่วมกับ ZEISS ให้โทนที่เป็นเอกลักษณ
  7. HDR Super Night Portrait ถ่ายภาพบุคคลแบบ HDR ตอนกลางคืน
  8. Kids Snapshot การถ่ายภาพเด็กโดยเฉพาะ
  9. Pro Sport Mode การถ่ายภาพกีฬาด้วยอัลกอริทึ่มพิเศษ โฟกัสแม่นยำ

ก่อนจะไปไกลกว่านั้นเรามาพูดถึงเรื่องสเปกกันก่อน vivo X60 Pro 5G ไม่ได้มีดีเพียงแค่เลนส์อย่างเดียว แต่ยังออกแบบได้หรูหราสมราคา ด้วยการวางเลนส์แบบ New Dual-Tone Step และมีการใช้สี Shimmer Blue ส่วนด้านบนมี Choker ที่ให้ความรู้สึกหรูหราในความประณีต ถือแล้วรู้สึกได้ถึงความใส่ใจออกแบบ

หน้าจอมาพร้อมขนาด 6.56″ ขอบจอโค้ง 3D Flexible ส่วนกล้องหน้าเป็น Punch Hole ขนาดเพียง 3.96 มม. (Ultra O Screen) บนกรอบหน้าจอบางพิเศษ Ultra-narrow Bezels และให้น้ำหนักตัวเครื่องเพียงแค่ 179 กรัม มีสัมผัสมุมโค้งที่เต็มไปด้วยความงดงาม ถือแล้วดูหรูหราแตกต่างจากสมาร์ตโฟนทั่วไป

การใช้งานจะมีความเป็นแฟชั่นอยู่นิดหน่อย ด้วยหน้าตาของตัวเครื่องที่ดูหรูหรา มีเส้นนำสายตาและมุมโค้งที่ประณีต ฝาหลังด้านหลังเป็นแบบด้านจับแล้วให้ความ “แตกต่าง” ส่วนขนาดก็ไม่ได้หนาเทอะทะอะไรเกินพกพา ส่วนตัวคิดว่าอยู่ในขนาดที่กำลังพอดีต่อการใช้งาน น้ำหนักเครื่องต่ำทำให้สามารถใช้งานได้โดยไม่เมื่อยมือ

เร็วทั้งเครื่องและเครือข่าย

ตัวเครื่องรองรับ 5G ตามสมัยนิยม (ทำให้ราคาสูงนิดหน่อย) ส่วนหน่วยประมวลผลเป็น Snapdragon 870 ก็เพียงพอเหลือเฟือสำหรับการใช้งาน นอกจากนี้ยังมี RAM 12 GB แต่ถ้ายังไม่พอระบบปฎิบัติการอนุญาตให้ยืม ROM มาใช้ 3 GB (แต่คงไม่ได้ใช้หรอกเพราะ RAM เหลือเฟือมาก) ความจุ ROM 256 GB

ตัวเครื่องรองรับ 5G มาจากโรงงาน ไม่ต้องรออัปเดตให้เสียเวลา สามารถใช้งาน Nano SIM ได้ทั้งสองช่อง หน่วยความจำเป็นแบบ UFS 3.1 เทียบชั้นกับเรือธงในตลาดทุกประการ แต่ถ้าหากเปิดใช้งาน 5G พร้อมกับหน้าจอ Refresh Rate สูงสุดที่ 120Hz จะค่อนข้างกินแบตเตอรี่ไปสักหน่อย (แนะนำให้ระบบจัดการให้)

ร่วมมือพัฒนากับ ZEISS

ครั้งแรกในการร่วมมือกับ ZEISS และนี่คือจุดเด่นที่สุดของรุ่นนี้! หากใครจำได้ vivo x50 Pro 5G ปีที่แล้ว ได้สร้างความฮือฮาเพราะเป็นกล้องกันสั่น Gimbal รุ่นแรกของโลก ส่วนปีนี้มีการพัฒนาไปอีกขั้นเพราะ vivo X60 Pro 5G นอกจากจะพัฒนา Gimbal ให้ดีมากขึ้นกว่าเดิม ยังได้จับมือพัฒนาเลนส์ร่วมกับ ZEISS อีกด้วย

ZEISS คือตำนานแห่งเลนส์

หากถามคนเป็นช่างภาพจะไม่มีใครไม่รู้จัก ZEISS ด้วยประสบการณ์มากกว่า 175 ปี มีชื่อเสียงจาก ZEISS Look และ Biotar Bokeh ในตำนานพร้อมเอฟเฟกต์โบเก้หมุนวนอันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยราคาของเลนส์ที่ค่อนข้างแพง ดังนั้นการที่วีโว่จับเอามาลงสมาร์ตโฟนได้ ย่อมเป็นบทพิสูจน์ที่บอกได้ว่าสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ไม่ธรรมดา

ก่อนที่จะเปิดตัววีโว่ก็ได้ทำการส่ง vivo X60 Pro ให้ช่างภาพมืออาชีพทั่วโลกหลายคนได้ทดสอบ (ด้านบนคือภาพจากมืออาชีพ) ผลก็คือได้รับผลตอบรับที่ดีในเรื่องของเลนส์ แต่อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจคิดว่า “มืออาชีพถ่ายมันก็ต้องสวยสิ!” ซึ่งในรีวิวนี้ก็จะมีตัวอย่างภาพถ่ายจากผู้เขียน ที่ไม่ได้เป็นช่างภาพมาให้ดูด้วยเช่นกัน

กิมบอลในตัวไม่กลัวสั่น

สำหรับสายวิดีโอยังไงถ่ายด้วยสมาร์ตโฟนก็ต้องมีกิมบอล (ไม้กันสั่น) แต่สำหรับ vivo X60 Pro มีมาให้ในตัวเครื่องเลย เป็นรุ่นพัฒนาอีกขั้นด้วย Gimbal Stabilization 2.0 ป้องกันภาพสั่นแบบ 4 แกน ถือวิดีโอถ่ายเดินไปได้แบบไม่ต้องกลัวสั่น อีกทั้งยังมีประโยชน์เวลาถ่ายกลางคือแล้วภาพไม่สั่นไหวอีกด้วย

การถ่ายวิดีโอเรื่องกันสั่นคงไม่ต้องอธิบายเพิ่มมากมาย แต่ที่ผู้เขียนรีวิวชอบก็คือโหมด Cinematic Master ช่วยให้สามารถถ่ายวิดีโอในแบบภาพยนตร์ ด้วยอัตราส่วนกว้างยาว 2.35:1 (เหมือนกับดูหนัง) ภายในมีไมโครโฟนถึง 3 ตัว ช่วยให้ได้ยินเสียงผู้พูดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ใครที่ชอบถ่าย Vlog หรือ YouTube จะรักเลย

ดูหนังก็ดีเล่นเกมก็เยี่ยม

Snapdragon 870 + RAM 12 GB (เพิ่มได้อีก 3 GB) + UFS 3.1 สเปกเกินพอสำหรับทุกเกม ส่วนหน้าจอ LTM Display พัฒนาโดยวีโว่ร่วมกับ Qualcomm อัตราตอบสนอง 120Hz รองรับ HDR10+ ผ่านมาตรฐาน SGS Eye Care Display และ SGS Seamless ดูแล้วสบายตามากกว่าเดิม

ถ่ายสนุกลูกเล่นเยอะมากกกก

เชื่อไหมว่าหากให้พูดถึงฟีเจอร์และลูกเล่นกล้องในรีวิวนี้ เขียนเท่าไหร่ก็เขียนไม่หมดเพราะมันมีเยอะมากมาย ดังนั้นรีวิวนี้ก็จะเขียนไว้เพียงแค่ฟีเจอร์หลักก็แล้วกัน (ส่วนฟีเจอร์รองต้องไปเล่นกันเอง) ถึงจะเป็นกล้องมืออาชีพแต่ใช้งานไม่ยากอย่างที่คิด ฟีเจอร์ทั้งหมดมีคำอธิบายพร้อมเทคนิคการถ่ายไว้ให้หมด ทำให้ถ่ายภาพได้ง่าย

Extreme Night Vision 2.0

การถ่ายภาพกลางคืนมักจะเป็นของแสลงของกล้องสมาร์ทโฟน เนื่องจากทั้งภาพมันจะมืดไปหมด หากต้องการดันให้สว่างก็จะเกิด Noise หรือภาพเป็นวุ้นนั่นเอง ด้วยความฉลาดของ Extreme Night Vision 2.0 มาพร้อม AI สามารถปรับปรุงภาพให้สว่างแม้ที่มืดสนิท และหากมีแสงสว่างก็จะไม่ทำให้ภาพฟุ้งกระจาย

Panorama Night

การถ่ายภาพมุมกว้างแบบต่อกัน (Panorama) ไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการสมาร์ตโฟน แต่หากต้องการถ่ายภาพ Panorama Night อันนี้มีไม่กี่รุ่นในตลาดที่ทำได้ (ดี) เพราะการต่อภาพกลางคืนจะมีความต่างแสงค่อนข้างมาก ระบบอัลกอริทึ่มการจัดการภาพและแสงจึงสำคัญ สำหรับรุ่น vivo X60 Pro 5G นั้นทำได้ออกมาได้ดี

Ultra-wide Night

กล้องมุมกว้างปกติจะมีสเปกที่ด้อยกว่ากล้องหลัก ทั้งในส่วนของความละเอียดและรูรับแสง ทำให้ถ่ายภาพออกมาโดยเฉพาะตอนกลางคืนได้คุณภาพแย่ แต่สำหรับ vivo X60 Pro 5G แม้ว่ากล้อง Ultra-wide จะด้อยกว่ากล้องหลักแต่ก็ยังให้คุณภาพที่ดี สามารถใช้ถ่ายเพื่อนำเอามาใช้งานได้จริง (ไม่ได้มีไว้เพียงแค่ใช้แก้ขัด)

ฟิลเตอร์ก็เยี่ยม ถ่ายกลางคืนก็แจ่ม

ระยะการถ่ายของเลนส์ 50 มม. เหมาะกับการถ่ายภาพบุคคลเป็นอย่างยิ่ง มีการทำงานร่วมกับอัลกอริทึ่มหลายจุด แถมมีระบบจัดการแสงรบกวนที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ความที่เป็นระบบกันสั่นที่ตัวเลนส์แบบกิมบอล จึงทำให้สามารถเปิดชัตเตอร์ได้นานมากขึ้นกว่าเก่า และความสั่นไหวเล็กน้อยจึงไม่มีผลต่อภาพ

Long-Exposure

นอกจากนี้ยังมีโหมดถ่ายภาพกลางคืนอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายดวงดาว (Astro Mode) หรือการถ่ายพระจันทร์ (Super Moon) แต่น่าเสียดายที่ช่วงนี้หน้าฝนฟ้าปิด บวกกับกรุงเทพฯ ไม่มืดมากเลยไม่ได้รีวิวทดสอบกัน ส่วนคุณสมบัติ Long-Exposure ช่วยให้เราถ่ายไฟเส้นได้อย่างง่ายดาย รวมถึงการถ่ายน้ำตกแบบเป็นสาย

ภาพจากกล้องหลัง

กล้องหลัง Co-engineered with ZEISS ทำออกมาได้เหนือความคาดหมาย โดยเฉพาะเลนส์หลัก 48 MP (IMX598) F/1.48 ถ่ายสวยทั้งกลางวันและกลางคืน ในขณะที่เลนส์มุมกว้าง (Ultrawide) ถึงจะมีความละเอียดต่ำกว่าแต่ก็ทำออกมาได้ดี แต่ถ้าต้องการละลายต้องเลนส์ซูม (Telephoto) อันนี้เบลอได้แบบสะใจ

ภาพจากกล้องหน้า

แม้ว่ากล้องหน้าจะมีเพียงแค่เลนส์เดียว (ไม่มีเลนส์มุมกว้าง) แต่ให้ความละเอียดสูงถึง 32 MP F/2.45 และรองรับ HDR มาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพส่วนบุคคล อันเลืองชื่อของวีโว่ สามารถปรับหน้าเนียนได้แบบละเอียดยิบ ไปจนถึงการปรับความเบลอของโบเก้ สามารถปรับได้ไปจนถึงโหมดวิดีโอช่วยให้สวยแบบสมจริง

สุดท้ายคงต้องบอกว่า vivo X60 Pro 5G ก็ยังคงเป็นสมาร์ตโฟนที่เน้น กล้อง กล้อง และกล้องอย่างแท้จริง เหมาะกับคนรักการถ่ายรูป อยากถ่ายรูปได้ทั้งกลางวันและกลางคืนโดยไม่มีข้อจำกัด ตัวโทนของภาพมีลักษณะพิเศษตามสไตล์ที่ ZEISS และวีโว่ได้ปรับแต่งมา มีระบบกันสั่นกิมบอลคอยช่วยให้ข้อจำกัดต่าง ๆ นั้นหายไป

ข้อดี

  1. เลนส์คุณภาพสูงพัฒนาร่วมกับ ZEISS
  2. กันสั่นกิมบอลเวอร์ชันใหม่ Gimbal Stabilization 2.0
  3. ถ่ายภาพกลางคืนได้ยอดเยี่ยมเป็นพิเศษ
  4. ชิปเซ็ต Snapdragon 870, RAM 12 GB, UFS 3.1
  5. หน้าจอสวยคม 120Hz Refresh Rate
  6. รองรับ 5G (NA/NSA) ทั้งสองซิม

ข้อเสีย

  1. ไม่มีพอร์ตหูฟัง 3.5 มม. (แต่แถมตัวแปลงให้)
  2. ไม่รองรับการใส่ microSD
  3. ราคาค่อนข้างสูง

สรุป

vivo X60 Pro 5G มีราคาเปิดตัว 24,999 บาท แต่ก็จัดให้ครบถ้วนทั้ง Snapdragon 870, RAM 12 GB, UFS 3.1 มีระบบกันสั่นกิมบอลเวอร์ชันใหม่ แถมยังมีเลนส์ที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS มีระบบจำลองฟิลเตอร์ให้อารมณ์คล้ายเลนส์มือหมุน ถ่ายกลางคืนได้แบบชนะเลิศคะแนน 10/10 หากคุณเป็นคนไม่ชอบถ่ายรูป แนะนำว่าอย่าซื้อมาเลย (เสียดายเงินแทน) แต่ถ้าคุณชอบถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ รับประกันว่า vivo X60 Pro 5G ไม่ผิดหวัง! ส่วนเล่นเกมดูหนังอะไรก็ยังคงดีงามอยู่เช่นกัน

หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial