สมาร์ตโฟนรุ่นเรือธงใหม่ล่าสุด Vivo X50 Pro 5G ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ดีที่สุด อย่างการเลือกใช้ระบบกันสั่นกิมบอล (Gimbal) หรือไม้กันสั่นที่เป็นที่นิยมสำหรับงานวิดีโอของสาย Blogger และ YouTuber เพื่อให้ได้ไฟล์วิดีโอที่ออกมาในระดับมืออาชีพ ดูแล้วภาพไม่สั่นไม่เวียนหัว แม้ว่าจะเป็นการถือกล้องแบบไม่ใช้ขาตั้งกล้องเองก็ตาม

Vivo X50 Pro 5G

หากพูดถึงสมาร์ตโฟนที่ดีที่สุดจากวีโว่ในตอนนี้ก็คือ Vivo X50 Pro 5G โดยมาพร้อมกับจุดขายที่เป็น Gimbal ระบบกันสั่นรุ่นแรกของโลก และก็รองรับเทคโนโลยี 5G มาเลยจากโรงงาน ในส่วนของราคาเปิดตัว 24,999 บาท ก็นับว่าเป็นราคาที่ทำออกมาได้สมศักดิ์ศรี งานประกอบดูมีความหรูหรามากกว่าทุกรุ่นของวีโว่ อีกทั้งยังมีความพิเศษหลายอย่าง เช่น เซนเซอร์รูปภาพ SONY IMX598 รุ่นสั่งทำพิเศษเฉพาะวีโว่ แทนที่จะเป็นเซนเซอร์รูปภาพ SONY IMX586 Exmor RS ปกติธรรมดาทั่วไป

แกะกล่อง

  • ตัวเครื่อง Vivo X50 Pro 5G พร้อมติดฟิล์มจากโรงงาน
  • เคสใสซิลิโคนตรงรุ่น
  • อแดปเตอร์ชาร์จไฟ 33W รองรับ Vivo FlashCharge 2.0
  • สายชาร์จแบบ USB-A > USB-C
  • หูฟังแบบ 3.5 มม.
  • ตัวแปลง USB-C มาเป็น 3.5 มม. (เนื่องจากเครื่องไม่มีพอร์ต 3.5 มม.)

สเปกและคุณสมบัติ

  • ระบบปฏิบัติการ Android 10 (ครอบทับด้วย Funtouch OS 10.5)
  • หน้าจอ AMOLED 3D Flexible Screen ขนาด 6.56″ (ความละเอียด 2376 x 1080 พิกเซล)
  • หน้าจอรองรับ HDR10+ อัตรารีเฟรชเรท 90Hz, อัตราตอบสนอง 180Hz
  • หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 765G (SD765G)
  • แรม 8 GB
  • รอม 256 GB (ไม่รองรับ microSD)
  • กล้องหลังแบบ 4 เลนส์ พร้อมไฟแฟลช LED แบบ Dual Tone
    • กล้องหลัก 48 MP (F/1.6) ระบบกันสั่น Gimbal
    • กล้องถ่ายภาพบุคคล 13 MP (F/2.5) ระยะ 50 มม.
    • กล้องถ่ายภาพมุมกว้าง 8 MP (F/2.2) ระยะ 16 มม.
    • กล้องถ่ายภาพระยะไกล 8 MP (F/3.4) ระยะ 135 มม. (ซูม 5 เท่า)
  • กล้องหน้า 32 MP (F/2.45) ระยะ 26 มม.
  • รองรับสองซิม 3G/4G/5G (N41/N78)
  • ระบบชิปเสียง AK4377A
  • ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
  • แบตเตอรี่ 4,315 mAh รองรับ Vivo FlashCharge 2.0 (33W)
  • ขนาด 158.46 x 72.80 x 8.04 มม.
  • น้ำหนัก 181.5 กรัม

สัมผัสแรกที่เห็นได้ชัดคือ X50 Pro ทำออกมาได้หรูหรามาก ๆ ตัวเครื่องโค้งทั้งหน้าและด้านหลัง บริเวณหน้าจอมีเลนส์กล้องขนาดเล็กพิเศษเพียง 3.96 มม. แต่ก็ยังคงมีคุณภาพสูงอยู่ ส่วนด้านหลังเลนส์กล้องจะหนาหน่อยเพราะต้องใส่ Gimbal และทางวีโว่เองได้ออกแบบไล่ระดับมาให้ดูไม่น่าเบื่อ (เขาว่านี่เป็นขนาดเล็กสุดเท่าที่จะทำได้) ไม่ต้องกลัวว่ากล้องจะนูนออกมาจนใช้งานไม่ถนัด เพราะหากใส่เคสที่แถมมาแล้วจะเป็นอะไรที่พอดีลงตัวมาก

Gimbal ในมือถือรุ่นแรกของโลก

Gimbal Photography System

ประเดิมรีวิวเรื่องแรกเราจะไม่พิธีรีตองอะไร ปกติเรื่องกล้องผมมักจะเขียนไว้ท้าย ๆ ของบทความ แต่ครั้งนี้ทุกคนคงอยากรู้ว่า “Gimbal (กิมบอล)” มันคืออะไรและจะมาช่วยได้อย่างไร ความจริงมันก็คือระบบกันสั่นชนิดหนึ่ง แบบเดียวกับที่เราเจอในไม้กันสั่น Gimbal แตกต่างจาก EIS หรือ OIS โดยตัวเลนส์จะขยับชดเชยได้แบบอิสระ เมื่อเรามีการขยับในรูปแบบแกนทั้งขึ้นลงและเข้าออก เพื่อชดเชยการสั่นสะเทือนให้มันสมูทขึ้น

Gimbal สามารถกันสั่นได้ดีกว่า OIS ถึงสามเท่า

สรุปแบบภาษาชาวบ้านเลยก็คือ มันถูกออกแบบมาสำหรับงานถ่ายวิดีโอให้นิ่งขึ้น ดูคลิปแล้วไม่เวียนหัว และนอกจากนี้ยังเหมาะกับการถ่ายภาพ เพราะมือคนเราต่อให้นิ่งแค่ไหนก็มีการขยับอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเวลายิ่งใช้กล้องซูมจะยิ่งเห็นเลยว่ามันสั่น ตัวนี้ก็จะมาช่วยชดเชยให้เราได้ภาพที่นิ่งขึ้น สมบูรณ์แบบดูแล้วไม่เบลอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เราถ่ายในสภาพแสงน้อย กล้องก็จำเป็นต้องเปิดรูรับแสงเอาไว้นานยิ่งขึ้นนั่นเอง

Super Night Mode

ในยุคปี 2020 ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า กล้องสมาร์ตโฟนจะรุ่นไหนก็ไม่หนีกันมาก “ถ้าถ่ายตอนกลางวันและแสงสว่างพอ” ในเรื่องความคมชัดเราแทบจะมาถึงจุดตันแล้ว (ยกเว้นรุ่นถูกหน่อยที่พอจะแยกออก) แต่กล้องจะดีหรือไม่ดี “การถ่ายกลางคืน” เป็นจุดชี้เป็นชี้ตายมาก ในเรื่องของ Super Night Mode เราอาจเห็นได้ทั่วไป แต่ความจริงคือน้อยมากที่จะหารุ่นที่ถ่ายตอนมืด แล้วได้ไฟล์คุณภาพออกมาดีเพียงพอในการใช้งาน

อันดับแรกเลยคือเรื่องของ Hardware ที่จำเป็นต้องมีเซนเซอร์รูปภาพคุณภาพสูง (กรณีนี้คือ SONY IMX598) รวมถึงกล้องหลักความละเอียด 48 MP (F/1.6) รูรับแสงกว้างพอปรับกลางคืนให้เป็นกลางวันได้ แต่ก็ยังไม่เพียงพอเพราะ Software ก็ต้องดีด้วยเช่นกัน เพราะเป็นการเป็นกล้องค้างไว้เป็นระยะเวลานาน เพื่อที่จะรับแสงได้มากแล้วเอาภาพมาซ้อนกันด้วย AI และคุณภาพจะไม่ได้เลยหากไม่มี Gimbal คอยชดเชยกันสั่นอีกที

Hyper Zoom 60X Mode

อีกหนึ่งโหมดที่อยากแนะนำถ้าคุณซื้อมาแล้วล่ะก็นะ โดยการซูมจะเป็นแบบ Optical Zoom 5X หรือไม่สูญเสียความละเอียดที่ 5 เท่า ซึ่งปกติจะอยู่แค่ 2 เท่า (หรือบางรุ่นก็คือไม่มีเลย) และหากคิดว่ามันยังไม่พออีกก็สามารถ Digital Zoom 60X มาขยายเพิ่มได้อีกด้วยพลังของ AI ทำให้ภาพจากเดิมที่ไม่รู้เรื่อง ก็พอจะดูเรื่องรู้เรื่องอะไรอยู่บ้าง และเมื่อมี Gimbal ก็ทำให้ซูมได้โดยไม่ต้องพึ่งขาตั้งกล้อง เพราะมันมีกันสั่นชดเชยอยู่บ้าง

Astro Mode

การถ่ายดวงดาวหรือทางช้างเผือกกับกล้อง DSLR ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่อะไร แต่กับสมาร์ตโฟนข้อจำกัดมันเยอะจนแทบเป็นไปไม่ได้ ยกเว้นแต่ว่ามีปัจจัยหลายอย่างอื้ออำนวย เช่น ระบบกันสั่นที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างกิมบอล รวมทั้งเรื่องเกี่ยวกับ Software และ AI ที่ช่วยจัดการภาพหลังถ่ายเสร็จ เท่าที่ได้ลองคือมันดีมากแต่ติดอย่างเดียว ตอนที่ผมได้อยู่หน้าฝนและมีเมฆและฟ้าปิดทุกวัน เลยทำให้ไม่มีโอกาสได้แชร์ภาพถ่ายดาวสวย ๆ มาให้ชมกัน

Pro Sport Mode

หมดยุคแล้วที่จะต้องยืนถ่ายนิ่ง ๆ เพราะกล้องมือถือก็สามารถถ่ายความเร็วชัตเตอร์สูงได้ โดยที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องกล้องเลยด้วยซ้ำ Pro Sport Mode ช่วยในเรื่องของการจับภาพเคลื่อนไหว และไม่เพียงแค่กล้องจะมีความเร็วชัตเตอร์สูงอย่างเดียว แต่ยังมีการโฟกัสอัตโนมัติที่วัตถุตลอดเวลา ทำให้เมื่อกดถ่ายรูปจะได้การตั้งค่าที่เหมาะสม และคนที่เรากำลังโฟกัสอยู่จะไม่หลุดโฟกัสหรือเบลอ เอาไว้ถ่ายกีฬา สัตว์ เด็กได้เป็นอย่างดี

Portrait Mode

เรื่องถ่ายภาพคนหรือเซลฟี่วีโว่เป็นเบอร์หนึ่งอยู่แล้ว และพิเศษยิ่งกว่าเพราะกล้องถ่ายภาพบุคคล 13 MP (F/2.5) มาในระยะ 50 มม. และถือว่าเป็นระยะห่างที่ถ่ายภาพบุคคลได้สวยที่สุด เพราะเป็นระยะใกล้เคียงสายตามนุษย์ สามารถละลายหลังได้มากกว่าเลนส์ระยะปกติ ให้ความชัดตื้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ หรืออธิบายง่าย ๆ ก็คือมันคือระยะซูมสองเท่าจากระยะปกติ แต่ถ้าหากคุณไม่ชอบจริง ๆ ก็ยังสามารถ่ายภาพบุคคลด้วยเลนส์ระยะอื่นได้

Night Portrait Mode

ทำลายทุกข้อจำกัดของการถ่ายรูป ที่ต้องมานั่งคอยรอแสงสว่างตอนถ่ายภาพ และในตอนนี้ Night Portrait Mode จะมาช่วยให้การถ่ายภาพตอนกลางคืนมีประสิทธิภาพกว่าเคย ด้วยเซ็นเซอร์ IMX598 พร้อมความไวแสงที่เพิ่มขึ้น 10% พร้อมกับระบบ AI อัจฉริยะในการจัดการ Noise และลดปัญหาการถ่ายภาพตอนกลางคืน ที่มีโอกาสภาพสั่นไหวสูงจากการเปิดรูรับแสงทิ้งเอาไว้นาน ด้วยระบบกันสั่นแบบกิมบอลคอยช่วยให้ภาพนิ่งขึ้น

5G

ในปี 2020 หากซื้อมือถือใหม่ไม่รองรับ 5G ก็เหมือนซื้อของตกรุ่น หรือหากเครื่องรองรับแต่ต้องรอ Update Software 5G มันก็ไม่สมเหตุสมผลอยู่ดี Vivo X50 Pro 5G จึงมาพร้อมกับ 5G ที่พร้อมใช้งานมาเลยจากโรงงาน ไม่ต้องรออะไรอีกต่อไป ถึงแม้ว่าในตอนนี้ 5G จะยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ แต่ไม่ช้าก็เร็ว 4G มันจะกลายเป็นอดีตเหมือน 3G ในตอนนี้ สามารถใช้ได้กับ N41 และ N78 ตามมาตรฐาน 5G ของประเทศไทย

90Hz Refresh Rate + 180Hz Response Rate

ศัพท์ในวงการเกมมักจะได้ยินเรื่องเฮิร์ทเกี่ยวกับหน้าจอเสมอ ข้ามเรื่องความเร็วไปแต่ต้องมีประสบการณ์เล่นเกมที่ดี หน้าจออัตรารีเฟรช 90Hz และอัตราการตอบสนอง 180Hz (90Hz Refresh Rate + 180Hz Response Rate) มีผลเป็นอย่างมากต่อการเล่นเกม รวมถึงประสบการณ์ใช้งานโดยรวมที่ดี ในเกมที่รองรับมันจะออกมาสมบูรณ์กว่า ภาพที่ได้ดูนุ่มมวลกว่า เวลาสัมผัสจะให้ความรู้สึก “ติดนิ้ว” มากกว่า

สเปกจอที่เห็นก่อนหน้ามักจะอยู่ในสมาร์ตโฟนเกมมิ่งเท่านั้น ไม่บ่อยครั้งที่เราจะมาเห็นในรุ่นปกติธรรมดาทั่วไป และความดีงามของหน้าจอยังไม่จบแต่เพียงเท่านั้น เพราะหน้าจอที่ได้ถึงแม้จะเป็นความละเอียด FHD+ แต่ก็เป็นหน้าจอ AMOLED ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของสีและความดำสนิท รองรับการแสดงผล HDR10+ และให้ค่าสี DCI-P3 Color Gamut มีความสว่างสูงเล่นกลางแจ้งได้สบาย และเอาไปใช้ดูหนังก็ถือว่าแจ่มเลยทีเดียว

Hi-Fi

ขึ้นชื่อว่ารุ่นเรือธงจัดน้อยกว่านี้ได้ไง! พลังเสียงระดับ Hi-Fi ก็ต้องมา! ด้วยพลังเสียงจากชิปเสียง AK4377A ที่มีเฉพาะในรุ่น X50 Pro โดยผู้ใช้งานสามารถหาหูฟังที่ชอบมาเสียบ USB-C เพื่อรับฟังประสบการณ์เสียงแบบ Hi-Fi ได้เลย หรือหากใครมีหูฟังโปรดแบบ 3.5 มม. ก็สามารถเสียบสายแปลงที่แถมมาได้ ส่วนใครที่อยากฟังแบบไร้สาย Vivo TWS Neo ก็รองรับรุ่นนี้ด้วยเหมือนกัน โดยจะเหลือความหน่วงต่ำสุด 88 มิลลิวินาที

33W Vivo FlashCharge 2.0

การชาร์จก็จะเป็นเหมือนกับ Vivo V19 คือเป็นระบบชาร์จเร็ว 33W Vivo FlashCharge 2.0 แล้วก็ไม่ได้หมายถึงว่า X50 Pro ไม่ได้มีอะไรใหม่ แต่คือของเก่าเทคโนโลยีวีโว่ก็จัดเต็มไม่กั๊กมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ส่วนเรื่องอะแดปเตอร์มีแถมมาให้จากโรงงานเลย ผู้ใช้งานไม่ต้องเสียเงินซื้ออะแดปเตอร์แยกต่างหาก แต่ข้อสังเกตก็คือสายชาร์จยังคงเป็นแบบ USB-A > USB-C ทั้งนี้ก็ยังคงประสิทธิภาพชาร์จ 57% ภายในครึ่งชั่วโมง

งานวิดีโอโดยรวมค่อนข้างประทับใจกับกิมบอล สามารถกันสั่นได้น่าประทับใจถึงจะไม่ได้นิ่มแบบ 100% แต่ก็ให้อารมณ์ที่เป็นธรรมชาติ วิดีโอที่ได้ยังมีชีวิตชีวาจากการขยับ และดูแล้วไม่ทำให้เวียนหัวจากการสั่นของกล้อง นอกจากนี้ยังมีโหมด Motion AF Tracking ที่ติดตามโฟกัสของวัตถุ ซึ่งเมื่อหลุดเฟรมไปแล้วเข้ามาใหม่ก็ยังโฟกัสให้ สามารถทำการ Autozoom เพื่อติดตามวัตถุให้เอง เหมือนมีผู้ช่วยถ่ายวิดีโอส่วนตัว

Extreme Night Vision

เอาใจคนถ่ายภาพกลางคืนด้วยโหมด Extreme Night Vision สามารถถ่ายเมืองตอนกลางคืนได้มีชีวิตชีวา แสงน้อยขนาดไหนก็ปราบได้อยู่หมัด สำหรับคนชอบถ่ายวิววีโว่ก็มีฟิลเตอร์ให้เลือกใช้ 4 แบบยอดนิยม ได้แก่ Cyberpunk, Green Orange, Blue Ice, Black Gold ให้ความรู้สึกอารมณ์ภาพที่แตกต่างกันออกไป เก็บวิวกลางคืนได้สวยมากพวกป้ายอะไรก็ไม่ขาวเกินไป ยังสามารถมองเห็นตัวหนังสือหรือโลโก้ของป้ายบนท้องถนนได้

Selfie

วีโว่เคยทำกล้องหน้าได้ดีและทำได้ดีตลอดมา ในรุ่นเรือธงนี้มีกล้องหลังที่ดีจนกลบกล้องหน้าไปเลย แต่ด้วยคุณภาพวีโว่ยังให้กล้องหน้าจัดเต็ม 32 MP (F/2.45) ในขนาดที่เล็กเพียง 3.96 มม. เมื่อวางลงบนหน้าจอแล้วไม่เกะกะพื้นที่ ตอนถ่ายภาพมีสไตล์ภาพให้เลือกหลากหลาย เช่น ภาพยนตร์, โตเกียว, โตเกียวสโนว์ เป็นต้น ส่วนการแต่งหน้าแบบ Beauty Selfie ก็ยังคงมีมาให้ครบเหมือนเดิม ปรับได้ละเอียดในทุกสัดส่วน

Super Macro

อีกหนึ่งการถ่ายภาพที่ยังไม่ค่อยถูกนำเสนอเท่าไหร่ แต่ทางวีโว่ก็ทำออกมาได้น่าประทับใจคือ Super Macro ที่มาพร้อมกับระบบออโต้โฟกัส ภายในระยะเพียงแค่ 2.5 ซม. ช่วยเปิดมุมมองการถ่ายภาพของเราให้ดีขึ้น ได้ภาพในมุมมองที่แปลกไปจากปกติ แล้วก็ยังมีโหมดถ่ายภาพอื่นอีกเพียงที่ไม่ได้ถูกกล่างถึงอย่าง 48 MP เก็บด้วยความละเอียดสูง, Live Photo รูปภาพขยับได้, Slow-Mo ที่ความละเอียด 240 เฟรมต่อวินาที, ฯลฯ

โดยรวมแล้วเป็นสมาร์ตโฟนที่สมบูรณ์แบบในทุกมิติ แต่ให้น้ำหนักไปทางกล้องและเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครอย่างกิมบอล ไม่น่าเชื่อว่าระบบกันสั่นขนาดใหญ่จะถูกย่อลงมาใส่สมาร์ตโฟนเครื่องเล็กได้ ข้อดีไม่เพียงแค่กันสั่นวิดีโอแต่ยังใช้ได้กับภาพถ่ายด้วย ลดการสั่นไหวแม้เพียงจะแค่เล็กน้อยจากการถือกล้อง เวลาซูมระยะไกลภาพก็ไม่สั่นมาก ส่วนจอภาพก็ทำออกมาสมกับเป็นเรือธง เล่นเกมดูหนังได้ดีให้คะแนนเต็มสิบ

ข้อดี

  1. กล้องกิมบอล (Gimbal) รุ่นแรกของโลก
  2. โหมดถ่ายกลางคืน (Extreme Night Vision)
  3. กล้องซูม 60 เท่า (60X Hyper Zoom)
  4. หน้าจอคุณภาพสูง ตอบสนองไวติดนิ้ว (90Hz + 180Hz)
  5. ชิปเสียงเทพ Hi-Res (AK4377A)

ข้อเสีย

  1. หูฟังที่แถมมา 3.5 มม. ต้องใส่ตัวแปลง USB-C
  2. มีเพียงสีเดียว และสเปกเดียวให้เลือกซื้อ
  3. ไม่รองรับ microSD

สรุป

หากซื้อตอนนี้ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลใช้ 5G ได้ทันที (AIS, True) กล้องดีแบบแบบเกินความคาดหวัง Vivo X50 Pro 5G ราคาค่าตัวเพียง 24,999 บาท ก็ถือว่าเหมาะสมกับประสิทธิภาพที่ได้ ตัวเครื่องจัดเต็มมาแบบไม่มีกั๊ก เหมาะกับคนที่ชอบถ่ายรูปทั้งในแบบบุคคล, เซลซี่, ถ่ายกลางคือ, ซูมระยะไกล, มุมกว้าง, มาโคร, ฯลฯ มีให้ครบจบในเครื่องเดียว ระบบกันสั่นกิมบอลช่วยให้ทุกวิดีโอออกมาแบบสมูท เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจหากคุณเป็นคนชื่นชอบถ่ายรูปและวิดีโอ

หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial

REVIEW OVERVIEW
การออกแบบ
ใช้งานจริง
ความคุ้มค่า
คุณภาพวัสดุ
บริการหลังการขาย
Previous articleGoPro จัดให้คุณมากกว่าที่เคยมีมาใน HERO9 Black
Next articleรีวิว Redmi 9C จอใหญ่ แบตอึด ราคาสามพันกว่าบาท
review-vivo-x50-pro-5gดีงาม! กล้องและระบบกันสั่นให้คะแนนเต็มไปเลย เป็นหนึ่งในรุ่นที่ถ่ายสนุก มีเลนส์ให้เลือกใช้งานหลากหลาย เท่านั้นไม่พอยังสามารถปรับแต่งเพิ่มเติมได้ โดยที่ไม่ต้องโหลดแอปพลิเคชันอื่นเพิ่มเติม หน้าจอไร้ขอบขนาดใหญ่มีอัตรา 90Hz Refresh Rate และ 180Hz Response Rate ที่สูงช่วยให้ใช้งานได้ประสบการณ์ลื่นไหล