เปิดตัวกันแล้วกับ vivo V27 5G ที่เน้นเรื่องการถ่ายเซลฟี่โดยเฉพาะทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง โดดเด่นด้วยการถ่ายภาพแบบ Aura Portrait พร้อมกับไฟแฟลชแบบวงแหวน ช่วยให้การถ่ายรูปตอนกลางคืนสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ส่วนสเปกด้านอื่นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย และทั้งหมดนี้ไม่เกินหมื่นห้า!

vivo V27 5G

ราคาเปิดตัว vivo V27 5G อยู่ที่ 14,999 บาท เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นระดับกลางออกไปทางบน ดังนั้นใครคาดหวังเรื่องประสิทธิภาพไม่ผิดหวังแน่นอน มีจุดเด่นอยู่ที่กล้องทั้งหน้าและหลัง 50 MP นอกจากนี้ยังได้จอ 120Hz เล่นเกมกันแบบฟิน ๆ ส่วนแบตเตอรี่จุถึง 4600mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 66W จบในเครื่องเดียว

สเปกและคุณสมบัติ

  • ระบบปฏิบัติการ Android 13 (ครอบทับด้วย Funtouch OS 13)
  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78″ ความละเอียด FHD+ (2400 × 1080)
  • หน่วยประมวลผล Mediatek Dimensity 7200
  • แรม 8 GB | 12 GB
  • รอม 256 GB (ไม่รองรับ microSD)
  • กล้องหลังแบบ 3 เลนส์ พร้อมไฟแฟลช Aura LED
    • กล้องหลัก 50 MP กันสั่น OIS (F/1.88)
    • กล้องมุมกว้าง 8 MP (F/2.2)
    • กล้องมาโคร 2 MP (F/2.4)
  • กล้องหน้า 50 MP (F/2.45)
  • รองรับสองซิม 5G
  • รองรับ Bluetooth 5.3, Wi-Fi 5 GHz, Type-C
  • แบตเตอรี่ 4600mAh รองรับชาร์จเร็ว 66W
  • ขนาด 164.1 × 74.8 × 7.4 มม.
  • น้ำหนัก 180 กรัม

สำหรับรุ่นนี้มาพร้อมอุปกรณ์พื้นฐานอย่างอะแดปเตอร์ 66W มีสายชาร์จ USB-C พร้อมกับติดฟิล์มมาจากโรงงาน นอกจากนี้ยังมีเคสแถมมาให้อีกด้วย (ขาดเพียงแค่หูฟัง) และเนื่องจากรุ่นนี้ไม่มีพอร์ตหูฟัง 3.5 มม. ดังนั้นเราจึงขอแนะนำให้ใช้งานร่วมกับ vivo TWS Air จะเข้ากันเป็นอย่างยิ่ง

การออกแบบ

ตัวเครื่องเน้นความหรูหราตามแบบฉบับวีโว่ พื้นผิวด้านหลังเป็นแบบด้าน ทำให้ไม่ทิ้งรอยนิ้วมือเอาไว้ให้กวนใจ ตัวเครื่องมีความโค้งทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ถือแล้วจับได้แบบถนันมือด้วยสีที่ไม่เหมือนใคร โดยมีส่วนที่บางสุดของตัวเครื่องเพียง 2.3 มม. โดยเครื่องที่รีวิวเป็นสี Flowing Glow ใช้เทคโนโลยี 3D Light Spot Color Gradient แต่ละมุมให้สีสันที่แตกต่างกัน

ประสิทธิภาพ

ตัวเครื่องมาพร้อมกับชิป Mediatek Dimensity 7200 ด้วยกระบวนการผลิต 4nm เป็นเจนที่ 2 ของทาง TSMC ให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีในขณะที่ไม่กินแบตเตอรี่ มาพร้อมกับหน่วยความจำขนาด 8 GB + 256 GB และ 12 GB + 256 GB (แรงทั้งคู่ต่างกันเพียงแค่ความจุ) สามารถใช้เล่นเกมกราฟิกสูง ๆ ได้แบบสบาย และหากไม่เพียงพอก็สามารถขยายได้อีก 8 GB Extended RAM

หน้าจอใหญ่เต็มตา

มีการอัปเกรดมาใช้หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78″ มาในรูปแบบ 3D Curved Screen แถมยังรองรับ Refresh Rate 120Hz และ HDR10+ เล่นเกมก็ดีหรือจะดูหนังก็เลิศ ไม่บดบังสายตาด้วยรูกล้องหน้า Punch Hole ทดสอบรีวิวใช้งานนอกสถานที่คือจอสู้แสงได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังรองรับการสแกนนิ้วมือบนหน้าจอ เรียกได้ว่าสำหรับ vivo V27 5G เป็นอะไรที่ได้ทั้งความสวยงามและประสิทธิภาพในเครื่องเดียว

แบตอึดชาร์จไว

เล่นทั้งวันก็ไม่หวั่นด้วยแบตเตอรี่ 4600mAh รองรับชาร์จเร็ว 66W FlashCharge สามารถชาร์จจาก 1-50% ได้ภายในระยะเวลา 19 นาที มีระบบชาร์จอัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ถึง 2 เท่า และก็ไม่ต้องห่วงเรื่องอายุการใช้งาน เพราะมีการทดสอบการตกมากกว่า 42,000 ครั้ง เสียบพอร์ตชาร์จมากกว่า 10,000 ครั้ง และกดปุ่มมากกว่า 150,000 ครั้ง และยังมาพร้อมกับวัสดุที่เป็นนวัตกรรมใหม่และฟีเจอร์การระบายความร้อน

กล้องออร่าพอร์ตเทรต

สำหรับกล้องหลักมีการใช้งาน 50 MP OIS (Sony IMX766V) ที่มาพร้อมกับระบบกันสั่น นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่ Aura Light Portrait System ไฟที่ออกแบบมาเพื่อถ่ายภาพบุคคลโดยเฉพาะ ส่วนกล้องหน้าก็ยังคงจัดเต็ม 50 MP เหมาะกับคนที่ชอบถ่ายรูปทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง แถมยังสามารถถ่ายกลางคืนได้แบบไม่ต้องกลัวแสงน้อย เพราะแฟลชด้านหลังทำออกมาได้แรงและมีแสงที่ละมุนมาก

จุดเด่นของ Aura Light Portrait System เป็นไฟแฟลชที่ไม่เหมือนกับเครื่องทั่วไป (ดูจากความสว่างของรูปด้านบนก็รู้) ซึ่งพัฒนาโดย vivo เพื่อการถ่ายภาพบุคคลโดยเฉพาะ ให้แสงสีนวลตาและดูสว่างใสเป็นธรรมชาติ ช่วยให้ภาพดูมีมิติมากยิ่งขึ้นแล้วไม่แข็งกระด้างเหมือนแฟลชทั่วไป มีการกระจายแสงให้กระทบใบหน้าอย่างสม่ำเสมอ อารมณ์เหมือนมี Softbox พกติดตัวไปตลอดเวลา ไม่ว่าจะถ่ายรูปหรือ LIVE วิดีโอก็ดูดีไปหมด

ทดสอบถ่ายกลางคืนและที่แสงน้อย

ภาพกลางคืนอยากจะบอกว่าสวยทุกรูปที่ถ่ายเลย ไม่ว่าจะเป็นรูปที่เปิดแฟลช (Aura Light) หรือไม่เปิดเองก็ตาม ขึ้นอยู่กับแนวที่ต้องการจะถ่ายภาพว่าอยากได้แบบไหน หากต้องการให้แบบสว่างโดดเด่นออกมาจากภาพก็เปิด แต่ถ้าหากต้องการให้ละมุนไปกับภาพก็ไม่ต้องเปิด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คือไม่ต้องกลัวว่าจะมืดเกินไป เพราะด้วยตัว AI จะช่วยปรับแต่งภาพให้เหมาะสม คือจากภาพตัวอย่างที่เราลง 100% จบหลังกล้องไม่ได้ปรับแต่งอะไรเลย

ไม่เพียงแค่กล้องหลัง แต่สำหรับกล้องหน้าในตอนกลางคืนหรือที่แสงน้อย ก็สามารถถ่ายออกมาได้ดีไม่แพ้กัน เนื่องจากมีตัวช่วยเป็น Soft Light Band ที่เป็นการใช้หน้าจอปล่อยแสงสว่างขาวนวลออกมา ถึงแม้ว่ากำลังแฟลชจะไม่ได้สูงเท่ากับกล้องหลัง แต่ก็ยังช่วยให้เซลฟี่ระยะใกล้ ๆ มีความสว่างสดใส นอกจากนี้ยังสามารถเลือกปรับความสวยงาม (Beauty Mode) ได้ตามสไตล์ของวีโว่ เกลี่ยใบหน้าให้เนียนอยากเพิ่มหรืออยากลดส่วนไหนก็ปรับได้อิสระ

ทดสอบถ่ายกลางวันและที่แสงเยอะ

หากถ่ายตอนกลางคืนผ่าน เรื่องถ่ายกลางวันก็เป็นเรื่องง่าย ด้วยพลังของเซ็นเซอร์ Sony IMX766V ที่คาดหวังคุณภาพได้ทั้งภาพและวิดีโอ สามารถปรับแต่งได้ละเอียดสุด ๆ หรือหากสายถ่ายแบบเรียบง่ายก็จบหลังกล้องได้เลย มีการประมวลผลด้วย AI ช่วยปรับแต่งภาพให้ แม้ว่าคนถ่ายจะไม่ได้เป็นตากล้องมืออาชีพก็ได้ภาพสวย นอกจากนี้ยังมีเลนส์มุมกว้างและเลนส์มาโครให้ถ่ายเล่นได้เพิ่มเติมด้วย แต่ถ้าหวังคุณภาพสูงสุดยังไงก็ต้องเป็นเลนส์หลัก 50 MP

ส่วนกล้องหน้านี่มีความดีงามมาก 50 MP AF (F/2.45) มีความเป็นเน็ตไอดอลท่านหนึ่ง เนียนสวยสมบูรณ์ตามมาตรฐานความงาม ไม่ว่าจะถ่ายแนวไหนก็เอาอยู่ เซลฟี่ได้สวยในทุกมุมพร้อมกับโหมดต่าง ๆ ให้เลือกถ่ายเล่นอีกมากมาย และด้วยความที่มันมีความละเอียดสูง ต่อให้ไม่ได้ถ่ายรูปแต่เป็นการถ่าย Vlog หรือ LIVE ก็ถือว่าสมบูรณ์แบบ รองรับการถ่ายในรูปแบบ 4K อยากทำให้ชัดทั้งภาพหรือหน้าชัดหลังเบลอ แบบกล้องมืออาชีพก็สามารถทำได้ง่ายดาย

ความรู้สึกหลังใช้จริง

จะใช้คำว่า “มืดแค่ไหนก็ไม่กลัว” ได้เลยดีกว่า เพราะแฟลชกล้องหลังคือใช้งานจริงจังได้ดีมาก สว่างจนคนต้องหันมามอง เหมาะกับสาว ๆ ที่ชอบถ่ายรูปทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ชอบถ่ายในกรณีนี้คือถ่ายแบบทุกที่ทุกเวลา ถ่ายแบบไม่ต้องเกรงใจแสง ไม่ต้องสนใจสภาวะอากาศ ภาพที่ออกมาคือดีเวอร์เกินค่าตัวมาก สวยแบบไม่ต้องง้อเรือธงก็ยังได้ ส่วนประสิทธิภาพอื่นของเครื่องก็ไม่ได้ด้อยนะ หน้าจอดี แบตเตอรี่อึด ชิปก็ค่อนข้างเร็ว แถมชาร์จไวมากด้วย

ข้อดี

  1. ระบบ Aura Light Portrait System
  2. กล้องหน้า 50 MP ออโต้โฟกัส
  3. หน้าจอ 120Hz โค้งแบบ 3D
  4. แบตเตอรี่ 4600mAh รองรับชาร์จเร็ว 66W

ข้อเสีย

  1. ลำโพงเดี่ยว เสียงไม่กระหึ่มมากนัก

สรุป

สำหรับรุ่น vivo V27 5G ราคาอยู่ที่ 14,999 บาท (RAM 8 GB) และ 16,999 บาท (RAM 12 GB) โดยทั้งสองได้ความจุเท่ากันคือ ROM 256 GB ส่วนตัวมองว่าใช้งาน RAM 8 GB ก็ถือว่าเพียงพอแล้วประหยัดเงินไปได้นิดนึง ดีไซน์มือถือทำออกมาได้ดูเมื่อเทียบกับช่วงราคาเดียวกัน การใช้งานโดยรวมลื่นไหลเป็นอย่างดี จุดเด่นที่เห็นกันคือเป็นเรื่องของกล้องทั้งหน้าและหลังที่ทำออกมาได้ดีมาก สายเซลฟี่หรือทำคอนเทนต์ แต่ไม่อยากจ่ายแพงคือเหมาะมาก!

หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial