เปิดตัวกันอย่างต่อเนื่อง Vivo V20 Pro หลังจากที่พึ่งสร้างชื่อเสียงจาก Vivo X50 Pro 5G ในเรื่องของกล้องกิมบอลรุ่นแรกของโลก และสำหรับรุ่น V20 Pro จะเน้นไปที่สมาร์ตโฟน 5G ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย มีดีไซน์ที่สวยงามและบางที่สุดในโลก กล้องหน้าคู่ 44 ล้านพิกเซล และยอมรับตามตรงหลังจากที่ได้รีวิวเลยว่า รุ่นนี้คือหนึ่งในรุ่นที่ดีที่สุดของวีโว่เลยก็ว่าได้ บวกกับราคาเปิดตัวเพียงแค่ 14,999 บาท ก็ช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ส่วนมันจะเยี่ยมยอดขนาดไหนเราลองมาดูรีวิวกัน
Vivo V20 Pro
รุ่นนี้มีด้วยกันทั้งหมดสองสีคือ Midnight Jazz, Sunset Melody และ Moonlight Sonata ก็ถือว่ามีตัวเลือกค่อนข้างเยอะหากเทียบกับ Vivo X50 Pro 5G นอกจากนี้ความดีงามของ Vivo V20 Pro ก็คือรองรับ 5G (AIS-True) ในราคาที่คุ้มค่าเพียงแค่ 14,999 บาท ยังไม่นับรวมส่วนลดหรือของแถมที่ทางวีโว่มอบให้ ซึ่งอันที่จริงแล้วคุณอาจได้ราคาจริงถูกกว่านี้อีกนิดนึง และความแรงในรุ่น V20 Pro ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่เลยในตระกูล V Series และได้ความบางที่มากกว่ารุ่นไหน ๆ
สเปกและคุณสมบัติ
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 (ครอบทับด้วย Funtouch OS 11) <<< รออัปเดต Android 11
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44″ (ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล)
- หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 765G (SD765G)
- แรม 8 GB
- รอม 128 GB (ไม่รองรับ microSD)
- กล้องหลังแบบ 3 เลนส์ พร้อมไฟแฟลช LED แบบ Dual Tone
- กล้องหลัก 64 MP (F/1.89)
- กล้องถ่ายภาพมุมกว้าง 8 MP (F/2.2)
- กล้องถ่ายขาวดำ 2MP (F/2.4)
- กล้องหน้าแบบ 2 เลนส์
- กล้องหลัก 44 MP (F/2.0)
- กล้องถ่ายภาพมุมกว้าง 8 MP (F/2.28)
- รองรับสองซิม 3G/4G/5G (N1/N3/N41/N77/N78)
- ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
- แบตเตอรี่ 4,000 mAh รองรับ Vivo Energy Guardian FlashCharge (33W)
- ขนาด 158.82 x 74.2 x 7.39 มม.
- น้ำหนัก 170 กรัม
สเน่ห์อย่างแรกที่สัมผัสได้เลยคือเรื่องการออกแบบและงานประกอบ ที่ทำออกมาได้หรูหราเกินตัวถือแล้วดูแพงไม่แพ้เครื่องระดับสองหมื่นบาท มีความบางและเบาในระดับที่สามารถใส่กระเป๋าเสื้อได้อย่างคล่องตัว บวกกับหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44″ ที่ทำให้ดูสง่ามากยิ่งขึ้นไปอีก (หากใครเคยใช้จอชนิดนี้แล้วจะไปใช้ IPS แบบเดิมไม่ได้อีกเลย) ฝาหลังบางและแบนแบบไม่มีความโค้งเลย และมีความบางที่สุดเมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟน 5G ในยุคปัจจุบันอยู่ที่ 7.39 มม. (ไม่รวมเลนส์กล้อง)
แกะกล่อง
- ตัวเครื่อง Vivo V20 Pro พร้อมติดฟิล์มจากโรงงาน
- เคสใสซิลิโคนตรงรุ่น
- อแดปเตอร์ชาร์จไฟ 33W รองรับ Vivo FlashCharge 2.0
- สายชาร์จแบบ USB-A > USB-C
- หูฟังแบบ 3.5 มม.
- ตัวแปลง USB-C มาเป็น 3.5 มม. (เนื่องจากเครื่องไม่มีพอร์ต 3.5 มม.)
การถือใช้งานค่อนข้างเบาเพราะน้ำหนัก 170 กรัม เมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนทั่วไป ฝาหลังวัสดุเป็นอลูมิเนียม (ไม่แน่ใจ) ไม่มีความโค้งและตัวผู้รีวิวเอง มักเผลอทำเครื่องลื่นหลุดบ่อยครั้ง วิธีแก้ก็คือใส่เคสซิลิโคนที่แถมมาจะช่วยได้มาก (แลกกับความหนาขึ้นนิดหน่อย) หน้าจอมีการเว้นรอยบากบริเวณตรงกลาง ขนาดค่อนข้างใหญ่เนื่องจากต้องวางกล้องคู่ นอกจากนี้ก็ยังมีลำโพงและเซ็นเซอร์ที่ถูกซ่อนอยู่อย่างแนบเนียน โดยรวมแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าคุ้มกับพื้นที่เสียไปเพื่อให้ได้กล้องหน้าที่สอง
จุดเด่นของรุ่นนี้ก็คือกล้องและดีไซน์ เท่านั้นยังไม่พอยังมีวิดีโอที่เป็นจุดขายอีกด้วย มาในส่วนของกล้องหลังกันบ้างจะเห็นว่าถูกวางไว้อย่างงดงาม ไม่มีการเรียงกล้องแบบมั่วซั่ว และเลนส์ถึงแม้ว่าจะมีแค่สามเลนส์แต่ใช้งานจริงครบทุกประการ เนื่องจากทางวีโว่ได้ใส่เลนส์อเนกประสงค์มาที่สามารถถ่ายมุมกว้างได้ ถ่ายใกล้เป็นมาโครและเป็นโบเก้ได้ในตัว โดยการวางแบบนี้วีโว่เรียกมันว่า “Dual Tone Step” ที่กล้องหลังถูกจัดวางอย่างเป็นชั้นบาง ๆ วางเลเยอร์ที่เพิ่มแต่ละขั้นราวอย่างประณีต
รุ่นนี้สามารถใส่ได้สองซิมและไม่สามารถเพิ่มเมมได้ การชาร์จแบตเตอรี่จะผ่านทาง USB-C และด้วยเหตุของความบาง จึงทำให้รุ่นนี้ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และทางวีโว่ก็ได้แถมตัวแปลง USB-C มาเป็น 3.5 มม. ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน (แอบเสียดายหูฟังน่าจะเป็น USB-C) ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่ไม่รองรับการชาร์จไร้สาย แต่ก็ได้ชดเชยมาเป็นระบบชาร์จเร็ว Vivo Energy Guardian FlashCharge 33W สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 4,000 mAh ให้เต็มได้ด้วยระยะเวลาอันสั้น
สมาร์ตโฟน 5G ที่บางที่สุดในโลก
ความหนาถึงจะไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพตัวเครื่อง แต่คงไม่มีใครอยากได้มือถือที่ทั้งหนาและหนัก ด้วยการออกแบบที่ถูกสรรค์สร้างอย่างปราณีต ขอบจอที่มาพร้อมความโค้ง 2.5D ความหนาเพียง 7.39 มม. น้ำหนัก 170 กรัม ทำให้สามารถถือใช้งานได้ยาวนานตามที่ต้องการ โดยไม่รู้สึกว่าเป็นภาระในการปวดข้อมือ ส่วนใครที่เดินทางไปใช้งานไปยิ่งเหมาะเพราะเท่าที่ได้ทดสอบ สามารถถือใช้งานมือเดียวได้อย่างคล่องตัว เวลาใส่กระเป๋ากางเกงหรือกระเป๋าเสื้อก็ไม่นูนออกมาหนาแบบบน่าเกลียด
กล้องหลังความละเอียด 64 + 8 MP
ข้อจำกัดของกล้องคุณภาพสูงคือส่วนมากจะมีชิ้นเลนส์เยอะทำให้นูนหนา แต่สำหรับ Vivo V20 Pro มีการออกแบบไว้อย่างเรียบเนียน มอบรายละเอียดภาพที่ชัดเจนเมื่อซูมภาพ กล้องรองประกอบไปด้วยเลนส์ถ่ายภาพมุมกว้าง (Wide Angle) เลนส์ถ่ายวัตถุระยะใกล้ (Macro) เลนส์ละลายฉากหลัง (Bokeh) และกล้องสำหรับ Mono ในการถ่ายเอฟเฟกต์ขาวดำ มีคุณภาพสูงมากเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป ใช้งานเป็นสมาร์ตโฟนกล้องหลักได้เลย สามารถใช้หวังผลในการถ่ายได้สูง
กล้องหน้าโฟกัสดวงตา (Eye Autofocus)
หากใครได้เรียนถ่ายภาพมาบ้าง จะเข้าใจพื้นฐานว่าทำไมถึงต้อง “โฟกัสดวงตา” และกล้องหน้าของ Vivo V20 Pro ก็มาถึงขั้นนั้นแล้วด้วยการจับโฟกัสได้ละเอียดถึงดวงตา (มากกว่าโฟกัสใบหน้าอีก) เวลาใช้งานก็ไม่ต้องแตะโฟกัสบนมือถือให้วุ่นวาย โดยกล้องหน้ามีความละเอียด 44 + 8 MP สามารถเลือกได้ว่าจะใช้กล้องหลักที่ความละเอียดสูงยิบ หรือจะใช้กล้องรองที่ความละเอียดลดลงมาแต่ได้ระยะ Super Wide Angle เก็บได้ทั้งกลุ่มเพื่อนหลายคน รวมถึงฉากหลังมากกว่าภาพเซลฟี่
เซลฟี่สุดปังในยามค่ำคืน
กล้องจะดีแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์หากถ่ายรูปกลางคืนไม่สวย AI low-light portrait จะคอยช่วยปรับแสงสว่างให้กับใบหน้าของคุณ แต่ถ้าหากยังรู้สึกว่าสว่างขาวใสไม่พอก็สามารถเปิด Selfie Softlight Band ที่เพิ่มความสว่างได้เหมือนมีไฟส่วนตัว นอกจากนี้ยังจะทำการปรับอุณหภูมิสีที่สมบูรณ์แบบ และโทนสีผิวที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยปรับตามแสงโดยรอบโดยอัตโนมัติ มอบความงามในภาพเซลฟี่ให้แก่คุณ เพียงเท่านี้การถ่ายภาพเซลฟี่ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนก็ไม่ใช่ข้อจำกัดอีกต่อไป
เซลฟี่คมชัดในระดับ 4K
การถ่าย Vlog เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ยกตัวอย่างเช่น TikTok และการเซลฟี่ในปัจจุบันไม่ได้จบเพียงแค่ “รูปถ่าย” บางคนอาจเลือก “วิดีโอ” เพื่อเซลฟี่เอาไว้เป็นรูปโปรไฟล์ใน Facebook และกล้องหน้าของหลายคนก็สำคัญในการ LIVE ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือขายของก็ตามแต่ ปฎิเสธไม่ได้ว่าวิดีโอกล้องหน้าก็มีอิทธิพลในการใช้งานอย่างมาก และตอนนี้ความละเอียด Full HD (1080P) ก็ไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีระบบกันสั่น Steadiface Selfie Video
เซลฟี่แบบสโลวโมชั่น
ยังไม่หมดเพราะเรื่องกล้องวิดีโอรุ่นนี้จัดเต็มทุกฟีเจอร์ นอกจากนี้ยังมีให้เล่นแบบ Slo-mo Selfie Video เป็นภาพเคลื่อนไหวแบบช้า ๆ สร้างความแตกต่างใน Social Network เพราะว่าการถ่ายเซลฟี่แบบรูปธรรมดานั้นไม่เพียงพออีกต่อไป คุณสามารถเลือกรังสรรค์วีดีโอได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส นอกจากนี้ยังสามารถสลับระหว่างการเคลื่อนไหวเร็วและช้า เพลิดเพลินกับความราบรื่นของ 240 FPS ที่จะเปลี่ยนการเซลฟี่ของคุณไม่ให้จำกัดกรอบเพียงแค่วิดีโออีกต่อไป และนี่คือแค่ส่วนหนึ่งของลูกเล่น
เซลฟี่และวิวในเวลาเดียวกัน
เคยไหมที่บางครั้งที่อยากทั้งถ่ายเซลฟี่และวิวในเวลาเดียวกัน บางครั้งไปในสถานที่สวย ๆ แต่ก็อยากให้มีวิดีโอตัวเองอยู่ในนั้นด้วย ในเมื่อเลือกไม่ได้ก็สามารถถ่ายทั้งคู่ไปในช่วงเวลาเดียวกัน Dual View Video เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่สามารถดึงเอาประสิทธิภาพของเครื่อง รวมทั้งกล้องทั้งหน้าหลังออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่จำเป็นต้องเสียเวลามานั่งตัดต่อทีหลัง สามารถเลือกได้ทั้งแบ่งวิดีโอครึ่ง (มุมมองคู่) หรือจะเป็นการแบ่งจอเล็กด้านข้าง (PiP) อันนี้ก็ได้เหมือนกันเลือกเลนส์ได้ด้วย
เปลี่ยนวิดีโอให้เป็นงานศิลปะ
บอกแล้วว่าลูกเล่นวิดีโอของรุ่นนี้เขาจัดเต็ม และที่นำมารีวิวนี่ก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งจากทั้งหมดเท่านั้น Art Portrait Video ช่วยให้สามารถเปลี่ยนวิดีโอธรรมดาทั่วไป ให้สามารถปรับโบเก้ได้ดั่งใจ และก็สามารถปรับพื้นหลังเป็นขาวดำเพิ่มความโดดเด่นให้กับวิดีโอของคุณ ต้องขอขอบคุณ AI ในการช่วยแยกวัตถุฉากหลังออกจากแบบ ถึงแม้ว่าจะไม่สมบูรณ์แบบ 100% (ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม) ถ้าหากใครจัดฉากถ่ายดี ๆ ก็ทำให้ได้วิดีโอสุดเจ๋งที่ไม่เหมือนใครได้ด้วย บอกแล้วว่าลูกเล่นมันเยอะ!
กล้องหลังหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล
กล้องหลักกับการถ่ายภาพที่ไม่ธรรมดา
กล้องหลักมีความละเอียด 64 MP เพียงพอสำหรับการใช้ Digital 2X ทำให้ได้ภาพไม่แตก รูรับแสงกว้าง F/1.89 ทำให้สามารถรับแสงได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีเลนส์มุมกว้าง (Ultra Wide Angle) รูรับแสงกว้าง F/2.2 ถึงจะมีสเปกด้อยลงมาแต่ก็เอาไว้ถ่ายวิวหรือภาพคนสวย ๆ ได้กว้างถึง 120 องศา เป็นเลนส์มาโครในตัวด้วยระยะ 2.5 ซม. สามารถวัดระยะเพื่อทำโบเก้ตอนถ่ายภาพบุคคลได้อีกด้วย ส่วนกล้องขาวดำ (Mono) ตัวสุดได้ช่วยเก็บรายละเอียดและแสงเงาในการถ่ายภาพ
ภาพถ่ายกลางคืนหรือในที่แสงน้อยก็ทำออกมาได้ค่อนข้างดี ด้วยรูรับแสงที่กว้างจึงทำให้ภาพสว่างขึ้นมาก (บรรยากาศจริงค่อนข้างสลัว) และเมื่อดันภาพมาแล้วรายละเอียดต่าง ๆ ยังอยู่ครบไม่ถูกบดบังไปด้วย Noise หากใครชอบไปปาร์ตี้รุ่นนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์ ด้วยขนาดที่ไม่เทอะทะแถมยังมีกล้องคุณภาพสูงในตัว มีโหมดการใช้งานให้เลือกหลากหลาย ลูกเล่นของกล้องทั้งหมดรวมอยู่ในตอนถ่ายภาพจบหลังกล้องเลย ไม่จำเป็นที่จะต้องไปโหลดแอปพลิเคชันอื่นมาตกแต่งเพิ่มเติมให้เสียเวลา
กล้องหน้ามีให้เลือกทั้งระยะปกติที่ความละเอียด 44 MP รูรับแสงกว้าง F/2.0 และยังสามารถเปลี่ยนเป็นเลนส์มุมกว้าง 8 MP รูรับแสงกว้าง F/2.28 ทำให้สามารถถ่ายเซลฟี่ได้แบบมุมกว้างขึ้น ไม่จำกัดเพียงแค่เฉพาะใบหน้าเรา สามารถปรับละลายหลังได้เหมือนกับกล้องมืออาชีพ ส่วนระบบเป็นแบบโฟกัสอัตโนมัติ (AF) สามารถจับโฟกัสจากระยะถ่าย 15 ซม. (โฟกัสได้ยันดวงตา) ไม่ว่าจะถ่ายด้วยมือหรือถ่ายด้วยไม้เซลฟี่ ก็จะสามารถจัดโฟกัสได้อย่างชัดเจน ไม่มีการหลุดโฟกัสหรือเบลอให้เห็น
สมาร์ตโฟน 5G คุ้มค่าในราคาประหยัด
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อด้วยราคาเพียงหมื่นกลาง ๆ แต่คุณก็สามารถเป็นเจ้าของสมาร์ตโฟนที่รองรับ 5G ในราคาประหยัด ซึ่งหากเทียบกับแบรนด์อื่นถึงแม้จะเป็นรุ่นเรือธงก็ต้องบวกเงินเพิ่มอีกหลายพันบาท เพื่อให้ได้สเปกที่รองรับ 5G แต่สำหรับรุ่นนี้คือรองรับเลยไม่ต้องเสียงเงินเพื่อรุ่นอัปเกรด (เสียดายตอนรีวิวอยู่พื้นที่ไม่รองรับ) และหากเปรียบเทียบสมาร์ตโฟนในตลาด ก็มีเพียงไม่กี่รุ่นที่ราคาไม่ถึงสองหมื่นที่รองรับ 5G บางคนอาจคิดว่าไม่จำเป็นแต่เชื่อเถอะว่า ไม่ช้าก็เร็วยังไงเราก็ต้องเปลี่ยนอยู่ดี
ชาร์จเร็วเล่นเกมไว
สเปกของเครื่อง Snapdragon 765G + RAM 8 GB อยู่ในระดับที่เล่นได้ทุกเกมแบบสบาย สามารถปรับสุดได้แบบไม่ต้องเกรงใจความร้อนของเครื่อง เพราะมีการถ่ายเทความร้อนด้วยของเหลว D5 สามารถกระจายความร้อนจาก CPU ได้อย่างรวดเร็ว เล่นเกมแล้วเครื่องไม่ร้อนเฟรมเรตไม่ตก และแบตเตอรี่ขนาด 4000 mAh ใช้งานได้เต็มวันแบบเหลือเฟือ (ถ้าเล่นเกมหนักก็ประมาณ 6 ชั่วโมง) และชาร์จเร็วเทคโนโลยี Vivo Energy Guardian FlashCharge 33W ช่วยจัดการพลังงาน
ข้อดี
- กล้องหน้าหลัก 44 MP โฟกัสได้ถึงดวงตา
- กล้องหน้าคู่ เก็บภาพเซลฟี่มุมกว้างได้
- เครื่องสวย สมาร์ตโฟน 5G บางที่สุดในโลก
- รองรับ 5G ในราคาประหยัด
ข้อเสีย
- หูฟังที่แถมมา 3.5 มม. ต้องใส่ตัวแปลง USB-C
- ไม่รองรับ microSD
สรุป
คำว่าสวยงาม บางเบา แต่ทรงประสิทธิภาพอยู่ในเครื่องเดียวกันได้ Vivo V20 Pro แสดงให้เห็นถึงความหรูหรู บางเบา น้ำหนักเบา แต่ก็ยังได้กล้องคุณภาพสูงทั้งในส่วนของกล้องหน้าคู่ และกล้องหลังที่ยอดเยี่ยม มีแบตเตอรี่อึดเพียงพอสำหรับการใช้งานทั้งวัน นอกจากนี้ยังทันสมัยด้วยการรองรับ 5G มาเลยจากโรงงาน ไม่ต้องรออัปเดต ไม่ต้องจ่ายแพง ส่วนที่อยากเน้นในรุ่นนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องวิดีโอ ที่จัดเต็มไปด้วยหลากหลายฟีเจอร์ เหมาะกับการเอาไปถ่าย Vlog และสาย YouTuber
หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial