ที่ผ่านมาเราอาจเคยได้ยินพวก Notebook หรือ Tablet ที่บางและเบากันไปแล้ว แต่วันนี้เราเลยนำเสนอมือถือบ้างดีกว่า งั้นต้องเป็นตัวนี้เลย Oppo Finder ที่มีความบางเพียง 6.65 mm เท่านั้น ซึ่งเจ้า Oppo ตัวนี้เป็นสมาร์ทโฟนที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ มาพร้อมกับสเปคที่ค่อนข้างสูง และได้เปิดตัวไปในงาน Bangkok International Motor Show 2012 ที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้เสียเวลาเอาเป็นว่าเราไปดูกันเลยดีกว่าครับ
ช้าก่อน !!! มี Firmware ใหม่มา
สำหรับคนที่จองในงาน Bangkok International Motor Show 2012 หรือจากเครื่องทดลอง 99 เครื่อง ที่ทาง Oppo ได้ปล่อยไป ในวันนี้ได้มี Firmware ตัวใหม่ออกมาแล้ว V.3.02_Th_120711 โดยสามารถดาวน์โหลดอัพเดทผ่าน OTA (อัพผ่านเครื่อง) หรือโหลดได้ที่ OppoThai ซึ่งรายละเอียดการแก้ไขปัญหาของ Firmware จะมีดังนี้ครับ
1. แก้ไข ผลการถ่ายภาพเรื่องการแสดงผลด้านสีที่เพี้ยนไม่มาตรฐานตามจริง
2. แก้ไข อาการค้างเมื่อเข้าใช้แอพพลิเคชั่น Instagram
3. แก้ไข อาการรีสตาร์ทขณะเข้าใช้แอพพลิเคชั่น Line
4. แก้ไข เมื่อเข้าใช้แอพพลิเคชั่น Photo Art (Take a Photo With Camera) (ที่ต้องใช้กล้องถ่ายรูปผ่านกล้องธรรมดา) เมื่อเปิดดูภาพในอัลบั้มโดยใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่นนี้ จะปรากฎเมนูและฟังก์ชั่นที่ไม่ปกติ
5. แก้ไข ปัญหาไอคอนลัดที่หน้า UI ของโฟล์เดอร์ที่ลบไปแล้วยังคงปรากฏอยู่ (ลบจากโฟลเดอร์การจัดการไฟล์)
6. แก้ไข ปัญหาหน้าต่างบราวเซอร์ที่ไม่ตอบสนองเมื่อคลิกเปิดหน้าต่างใหม่
7. แก้ไข ปัญหาการแสดงผลหน้าจอการสนทนาที่แสดงผลไม่ปกติเมื่อเป็นแนวตั้งของแอพพลิเคชั่น Google talk
8. แก้ไข ปัญหาการใช้โปรแกรม Gmail ในแนวตั้ง เมื่อหันหน้าจอมาใช้ในแนวนอน การแสดงผลหน้าจอไม่เป็นปกติ
9. แก้ไข ปัญหาการไม่สามารถค้นหารายชื่อผู้ติดต่อได้
10. แก้ไข ขณะอยู่ในสถานะล็อคหน้าจอ ไม่สามารถลากแถบสถานะลงมาได้
สเปค
• ซีพียู Qualcomm Snapdragon S3 ความเร็ว 1.5 GHz (Dual Core)
• แรม 1 GB
• หน้าจอ SUPER AMOLED ขนาด 4.3 นิ้ว ความละเอียด 800 x 480
• กระจกหน้าจอแบบ Gorilla Glass *แข็งแรงและทนต่อการขีดข่วน
• ความจุภายใน 16 GB *ไม่สามารถเพิ่ม Micro SD ได้
• กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 1.3 ล้านพิกเซล
• รองรับการถ่ายวีดิโอความละเอียดสูงสุดได้ระบบ 1080p
• สายเชื่อมต่อแบบ Micro USB 2.0
• ความจุแบตเตอร์รี่ 1,500 mAh
• รองรับทุกเครือข่าย 3G
• WiFi, GPS, Bluetooth
• ขนาดตัวเครื่อง ยาว 125.43 มม., กว้าง 66.18 มม., หนา 6.65 มม.
• น้ำหนัก 125 กรัม
• ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.03 (Ice Cream Sandwich)
อุปกรณ์ที่แถมมา
• Adapter
• สาย Micro USB
• หูฟัง (แบบ Micro USB)
Adapter สำหรับชาร์จไฟ มีขนาดกระทัดรัด คล้าย ๆ กับของค่ายผลไม้จ่ายไฟขนาด 5V ที่ 1000mA
สาย Micro USB ขาวเนียนสวยงาม คุณภาพอยู่ระดับกลาง ๆ ไม่ถึงกับดีมากแต่ก็ไม่ขี้เหร่อะไร
หูฟังเป็นแบบ Earbud สีขาวเนียนสวยงาม แอบเสียดายเล็กน้อยที่ไม่เป็นแบบ In ear เพราะหากคนชอบฟังเพลงจริง ๆ แล้วคงเสียอารมณ์ไปตาม ๆ กันเนื่องจากหาหูฟังเปลี่ยนยาก แต่จะเป็นเพราะอะไรเดี๋ยวผมจะกล่าวให้ฟังครับ
ตรงบริเวณปุ่มควบคุมก็เช่นเดียวกันมีแต่ปุ่มรับสาย แต่ดันไม่มีปุ่มสำหรับปรับเสียง (บางยี่ห้อก็เป็นแบบนี้) แต่ใจจริงแล้วอยากให้มันเกินดีกว่าที่มันขาด
เนื่องจากความบางเวอร์ ๆ ของมัน จึงทำให้หูฟังเป็นหัวแบบ Micro USB ทำให้ใช้ได้เฉพาะรุ่นเท่านั้น หากต้องการเอาหูฟังเทพ ๆ หรือหูฟังของอันอื่นมาใช้ล่ะก็ลืมไปได้เลย จึงมีทางเลือกอีกแค่สองทางคือ 1. ใช้ Bluetooth หรือ 2. หา Adapter สำหรับแปลงมาต่อ (อย่างหลังนี่อาจจะหาดี ๆ ยากหน่อยนะ)
ตัวเครื่องของ Oppo ทำมาจากอลูมิเนียม ดู ๆ แล้วเหมือนเป็นชิ้นเดียวกันทั้งเครื่องเลย มี Light Sensor ที่ปรับความสว่างหน้าจอได้อัตโนมัติ หน้าจอใช้เป็น Super Amoled (บ้างก็ว่าเป็น Super Amoled+) และหน้าจอยังเป็น Gorilla Glass ที่ป้องกันรอยขีดขวนได้ด้วย นับว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ สำหรับมือถือราคากลาง ๆ เช่นนี้
บางอย่างเดียวไม่พอต้องแรงด้วย
Oppo ตัวนี้มาพร้อมกับสเปคที่ค่อนข้างสูง ใช้ซีพียู 1.5 Ghz (Dual Core) แรม 1 GB และใช้หน้าจอ Super Amoled ที่ทำให้สีสันออกมาได้อย่างสวยสดใส พร้อมทั้งขนาดหน้าจอ 4.3 นิ้ว ที่ความละเอียด 800 x 480
ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำได้
สำหรับเจ้า Oppo ตัวนี้ไม่มีช่องสำหรับใส่ SD Card ได้ ส่วนตัวเลยถ้าตัวนี้สามารถใส่ Micro SD ได้ด้วย จะทำให้ Oppo ตัวนี้น่าสนใจมากขึ้นอีกที่เดียวเลย
ดีไซน์กล้องของ Oppo
กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED คู่ ยังมีช่องไมโครโฟนให้ด้วย ส่วนดีไซน์ของกล้องด้านหลังถูกออกแบบมาให้นูนออกมา อาจจะทำให้กล้องเป็นรอยได้ง่าย จึงต้องระวังกันเป็นพิเศษหน่อย
สำหรับเสียงที่ได้
ในตอนแรกคิดว่าเสียงที่ได้นั้นคงไม่ดังมาก เหมื่อนมือถือบางรุ่น แต่ไม่เป็นอย่างนั้นสิ เสียงดังทั่วห้องเลย เหมือนกับต่อลำโพงอีกที่ทีเดียว = =a
ช่องสำหรับใส่ Sim จะเป็นแบบ Micro SIM อันนี้เดิมทีใครใช้ iPhone อยู่สามารถเปลี่ยนมาใช้ได้เลย
ช่องที่เป็นแบบ Micro USB
ทำให้ Oppo Finder ต้องใช้หัวแบบ Micro USB เท่านั้นรวมไปถึงหูฟังด้วย อาจทำให้หาหูฟังได้ยากหน่อย แต่เป็นเพราะใช้เป็น Micro USB นั้นละ ทำให้เจ้า Oppo Finder บางได้ถึง 6.65 mm ได้
ดีไซน์ของ Oppo
คงไม่พูดถึงไม่ได้เลย สำหรับดีไซน์ ที่เป็นจุดเด่นของรุ่นนี้เลย สำหรับความบางของมัน ที่บางเพียงแค่ 6.65 มม. เท่านั้น และเพราะความบางทำให้ Oppo ดูแล้ว หรูหรา และน่าสนใจมากขึ้น และถึงแม้ว่าจะบางแล้ว ในการถือรู้สึกพอดีมือด้วย หลายคนที่เห็นแล้วยังรู้สึกชอบเลย 🙂 (ในความรู้สึกส่วนตัวชอบตั้งแต่เห็นกล่องละ ออกแบบได้สวยดี ^^)
สำหรับกล้องนั้น 8MP กล้องด้านหลังสามารถถ่ายเป็น HDR ได้ด้วย สามารถเลือกปิดเสียงชัตเตอร์ได้ ภาพที่ได้ออกมาชัตเตอร์ออกจะช้าไปนิด ต้องวางกล้องมือนิ่ง ๆ กันซักเล็กน้อย
โหมดถ่ายภาพพิเศษที่แถมมากับเครื่อง
และยังมีโหมดพิเศษที่มากับเครื่องด้วย ไม่ต้องไปโหลดเพิ่มเลย มีถ่ายแบบ Lomo ด้วยนะ คงถูกใจใครหลายคนเลย โดยเฉพาะคนที่ชอบถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งมีหลายโหมดให้เลือกถ่ายกันมากมายเลย ^^
ขนาดของตัวเครื่อง
ขนาดของ Oppo Finder 125.43 x 66.1 8 x 6.65 มม. ซึ่งตอนนี้ถือว่าบางที่สุดในโลกอยู่นะครับ แต่ในอนาคตนั้นก็ยังไม่แน่นะ แต่ในเรื่องของความบางนั้นก็ทำให้เจ้า Oppo Finder สามารถดึงดูดให้คนสนใจได้มากเลยที่เดียว
มาดูข้างในดีกว่า
Oppo Finder มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่น 4.03 (Ice Cream Sandwich)
การใช้งานต่าง ๆ
หน้าหลักมีมาให้หลายหน้า และสามารถปรับย้ายตำแหน่งไปมาได้ ส่วนการใช้งานนั้นไหลลื่นดี อยู่ระดับที่น่าพอใจครับ โดยทดสอบกับเกมส์ สามารถเล่นเกมส์ได้ ไม่กระตุกเท่าไหร่นั้น เพราะตัวเครื่องที่มีสเปคที่ค่อนข้างสูง
UI ในส่วนนี้สามารถเพิ่ม หน้าในการใช้งานได้ด้วยนะครับ เผื่อบางคนบอกว่าน้อยไป ^^
ลองทดสอบด้วย AnTuTu Benchmark ผลออกมาถือว่าดีเลย ได้ 6548 คะแนน
ลองทดสอบด้วย Quadrant Standard ได้ 3676 คะแนน
หมายเลขที่มีขนาดใหญ่ พร้อมกับฟอนต์ที่ดูทันสมัยและโฉบเฉี่ยว
คีย์บอร์ดของ Oppo
คีย์บอร์ดแบบ QWERTY ที่รองรับทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และมีระบบเดาคำศัพท์ให้ด้วยนะครับ แต่สำหรับผมคีย์บอร์ดมันเล็กไปหน่อย กว่าจะพิมพ์ได้ก็นานหน่อย ไม่รู้ว่านิ้วใหญ่หรืออะไร (จะกด “ส” แต่ไปโดน “ว”) แต่เพราะมีระบบที่เดาคำศัพท์ให้ ก็สะดวกดีนะ แต่บางครั้งมันก็ไม่ตรงกับที่เราจะพิมพ์ ==a
ซึ่งสำหรับ Android แล้วไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะเราสามารถที่จะเลือกโหลดคีย์บอร์ดเองได้ว่าจะใช้ของเจ้าไหน
Oppo Finder มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 4.03 (Ice Cream Sandwich) ใหม่ล่าสุดครับ
สามารถใช้บริการ และโหลดแอพผ่าน Google Play Store ได้สบายเลย
มาดู VDO รีวิว แกะกล่องบ้างดีกว่า
http://www.youtube.com/watch?v=5bGlgW7J4hM
ข้อดี
1. ตัวเครื่องบางเฉียบ
2. สเปคของเจ้า Oppo ที่แรงพอควร
3. ถ่าย VDO ได้แบบ Full HD 1080p
4. ดีไซน์
ข้อสังเกต
1. หูฟังที่เป็นแบบ Micro USB ทำให้ไม่สามารถใช้กับรุ่นอื่นที่เป็นแบบ 3.5 มม. ได้
2. ไม่สามารถใส่ SD Card ได้
3. ถอดแบตเตอรี่ไม่ได้
สรุป
โดยรวมแล้วถือว่าดีเลยที่เดียว โดนเฉพาะดีไซน์รูปลักษณ์ของตัวเครื่อง ที่มีความสวยงาม บวกกับสเปคที่ค่อยข้างแรงเลยที่เดียว ทำให้ เจ้า Oppo ตัวนี้เป็นอีกหนึ่งตัวที่น่านำมาครอบครอง อีกทั้งด้วยราคาที่ไม่แพงไป ทำให้ Oppo Finder (X9017) ตอบโจรย์การทำงานได้ดีเลยครับ ราคาเปิดตัวของ Oppo Finder (X9017) อยู่ที่ 14,990 บาท ส่วนปัญหาสำหรับบางคนอาจจะหงุดหงิดเล็กน้อย คือไม่สามารถใช้กับหูฟังอื่นได้ และก็เรื่องแบตเตอรี่ที่อาจจะหมดไว้ไปซักเล็กน้อย