ร้านบุฟเฟ่ต์ปัจจุบันเกิดขึ้นราวกับดอกเห็ด มีทั้งบนห้างและนอกห้าง (บางที่เป็นบ้านยังมี) สำหรับคนไทยที่ชอบความคุ้มค่าแล้ว นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดี แต่จะมีซักกี่ที่กล้าพอถึงขนาด เสริฟ์เบียร์และซีฟู๊ดอย่างไม่อั้น
เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมได้มีโอกาสเห็นโฆษณาบน Facebook ของร้านนี้ โดยมีคีย์เวิร์ดสั้น ๆ ว่า เบียร์ไม่อั้น กุ้งไม่อั้น (อันที่จริงจะไปตั้งแต่คำแรกแล้ว) เลยอยากลองเดินทางไปกินดู ค้นหาข้อมูลแล้วพบว่า เมาทะเล ซีฟู๊ดบุฟเฟ่ต์ อยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ ตรงข้ามอู่รถเมล์สาย 25 (ฝั่งแพรกษา)
รายละเอียดที่ควรรู้
- ราคาหัวละ 399 บาท (ราคารวมทุกอย่างแล้ว กระทั่งเบียร์!)
- เด็กสูงต่ำกว่า 110 ซม. ทานฟรี
- เด็กสูงไม่เกิน 140 ซม. ครึ่งราคา
- ร้านเปิดจอง 09.00 – 16.00 น.
- เปิดจอง 3 รอบ 17.00, 18.40 และ 20.20 น.
- ร้านเปิด 17.00-23.00 น.
ความประทับใจอย่างแรกเลยคือเรื่องราคา ด้วยนิสัยผมค่อนข้างเกลียดร้านที่ตั้งค่าหัวต่ำ ๆ แล้วไปชาร์จเอากับค่าน้ำแข็ง, ค่าเครื่องดื่ม, เติมถ่านก็คิดเงิน ไหนจะภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าบริการอีก (ทำไมไม่รวมทีเดียวให้เสร็จไปเลยฟะ!)
การเดินทางค่อนข้างลำบากนิดหน่อยคือรถติด เนื่องจากมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าอยู่ตลอดแนว โต๊ะที่นี่เป็นระบบแบบรอบไป (รอบละ 1 ชั่วโมงครึ่ง) หากคุณไปวันเสาร์-อาทิตย์แนะนำให้โทรไปจองก่อน ส่วนวันธรรมดาก็เดินทางไปได้เลย สำหรับเบอร์จองคือ 096-349-9349 หรือตามรายละเอียดในแฟนเพจ
อาหารที่นี่เน้นเป็นทะเลเกือบทั้งหมด (ขนาดผมแพ้กุ้งยังถ่อมากินปลาหมึกเลย) มีกุ้งเสริฟตลอด ไม่เล่นมุขตลกเหมือนบางร้านที่เสริฟเป็นรอบ ๆ แล้วปล่อยให้ของหมด ส่วนกั้งและปูก็มีครับ
นอกจากนี้ก็มีหอยหวาน, หอยแมลงภู่, หอยแครง น่าเสียดายที่หอยเชลล์วันที่ผมไปดันไม่มาส่ง ส่วนปลาหมึกก็มีหมึกกล้วยและหมึกเจาะ (ตอนไปเจอหมึกกล้วยตัวเกือบเท่าเตาย่างด้วย … ไม่รู้เอามาทำไม = =”)
สำหรับขนาดก็มีคละกันไปทั้งเล็กใหญ่ แต่พวกเล็กน่าเกลียดแบบร้านหมูกระทะบางร้านอันนี้ไม่มีครับ นอกจากนี้ก็มีเตานึ่งให้ด้วย (พึ่งรู้) สำหรับใครไม่อยากเสียเวลาย่าง ไม่งั้นย่างปูคงรอเป็นชาติกว่าจะสุก
สำหรับอาหารแก้เครียด (ขอใช้คำนี้แล้วกัน) ถือว่าน้อยกว่าที่ควรเป็นมาก ๆ มีเพียงแค่ไส้กรอกและหอยจ้อ นอกจากนี้ก็ยังมีเห็ดออริจินและเห็ดฟางสำหรับย่าง
แล้วก็มีข้าวผัดธรรมดา ๆ ให้เลือกตักกันสำหรับคนที่ขาดข้าวไม่ได้
เครื่องดื่ม
- เบียร์สิงห์สด
- เบียร์คาร์ลสเบิร์กสด
- เบียร์ลีโอขวด
- ชาเขียวขวด
- น้ำอัดลมขวด
- น้ำเปล่าขวด
ทั้งหมดฟรีทุกอย่างรวมทั้งน้ำแข็ง ส่วนคอเบียร์ก็มีแก้วเย็น ๆ แช่เอาไว้ให้ด้วยอันนี้ประทับใจ แต่ที่ไม่ประทับใจเหมือนจะเป็นเบียร์สดที่รสชาติแปลก ๆ ไม่ค่อยซ่าและเย็นสดชื่นเหมือนเวลาไปนั่งกินลานเบียร์ (อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน)
น้ำจิ้มรสชาติพอใช้ได้ มีทั้งหมดสองประเภท (ดังภาพ)
เรื่องไฟที่กังวล
ครั้งแรกที่มาถึงร้านบอกตามตรงว่าผมค่อนข้างห่วงเรื่องเตามาก เนื่องจากเป็นเตาขนาดเล็กที่ไม่ใหญ่มากนัก เวลาวางของย่างอาจไม่ทันกิน (เพราะต้องย่างเอง) แล้วถ้าไฟมันไม่ถึงนี่บอกเลยว่าหมดอารมณ์ได้เหมือนกัน แต่ไฟที่นี่ค่อนข้างแรงถ้าหากรู้สึกว่ามันเบาไป ก็สามารถเติมได้ตลอดเวลาฟรี
หากคุณโชคดีอาจได้กุ้งมีไข่มากินด้วย
กั้งตัวขนาดมีทั้งใหญ่และเล็ก เช่นเดียวกับกุ้งตรงที่ถ้าหากคุณโชคดีอาจได้เจอตัวมีไข่
ปัญหาและอุปสรรคที่พบ
เขียนยังกับรายงาน – -* อันที่จริงผมเป็นคนที่ไม่เคยย่างของทะเลกินเองเหมือนกัน ปัญหาที่พบก็จะเป็นเรื่องย่างที่ (ตู) ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะสุกเมื่อไหร่ ทำให้ดิบบ้างไหม้บ้าง (โดยเฉพาะหอย) แถมเวลาเพียงชั่วโมงครึ่งแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมานั่งจิบเบียร์แกะกุ้งกินชิว ๆ เหมือนอยู่ริมหาด
เหตุการณ์จริง
ย่างปลาหมึกไม่สุก ย่างกุ้งก็ไม่สุก … ส่วนหอยหวานย่างนานเกินไป เพื่อนจับหอยหวานอันใหม่ลง มั่วไปกันหมด พอย่างเสร็จก็ร้อนจับไม่ได้อีก (ฮา) หยิบเบียร์มาจิบก็จืดสนิทเพราะเตาร้อนจนน้ำแข็งละลาย (ตอนหลังแก้ปัญหาด้วยวางขวดเบียร์บนพื้นแทน) นอกจากนี้ด้วยความที่เป็นเตาธรรมดา ดังนั้นอาจมีร้อนเข้าหน้าบ้างตามทิศทางลมพัด ส่วนควันไม่ต้องพูดถึงกลับมาหัวเหม็นแน่นอน เพราะไม่มีเครื่องดูดควันแบบในห้าง
บรรยากาศร้านเป็นเพียงแค่ร้านเล็ก ๆ ติดริมถนน ไม่ได้กว้างใหญ่อะไรมากนัก มีเคาน์เตอร์เก็บเงินอยู่ตรงกลาง บรรยากาศสบาย ๆ พักงานดูแลได้ทั่วถึง เพราะเป็นร้านเล็กนั่นเองครับ
กลุ่มลูกค้าที่ไปกินเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและความสุข (ความจริงคือรูปตัวเอง) อ้อ … แล้วอีกเรื่องที่อยากจะบอกกับร้าน (ผมรู้นะว่าคุณอ่านอยู่) ก็เป็นเรื่องจานพลาสติกเล็ก ๆ ที่ใช้มันไม่ค่อยน่าทานเท่าไหร่ ไม่รู้ลูกค้าเอาไปใช้ท่าไหนหรือวางใกล้เตาอย่างไร เกือบทุกจากมีทั้งรอยไหม้และละลาย
หลังเสร็จกิจกรรมเรียบร้อย (ข้างหลังมีปูเสฉวนติดมาด้วย) อันที่จริงผมก็กินไปไม่ค่อยเยอะนะ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผมแพ้กุ้งกับปูก็เป็นได้ พอกินหอยกับปลาหมึกเยอะ ๆ ก็เริ่มเลี่ยนนิด อันที่จริงร้านน่าจะมีอาหารอื่นเป็นตัวเลือกมากกว่านี้ อาจเป็นเอ็นข้อไก่, แหนม, ต้มยำหรืออะไรก็ได้ที่เอาไว้แกล้มเบียร์ (ถ้ามีพวกปลาเผาด้วยน่าจะแจ่มเลย)
ความเห็นเรื่องน้ำอัดลมขวดหรือชาเขียวขวด ตรงนี้ลูกค้าสามารถเปิดหยิบในตู้เย็นได้เลย แต่บางคนก็กินหมดขวดตรงนี้ค่อนข้างน่าเสียดายเหมือนกัน (ขวดตั้งสิบกว่าบาท) เพราะมันเอามาวนเสริฟไม่ได้แล้ว หากร้านเปลี่ยนเป็นตู้โค้กแบบกดน่าจะได้รสชาติที่ดีกว่า รวมถึงอาจทำให้ประหยัดต้นทุนได้บ้าง (รึเปล่า?)
สุดท้ายถึงจะไม่หวังอะไรกับของว่าง แต่ก็ยังมีไอศครีมให้ได้ทานพอเป็นพิธี สำหรับผมแล้วไม่ได้กินหรอกไอศครีมเนื่องจากเวลาชั่วโมงครึ่ง มันไม่พอจริง ๆ สำหรับคนกินช้าอย่างผม (แถมยังย่างไม่เป็นอีก – -“)
สาดส่องกล้องไปเห็นเจ้าของร้านใช้ iPad ในการบริหารจัดการร้านด้วย Geek ใช่เล่นกันเลยทีเดียว
ว่าแล้วก็เรียกเก็บเงิน แต่ทางร้านค่อนข้างใจดีไม่คิดเงินเพิ่ม (เกินเวลาไปไม่กี่นาที) แต่หากใครอยากต่อเวลา 30 นาที ทางร้านก็คิดเพียงแค่ 120 บาท/คน เท่านั้น (ถ้าหารจากราคาแล้วควรจะตกครึ่งชั่วโมง 133 บาท) ซึ่งราคานี้ถือว่าค่อนข้างถูกพอสมควรเมื่อเทียบกับการเปิดโต๊ะใหม่
ค่าเสียหายทั้งหมด 1,197 บาท (3 คน) ก็ถือว่าโอเคสำหรับคนกินกุ้งและดื่มเบียร์
ปิดท้ายด้วยการขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก สอบถามเบื้องต้นพบว่าพี่เจ้าของร้านขาย Software ให้กับ Softlavu อยู่ (ก็อันที่แกใช้ลง iPad นั่นแหล่ะ) มาทดลองเปิดร้านเล็ก ๆ ซึ่งเท่าที่ดูก็เหมือนเป็นคนมุ่งมั่นและตั้งใจดี ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าคนที่เปิดร้านบุฟเฟ่ต์ที่ดีได้นี่ต้องเป็นคนใจถึงพอสมควร หากเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยคงยากที่จะได้ใจลูกค้า เหมือนกับคำขวัญของร้านนี้
บริการด้วยใจ กำไรคือรอยยิ้ม
สรุป
เป็นร้านบุฟเฟ่ต์ที่ราคาค่อนข้างถูก หากคุณเป็นคนชอบกินกุ้งชอบกินอาหารทะเล รวมถึงเป็นคนดื่มเบียร์ด้วยจะคุ้มมาก ๆ แต่สิ่งที่ต้องกังวลอาจเป็นเรื่องเวลาที่น้อยไปนิดจนอาจทำให้กินอย่างไม่เป็นสุข แต่ถ้าหากอยากลิ้มรสของอาหารและความสุขให้เต็มที่กินซักสองชั่วโมง 399 + 120 บาท รวมเป็น 519 บาท … ก็ยังไม่แพงนะ เมาทะเล ซีฟู๊ดบุฟเฟ่ต์