ช่วงนี้อาจจะไม่ค่อยเห็นผมรีวิวมือถือซักเท่าไหร่นัก เพราะว่าในปัจจุบันในตลาด Android มีเครื่องเยอะมาก ๆ ก็เลยตัดสินใจยากหน่อย แต่ในวันนี้ก็ตัดสินใจเลือก HTC One S ให้มาอยู่ในมือแล้ว สุดท้ายผลจะเป็นอย่างไรคงต้องติดตามกันต่อไป (ขอรีวิวตามภาษาคนใช้งานทั่วไปนะครับ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ Android ดังนั้นเรามาคุยกันแบบบ้าน ๆ ก็แล้วกัน)
รายละเอียดผลิตภัณฑ์โดยผู้ผลิต : http://www.htc.com/th/smartphones/htc-one-s/
มาดูรีวิวแกะกล่องกันเลยดีกว่า
http://www.youtube.com/watch?v=H6CaKGroxYQ
ต้องขออภัยด้วยนะครับ หาก VDO อาจจะสั่นหรือว่าเสียงเบาไปนิด ถ้าหากไม่ชอบรอโหลดแนะนำมาเรามาดูรีวิวแบบเป็นภาพพร้อมบทวิจารณ์ของ iReview.in.th กันดีกว่า
หากพูดถึง HTC One S แล้วกระแสเบื้องต้นนั้นมาแรงมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่นจองบวกเงินอีกนิดหน่อย ได้หูฟัง Beats Solo (ขายเป็นคู่ราคา 21,900 บาท มีจำนวนจำกัด) และอีกอย่างถึงสเปคของมันจะเป็นรองรุ่นพี่อย่าง HTC One X แต่เนื่องจากราคาของมันที่ต่ำลงมา บวกกับได้ CPU ตัวใหม่ Snapdragon S4 ก็ยิ่งทำให้กระแสดีขึ้นไปอีก (ถึงแม้สุดท้ายจะได้แค่ Snapdragon S3 ก็ตาม)
อ้อ … ลืมบอกไปกล่องของ HTC One ทุกรุ่น (ไม่แน่ใจว่ารุ่นอื่นด้วยไหม) ทำจากกระดาษทดแทนวัสดุเดิม 99% สามารถ Recycle ได้ 100% เชียวนะ
ที่ชาร์จของ HTC เข้าใจว่าพักหลัง ๆ จะทำมาเหมือน ๆ กันหมดนะครับ ใหญ่ไปนิดนึงโดยส่วนตัวแล้วอย่างให้มันเล็กกว่านี้อีกนิดนึง
สาย Micro USB มาตรฐาน งานประกับตามมาตรฐาน HTC สายค่อนข้างเหนียวและแข็งแรง
หูฟังของ HTC One S เป็นอีกเรื่องที่ค่อนข้างขัดใจผม ดันเป็นหูฟังแบบ Earbud ธรรมดา ๆ แทนที่จะเป็นแบบ Inear ให้มันดูมีราคาหน่อย สมราคาหน่อย เพราะตัวเครื่องเองไหน ๆ ก็มีระบบ Beatsaudio ฝังมาแล้ว
อุปกรณ์ที่แถมมาในกล่องมาตรฐานปกติทั่ว ๆ ไป ทุกอย่างโอเคครับขัดใจก็แต่เรื่องหูฟังเนี่ยแหล่ะ (รู้งี้จองล่วงหน้าดีกว่าได้หูฟัง Beats Solo ด้วย)
ดีไซน์ด้านหน้ามาพร้อมกับหน้าจอ 4.3″ สำหรับความละเอียดจะอยู่ที่ qHD หรือ 540 x 960 พิกเซล (256 ppi) มาพร้อมกับ CPU Dual Core 1.7 GHz และ RAM 1GB หน่วยความจำในเครื่อง 16GB (เพิ่มเมมไม่ได้) หน้าจอแสดงผลใช้เทคโนโลยี Super AMOLED ทำให้แสดงสีดำได้สนิทและให้สีที่สดใสกว่าปกติเล็กน้อย และทาง HTC ยังเลือกใช้กระจก Gorilla Glass ทำให้ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดีกว่ากระจกชนิดอื่น
ด้านหลัง HTC ยังคงเป็นดีไซน์เรียบ ๆ ทำจากพลาสติก (แต่ถึงทำจากพลาสติกก็ทำให้มันดูดีได้ด้วยนะ) กล้องหน้าความละเอียด VGA และกล้องหลังความละเอียด 8MP (เปิดรูรับแสงได้ถึง F2 เลยนะ) สามารถถ่าย VDO ที่ความละเอียด 1080p
ระบบเสียง Beats Audio ภายใน (ต้องเสียบหูฟังเท่านั้น) ให้พลังเสียงที่คมชัดสมจริง เหมาะสำหรับคนที่มีดนตรีในหัวใจ
ด้านข้างเป็นพอร์ทสำหรับเสียบ Micro USB แบบเปิดโล่ง ๆ
ด้านข้างเป็นปุ่มสำหรับใช้ปรับเสียง เป็นแถบค่อนข้างยาว กดได้สบายมือ ดูขอบการโค้งของมันสิครับ เป็นอะไรที่ลงตัวเอามาก ๆ สำหรับการออกแบบ
ด้านหัวเครื่องมีไมค์ตัวที่ 2 สำหรับใช้ถ่าย VDO (ไม่แน่ใจว่ามันทำงานร่วมกับไมค์ตัวที่ 1 เพื่อตัดเสียงรบกวนแบบ iPhone ด้วยมั้ย) และนอกนั้นก็เป็นช่องสำหรับเสียบหูฟังและปุ่มปิดเครื่องครับ
ดีไซน์ภายในดูส่วนงาม ตรงด้านหัวดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่ส่วนเดียวที่สามารถแกะออกได้ ใช้ใส่ซิมแบบ Micro (แบบเดียวกับ iPhone, iPad)
HTC One S มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 4.0.3 Ice Cream Sandwich และอินเตอร์เฟส (User Interface) HTC Sense 4.0 พร้อมพื้นที่ Dropbox ฟรี 25GB นาน 24 เดือน (คุ้มค่าจริง ๆ ครับสำหรับคนใช้ Dropbox เยอะ ๆ)
ตัวนี้ยังมาพร้อมกับ Bluetooth 4.0 ด้วยนะ ซึ่งได้เรื่องประหยัดพลังงานไปมาก เปิดทิ้งไว้ยังให้ความรู้สึกไม่ค่อยต่างเลย (ข้อมูลใน LAB บอกว่าแบตเตอรี่ 1 ก้อนเปิด Bluetooth 4.0 ไว้ได้นานถึง 1 ปี) อีกทั้งยังมีระยะส่งที่ไกลกว่าเดิมอีกเล็กน้อย
HTC Sense 4.0 ใช้งานได้ลื่นและน่าสนใจกว่าเดิมเยอะมาก หากใครได้ลองใช้งานแล้วน่าจะชอบ อย่าลืมว่าการที่เราซื้อ HTC เราไม่ได้ซื้อแค่เครื่องหรือสเปคของมัน แต่เรายังได้ซื้อ HTC Sense 4.0 ที่ค่อยอื่นไม่มีอีกด้วย
ความหนาของเครื่องถือว่าบางมาก ขนาดอยู่ที่ 130.9 x 65 x 7.8 มิลลิเมตร เท่านั้นเอง ส่วนน้ำหนักก็เบาไม่แพ้กันอยู่ที่ 119 กรัม ส่วนตัวคิดว่ามันเป็นมือถือที่จอค่อนข้างใหญ่ น้ำหนักเบาและรู้สึกได้เลยว่ามันบางมาก
HTC Sense 4.0 ช่วยให้เราสามารถดูสภาวะอากาศได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่จะทำตารางนัดหมายกิจกรรมต่าง ๆ ตรงนี้กราฟิกสวยดีครับ พวกฝนตกหรือฟ้าผ่าอะไรก็ให้อารมณ์ดีมาก
สามารถเล่นไฟล์ 1080P ได้อย่างสบายและไม่มีสะดุด (ถึงแม้ว่าหน้าจอมันจะแสดงได้แค่ 540 x 960 พิกเซล ก็เถอะ)
ด้วยความที่มันใช้เทคโนโลยี Super AMOLED ทำให้แสดงสีดำได้สนิทและให้สีที่สดใสกว่าปกติเล็กน้อย เหมาะกับการรับชมภาพยนตร์เป็นอย่างยิ่ง
ข่าวดีสำหรับคนที่ใช้ Dropbox เป็นประจำหากได้ซื้อ HTC One S แล้วก็รับพื้นที่ไปใช้เลยฟรี ๆ ถึง 25GB เป็นระยะเวลาถึง 24 เดือนด้วยกัน
มีโปรแกรมสำหรับจัดการในเครื่องมาเลย ช่วยให้เราสามารถดูได้ว่า App ตัวไหนกิน RAM แค่ไหน จะได้เลือกปิดหรือเลือกลบได้
อีกเรื่องก็คือตัวนี้สามารถฟัง FM ได้ด้วยนะ (ถือว่าเป็นเทคโนโลยีมหัศจรรย์อย่างยิ่ง สำหรับคนที่เคยใช้ iPhone อย่างผมมา) ค่อยฟังเพลงได้อย่างสบาย ๆ หน่อย
การปรับแต่งเสียงโดย Beats Audio ช่วยให้เสียงดีขึ้นเยอะ แต่โหมดนี้ใช้ได้ก็ต่อเมื่อเสียบหูฟังเท่านั้นนะ (หูฟังอะไรก็ได้) โทนเสียงที่ได้ค่อนข้างชัดเจนครับ ให้เสียงที่ใสขึ้นและโปร่งสบายขึ้น อันนี้ต้องลองฟังเองครับอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน
จุดเด่นไม้ตายของ HTC One ทุกรุ่นอยู่ที่กล้องครับ สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องกันได้ถึง 99 ภาพด้วยกัน ทำให้ไม่พลาดช่วงเวลาสำคัญ ๆ อารมณ์ประมาณว่าถ่ายก่อน ค่อยเลือกเอาทีหลัง ส่วนวิธีใช้ก็ง่ายมากแค่กดชัตเตอร์ค้างไว้จากนั้นมันก็จะเริ่มถ่ายรัวแล้วล่ะครับ หรือจะถ่าย VDO ไปแล้วก็ถ่ายภาพไปก็ยังได้ (ชัตเตอร์มันไวมากจริง ๆ) เท่านั้นยังไม่พอยังมีฟิลเตอร์อีกมากมายฝังมาในเครื่องอีกด้วย ช่วยให้การถ่ายภาพสนุกขึ้นเยอะเลย (ดูจากภาพด้านบนได้)
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก HTC One S
การถ่ายภาพทำออกมาได้ค่อนข้างดีครับ โดยเฉพาะการถ่ายใกล้ เรื่องสีอาจจะไม่สดเวอร์ซักเท่าไหร่ แต่ความเร็วชัตเตอร์นั้นไม่เป็นรองใครเลยครับ สามารถถ่ายได้รวดเร็วมาก ๆ แถมยังถ่ายต่อเนื่องได้อีกด้วย
ข้อดี
1. งานประกอบดี ดีไซน์สวยมากถึงมากที่สุด
2. กล้องชัตเตอร์ไว สามารถถ่ายได้เร็วและต่อเนื่อง
3. หน้าจอเป็น Super AMOLED และใช้กระจก Gorilla Glass
4. ระบบเสียง Beats Audio
5. มาพร้อมกับ Android 4.0 Ice Cream Sandwich
ข้อสังเกต
1. ตัวเครื่องค่อนข้างอุ่นเกือบตลอดเวลา และร้อนเป็นบางครั้ง
2. หูฟังที่แถมมาเป็น Earbud ไม่ค่อยสมราคาเท่าไหร่นัก
3. เพิ่ม Micro SD ไม่ได้
4. ถอดแบตเตอรี่ไม่ได้
สรุป
เป็นเครื่องที่ดีนะครับเมื่อสรุปโดยรวม ๆ แล้ว กระแสก็ดีมากเพียงแต่หลายคนผิดหวังที่เปลี่ยนจาก Snapdragon S4 เป็น Snapdragon S3 ซึ่งบางคนไม่ค่อยมั่นใจเรื่องประสิทธิภาพซักเท่าไหร่ (หลายคนอยากเล่น CPU ตัวใหม่) แต่เรื่องประสิทธิภาพทาง HTC รวมถึงหลายสำนักต่างก็มายืนยันกันแล้วว่า ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่นักในเรื่องความแรง เพราะทาง HTC ก็ได้ให้ Snapdragon S3 รุ่นที่เป็น 1.7Ghz Dual Core มา จะคงมีก็แต่เรื่องพลังงานเท่านั้นที่ Snapdragon S4 อาจจะทำได้ดีกว่า นอกนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้อ่านเองแล้วล่ะครับว่าทำใจซื้อได้ไหม?