การทำงานของเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Hoover ONEPWR Blade MAX จะแตกต่างจาก Hoover ONEPWR FloorMate JET ที่ทำงานคล้ายไม้ถูพื้นไฟฟ้า ตรงที่รุ่นนี้จะทำการดูดฝุ่นได้เพียงอย่างเดียว แลกกับขนาดที่เล็กลงและน้ำหนักที่เบาขึ้น รวมถึงราคาที่ถูกกว่าเดิมหลายพันบาท โดยมีจุดเด่นอยู่ตรงที่ใช้งานได้ 45 นาท และดักจับดักจับฝุ่นและอนุภาคขนาดเล็กได้ 99.4% โดยไม่สูญเสียพลังการดูด

Hoover แบรนด์ดังจากอเมริกา

หากเป็นคนรุ่นใหม่อาจไม่ค่อยคุ้นหูแบรนด์ Hoover สักเท่าไหร่เพราะเขาไม่ได้ทำตลาดบ้านเรามานานมาก ซึ่งคนรุ่นใหม่น่าจะคุ้นเรื่องเครื่องดูดฝุ่น Hi-End จากแบรนด์ Dyson มากกว่า แต่ความจริงแล้วแบรนด์ Hoover หากไปคุยกับคนมีอายุหน่อย (หรือไปอยู่ต่างประเทศมา) ก็จะคุ้นกับแบรนด์นี้เป็นอย่างดี ในฐานะแบรนด์อเมริกาที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี ในเรื่องของเครื่องดูดฝุ่นและอุปกรณ์ทำความสะอาด

HOOVER (ฮูเวอร์) เป็นสินค้าคุณภาพสูงสัญชาติอเมริกัน

ส่วนตัวผู้เขียนรีวิวเองชอบบริษัทที่ทำอะไรเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน อย่างทาง Hoover เองก็ทำแต่พวกเครื่องทำความสะอาดประเภทดูดและเป่า (เครื่องดูดฝุ่น) จนมีผลิตภัณฑ์เฉพาะด้านอย่างเชี่ยวชาญ มันดูเป็นแบรนด์ที่น่าสนใจมากกว่าการทำเครื่องใช้ไฟฟ้าสารพัดชนิด และยิ่งเป็นแบรนด์อายุหลักร้อยปี แถมยังเป็นแบรนด์เครื่องดูดฝุ่นรายของสหรัฐอเมริกาอีก ทำให้ยิ่งดูน่าค้นหามากกว่าเป็นไหน ๆ และวันนี้เรามารีวิวกัน

แกะกล่องออกมาเลยก็พบอุปกรณ์หลายอย่างด้วยกัน ซึ่งก็เป็นมาตรฐานขั้นต่ำไปแล้วสำหรับเครื่องดูดฝุ่นไร้สายหรือเครื่องดูดฝุ่นมือจับ ที่จำเป็นต้องมาหัวแปรงที่หลากหลายในการใช้งานที่แตกต่างกัน หากคุณซื้อเครื่องดูดฝุ่นมีสายมาผมคงไม่ค่อยมีอะไรแนะนำมากนัก แต่สำหรับเครื่องดูดฝุ่นไร้สายจะสำคัญกว่าตรงที่ “แบตเตอรี่” และ “ระบบการดูด” ซึ่งถ้าหากเป็นแบรนด์โนเนมหรือทำได้ไม่ดีพอแรงดูดจะไม่ได้

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • ONEPWR 4.0 Ah Lithium-Ion Battery : แบตเตอรี่ (*สำหรับรุ่นที่มีแบตเตอรี่)
  • ONEPWR Charger : แท่นชาร์จแบตเตอรี่ (*สำหรับรุ่นที่มีแบตเตอรี่)
  • Wall Mount : ชุดฝังผนัง
  • Dusting Brush : แปรงปัดฝุ่น
  • Crevice Tool : หัวดูดซอกซอน
  • Upholstery Tool : หัวดูดเบาะ
  • Multi-Surface Brush Roll : ม้วนแปรงหลายพื้นผิว
  • Microfiber Hard Floor Nozzle : หัวไมโครไฟเบอร์สำหรับพื้น
  • Motorized Pet Tool : ม้วนแปรงมอเตอร์สำหรับสัตว์เลี้ยง

Microfiber Hard Floor Nozzle

หัวไมโครไฟเบอร์สำหรับพื้น อันนี้เป็นหัวแปรงพระเอกของเราเลย เป็นหัวแปรงที่ใช้บ่อยมากเพราะเป็นหัวสำหรับดูดพื้น อันนี้ออกแบบมาเพื่อพื้นทุกรูปแบบเลยทีเดียว ดูเบื้องต้นอาจจะคิดว่าหัวเล็ก แต่หากเทียบกับแบรนด์อื่นแล้ว Hoover เรียงเส้นขนแปรงได้ถึงสุดขอบ ให้พื้นที่ทำความสะอาดได้เยอะ ในขณะที่มีหัวแปรงไม่ใหญ่จนเกินไป ส่วนวิธีแกะทำความสะอาดก็ไม่ยาก แต่ต้องมีเหรียญในการช่วยขันออก

Motorized Pet Tool

ม้วนแปรงมอเตอร์สำหรับสัตว์เลี้ยง มีมอเตอร์สำหรับหมุนแปรงเช่นเดียวกับหัวไมโครไฟเบอร์สำหรับพื้น (อันก่อนหน้า) โดยหัวอันนี้จะมีขนาดเล็กลง และมีชนิดขนแปรงแบบแข็งแทนที่จะเป็นไมโครไฟเบอร์ เหตุผลก็คือช่วยในการปัดขนสัตว์เลี้ยงทั้งแบบสั้นและแบบยาว ออกจากเฟอร์นิเจอร์และพรมของเรา เมื่อผสมแรงปัดเข้ากับแรงดูดจึงทำให้การทำความสะอาดเป็นเรื่องง่าย อันนี้คนเลี้ยงหมาและแมวควรมี

Dusting Brush

แปรงปัดฝุ่น ความหมายตรงตัวเลยก็คือแปรงปัดฝุ่น เป็นแบบไม่มีมอเตอร์อะไรทั้งสิ้น จึงสามารถล้างทำความสะอาดได้ทั้งชิ้น ขนแปรงเป็นแบบแข็งและมีขนาดยาว หลักการทำงานก็คือปัดฝุ่นบริเวณวัตถุหรือเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการ จากนั้นฝุ่นจะหลุดจากพื้นผิวทำให้การดูดฝุ่นนั้นง่ายขึ้น (เป็นหลักพื้นฐานของเครื่องดูดฝุ่นทั่วไป) อันนี้แอบเสียดายเล็กน้อยตรงที่มีเขามีแต่ข้อตรงไม่มีข้องอแถมมาให้

Upholstery Tool

หัวดูดเบาะ ตัวนี้ก็ไม่มีมอเตอร์เช่นกัน สามารถล้างได้ทั้งชิ้นโดยไม่ต้องกังวล การทำงานก็เอาไว้ดูดทำความสะอาดเบาะ ทั้งในแบบเบาะหนังและเบาะผ้า รวมถึงโซฟาและเตียงนอนของเรา หัวนี้ออกแบบมาให้มีแรงดูดสูง ในขณะที่เราก็ยังสามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งไปมาได้ ใช้วิธีปาดเป็นแนวตั้งเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง เบาะของเราก็จะออกมาสะอาดเอี่ยม แต่ถ้าต้องการเข้าถึงซอกมุมก็ต้องเปลี่ยนเป็นหัวอีกแบบ

Crevice Tool

หัวดูดซอกซอน มีไว้ในกรณีที่ต้องการดูดซอกลึก ๆ ไม่ว่าจะเป็นซอกเบาะหรือโซฟาก็ดี คือมันก็เป็นท่อตรงธรรมดา ข้อดีก็คือเข้าลึกกว่าหัวประเภทอื่น แล้วก็ให้แรงดูดที่สูงเพราะเนื่องจากมีพื้นที่หน้าตัดน้อยนั่นเอง

Extension Tube

ท่อต่อเพิ่มความยาว หากความยาวในการใช้งานไม่เพียงพอ (ซึ่งแน่ล่ะ … มันไม่พอถึงพื้นหรอก) ก็สามารถเสียบเพื่อเพิ่มความยาวได้ วัสดุและงานประกอบค่อนข้างดีเลยทีเดียว ตัวข้อต่อใช้งานง่ายและแน่นหนาดี และเทคนิคที่ Hoover ออกแบบให้สามารถต่อท่อยาว โดยแทบไม่สูญเสียแรงดูด เนื่องจากมีการออกแบบกระแสลมให้วิ่งทางตรงมากที่สุด และมีมอเตอร์อยู่ด้านหน้าจึงให้แรงดูดมากกว่า

Wall Mount

อุปกรณ์ฝังผนังเพื่อความสะดวกในการจัดเก็บ แนะนำให้ติดโชว์เอาไว้ในบ้านได้เลย ไม่ต้องเอาไปซ่อนเหมือนไม้กวาด เพราะว่าตัวอุปกรณ์เองก็มีหน้าตาที่ดูดีประมาณนึง สามารถแขวนโชว์ในห้องรับแขกได้แบบไม่อายใคร

ถังเก็บฝุ่นสามารถถอดง่ายโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วย มีการออกแบบมอเตอร์เป็นแบบแนวนอนโดย Hoover โฆษณาว่าให้แรงดูดที่มากกว่า และมีการใช้เทคโนโลยี Dual Cyclonic DustVault หากเทียบกับเครื่องดูดฝุ่นไร้สายทั่วไปจะมี Cyclone เพียงแค่อันเดียว แต่เทคโนโลยีนี้มีการเพิ่ม Cyclone ที่ถังเก็บช่วยเสริมแรงโดยไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ ดักจับสิ่งสกปรกและอนุภาคฝุ่นได้สูง 99.4%

หลังจากติดตั้งมอเตอร์ไปแล้วเราลองพลิกกลับมาดูด้านบนกันบ้าง ข้างบนจะเป็นช่องสำหรับใส่ฟิลเตอร์กรองอากาศ เพื่อให้อากาศที่ออกมานั้นสะอาดและฝุ่นไม่กระจาย ตรงนี้สามารถถอดล้างทำความสะอาดผ่านน้ำไหลได้ปกติ ส่วนอายุการใช้งานของฟิลเตอร์ตามสเปกอยู่ที่ประมาณ 6 เดือน (ขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วย) แต่อะไหล่ไม่ต้องห่วง สามารถหาซื้อเพิ่มเติมจากตัวแทนจำหน่ายได้ตลอด

ถังเก็บฝุ่นอันนี้สามารถกดเพื่อเทฝุ่นออกทางแนวดิ่งได้เลย ไม่จำเป็นต้องถอดหรือแกะอะไรให้เลอะมืออีก อันนี้ก็สะดวกดีเวลาใช้งาน แต่มีข้อจำกัดอยู่ตรงที่เวลาเทจำเป็นต้องถอดออกจากเครื่อง ไม่งั้นหากต่อท่อหรือหัวแปรงดูด จะทำได้ด้วยความยากลำบากมาก ส่วนการถอดเครื่องออกมาล้างทำความสะอาด สามารถทำได้โดยจะมีกระบวนการเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย ทั้งนี้ไม่ต้องทำความสะอาดบ่อยก็ได้

ที่ต้องชมคือข้อล็อคเวลาต่ออุปกรณ์ทำได้ง่ายดาย ประกอบเสร็จแล้วรู้สึกแน่นหนาดี

จากนั้นก็ใส่แบตเตอรี่ด้านท้ายของตัวเครื่อง ด้วยจุดเด่นของ “ONEPWR” ที่มีอยู่ในแบรนด์ Hoover ทำให้สามารถใช้แบตเตอรี่ร่วมกันได้ เราสามารถเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่เพื่อระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนานกว่า (แลกกับน้ำหนักและราคาที่สูงขึ้น) หรือจะซื้อแบตเตอรี่เพียงก้อนเดียวเพื่อแชร์กันใช้ทุกอุปกรณ์ และข้อดีอีกอย่างคือในอนาคตหากแบตเตอรี่เสื่อมก็แค่ซื้อก้อนใหม่มาแทน ไม่ต้องเข้าหาศูนย์บริการ

หากใครเคยซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าบ่อย ๆ จะทราบดีกว่าถึงแม้ตัวเครื่องจะรับประกัน 1 ปี แต่แบตเตอรี่จะมีเงื่อนไขรับประกันเพียงแค่ 6 เดือน (หรือเต็มที่ก็ 1 ปี) แต่สำหรับแบรนด์ Hoover หากซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ รับประกันแบตเตอรี่ 2 ปี อันนี้เป็นความคุ้มค่ามาก ๆ อย่างหนึ่ง ส่วนตัวแบตเตอรี่ก็มีลูกเล่นให้เล็กน้อยคือสามารถกดปุ่มด้านหลัง เพื่อเช็คประมาณแบตเตอรี่คงเหลือได้ด้วย

รีวิวทดสอบใช้งานจริง

ตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย สามารถใช้งานได้ทั้งเด็กและผู้สูงอายุ มีแค่ปุ่มเดียวในการเปิดและปิดเครื่อง ส่วนเครื่องหมายถัดไปที่เป็นสัญลักษณ์ “วนลูป” อันนี้จะเป็นการเปิดโหมดหมุนหัวแปรง ในกรณีที่ใส่แปรงแบบมีมอเตอร์ และปุ่มสัญลักษณ์ “บวก” เอาไว้เปิดโหมดประสิทธิภาพสูงสุด (Boost Mode) เพื่อแรงดูดที่มากเป็นพิเศษสำหรับจุดที่สกปรกมาก แลกกับระยะเวลาการใช้งานลดลง

เพื่อการทดสอบที่เข้มข้นทีมงานถึงกับปิดบ้านร้างไว้สิบปีเพื่อทดสอบ (ไม่ใช่ละ) อันนี้ลองเอาฝุ่นผงในบ้านที่ใกล้เคียงที่สุดมาทดสอบ บางคนมีความเชื่อว่าเครื่องดูดฝุ่นไร้สายจะไม่แรง อันนี้ไม่เป็นความจริงเลยเพราะ Hoover ออกแบบมอเตอร์มาได้ดีมาก และเป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่แรงสุด มาพร้อมกับระบบ Dual Cyclone ให้แรงดูดสูงสุด 12,500 PA (Boost Mode) แรงสะใจมากแน่นอน

ฝุ่นทั้งหมดจะถูกเก็บอยู่ในถังเก็บฝุ่น มีลมระบายออกมาบ้างพอสมควร (เนื่องจากเป็นการดูดอากาศเข้าไป) แต่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะฟุ้งกระจายเพราะว่า Hoover มีฟิลเตอร์กรองฝุ่นไว้หลายชั้น ดังนั้นอากาศที่พ่นออกมาก็จะเป็นเพียงอากาศที่สะอาด

การใช้งานจุดเด่นคือไม่มีสายเกะกะ น้ำหนักเบา (3.6 กก.) และยิ่งหากเทียบกับ Hoover ONEPWR FloorMate JET (5.1 กก.) กลายเป็นว่าเครื่องนี้ใช้งานมือเดียวได้สบาย ไม่มีสายลากให้เกะกะจึงไม่อันตรายต่อเด็กและสัตว์เลี้ยง เสียงระหว่างการใช้งานเนื่องจากผู้รีวิวไม่มีอุปกรณ์วัดค่า แต่สัมผัสได้ว่าเสียงเงียบพอที่จะไม่รบกวนการดูภาพยนตร์และกิจกรรมของสมาชิกในบ้าน

การใช้งานจริงก็เป็นไปตามหัวแปรงแต่ละลักษณะงาน มีเพียงแค่สองหัวแปรงที่มีมอเตอร์ในตัวคือ Microfiber Hard Floor Nozzle และ Motorized Pet Tool โดยตัวแรกมีความประทับใจพิเศษคือ “ไฟส่องสว่าง LED” ที่เราไม่อาจได้พบเจอบ่อย สำหรับเครื่องดูดฝุ่นไร้สายหรือเครื่องดูดฝุ่นแบบด้ามจับในตลาด ส่วนการทำความสะอาดก็ไม่มีอะไรซับซ้อนพิเศษ จึงขอข้ามตรงจุดนี้ไปก็แล้วกันครับ

สุดท้ายเมื่อทำความสะอาดเสร็จแล้วก็เพียงแค่กดปุ่ม เพื่อให้ฝาเด้งออกมาตรงถังขยะ ด้วยขนาดของถังเก็บฝุ่นขนาด 0.6 ลิตร อยู่ในระดับพอดีคือไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป โดยผู้รีวิวใช้ทำความสะอาดห้องขนาดเล็กสักประมาณ 2-3 ครั้ง ค่อยเทฝุ่นออกก็ยังได้ ส่วนการทำความสะอาดครั้งใหญ่ อย่างการถอดทุกชิ้นออกมาล้าง ก็ใช้เวลาแค่ประมาณเดือนละครั้งก็เพียงพอ เพราะมันแทบไม่มีอะไรให้ตัน

คุ้มมั้ย ? ซื้อดีเปล่า ? สุดท้ายนี้ก็มาพูดกันในเรื่องราคา Hoover ONEPWR Blade MAX โดยจะแบ่งออกเป็นสองรุ่นด้วยกันแบบมีแบตเตอรี่ 18,900 บาท ส่วนรุ่นไม่มีแบตเตอรี่ 15,900 บาท (เหมาะกับคนที่มีอุปกรณ์ Hoover ONEPWR ตัวอื่นอยู่แล้ว) จะว่าราคาค่อนข้างสูงเลยก็ว่าได้ แต่แลกกับการซื้อเครื่องดูดฝุ่นแบรนด์ระดับโลก ที่เอามาแล้วใช้งานได้จริงไม่ใช่ของเล่นก็ถือว่าคุ้มอยู่

ข้อดี

  1. เครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่ทรงพลังที่สุดของ Hoover
  2. ดักจับฝุ่นและอนุภาคขนาดเล็กได้ 99.4% โดยไม่สูญเสียแรงดูด
  3. น้ำหนักเบา ใช้งานมือเดียวได้ เคลื่อนย้ายสะดวก
  4. แบตเตอรี่ใช้ร่วมกับอุปกรณ์อื่นได้
  5. รับประกันแบตเตอรี่ 2 ปี

ข้อเสีย

  1. เวลาเทฝุ่นต้องเอียงเครื่องด้านข้าง หรือถอดจากเครื่อง
  2. เสียบชาร์จตรงไม่ได้ ต้องถอดแบตเตอรี่

สรุป

ให้คะแนนเต็ม Hoover ONEPWR Blade MAX ในเรื่องของการทำความสะอาด และแอบแถมคะแนนในเรื่องหน้าตาให้อีกเล็กน้อย สามารถเปลี่ยนการดูดฝุ่นที่แสนน่าเบื่อให้กลายเป็นเรื่องง่าย คุณภาพในการใช้งานถือว่า “ดีกว่า” เครื่องดูดฝุ่นไร้สายราคาหลักพันในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัสดุและงานประกอบก็ดี ระยะเวลาใช้งานก็ดี แบตเตอรี่เองก็ดี จ่ายแพงหน่อยแต่ไม่ผิดหวัง

สำหรับใครที่สนใจ Hoover ONEPWR Blade MAX ราคาอยู่ที่ 15,900 บาท (เครื่องเปล่า) และ 18,900 บาท (เครื่องพร้อมแบตเตอรี่) สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ผ่าน Shopee หรือหากใครสนใจจะไปดูผ่านเว็บไซต์ AllAboutBotStore.com ก็ได้เหมือนกัน แต่ส่วนตัวผู้เขียนชอบซื้อผ่าน Shopee มากกว่า เพราะมีโค้ดส่วนลดเยอะตามเทศกาล และก็มีความสะดวกในการสั่งซื้อดี ส่วนการรับประกันก็ไม่ได้แตกต่างกัน

หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial