Honor 10 Lite เปิดตัวในราคาช็อควงการเพียงแค่ 6,490 บาท แต่ได้กล้องหน้าระดับตัว TOP ของวงการด้วยความละเอียด 24 MP นอกจากนี้ยังมี AI ช่วยในการถ่ายภาพ แบบเดียวกับที่เราเคยรีวิวรุ่นก่อนหน้าซึ่งเป็น สมาร์ทโฟน 2018 ที่คุ้มเงินที่สุด โดยในครั้งนี้กลับมาในราคาที่ถูกกว่าเดิม ในช่วงราคาไม่เกินหมื่นรับรองกินขาดทั้งวงการ ส่วนจะมีจุดเด่นอยู่ตรงไหนบ้าง มาลองอ่านรีวิวไปพร้อมกันได้เลยครับ
Honor 10 Lite
อย่างแรกที่สะดุดตาสุดคงหนีไม่พ้น “ดีไซน์” ซึ่งถึงแม้ว่ารุ่นนี้ ออเนอร์จะเน้นความประหยัดและคุ้มค่า แต่ในเรื่องของดีไซน์ยังคงจัดเต็มแบบรุ่นที่มีราคาแพง วัสดุเคลือบไล่เฉดสี 8 ชั้น ทำให้ตัวเครื่องมัมวาวสะท้อนเฉดสีที่แตกต่างในแต่ละมุมมอง (กรณีนี้ขึ้นอยู่กับสีที่เลือกด้วย) หากจะให้แนะนำก็คงเป็น สีฟ้าสกายบลู (Sky Blue) จะเด่นสวยงามมากครับ หรือจะอีกสองสีก็เรียบหรูไม่แพ้กัน
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ น้ำเงินเข้ม (Sapphire Blue) และสีดำ (Midnight Black) ตัวที่เรากำลังจะรีวิวต่อไปนี้นี่เอง ซึ่งหากคุณมองว่าด้านหลังสวยแล้ว ด้านหน้ายิ่งสวยกว่าเพราะทางออเนอร์ใช้เทคโนโลยี Chip on Film (COF) ทำให้ขอบบางเหลือเพียงแค่ 4.7 มม. ส่งผลให้สามารถวางหน้าจอ Full-View HD ขนาด 6.21″ ภายในขนาดตัวเครื่อง 5.2″ เท่านั้นเอง และหากคิดอัตราส่วนต่อหน้าจออยู่ที่ 90% เลยทีเดียว
กล้องหน้าชัดเซลฟี่สวย
ความละเอียด 24 MP ไม่ได้มีเพียงแค่เฉพาะตัวเลข แต่ยังมีรูรับแสง f/2.0 ช่วยให้ทั้งสว่างและความชัดขึ้นถึง 20% โดยทั้งหมดนี้จะไร้ค่าถ้าหากคนถ่ายฝีมือไม่ถึง แต่แล้วปัญหาก็หมดไปด้วยเทคโนโลยี AI ที่แสนฉลาด เนื่องจากภาพแต่ละประเภท ก็ต้องการวิธีการตั้งค่าที่แตกต่างกันไป และเป็นไปไม่ได้เลยที่การถ่ายในโหมด Auto จะทำได้ทุกอย่าง ยกตัวอย่างเช่น
- ท้องฟ้า
- ดอกไม้
- ชายหาด
- ภาพคน
- สัตว์เลี้ยง
- การถ่ายในที่ร่ม
- การถ่ายในที่แจ้ง
- ฯลฯ
ทั้งหมดนี้คือ AI จะจำแนกภาพถ่ายออกมากกว่า 200 รูปแบบ ช่วยให้ตั้งค่าภาพที่เหมาะสมและได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า Auto โดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับขนาดพิกเซลใหญ่ถึง 1.8 μm รองรับการถ่าย HDR Pro ช่วยปรับความสว่างของภาพ ถึงแม้ว่าจะมีสภาวะแวดล้อมที่แตกต่างกันออกไป สเปกทั้งหมด
จากการรีวิวกล้องหน้าในโหมด AI และไม่ปรับแต่งใด ๆ อีกเลย ภาพที่ได้ค่อนข้างน่าประทับใจพอสมควร (ถ้าเอาไปปรับโทนสีจะสวยกว่านี้) จุดสังเกตคือ AI Beautification ที่มีการอัปเกรดใหม่หมด โดยนิยามความสวยจะแตกต่างกันไป ตามสภาพเพศ สีผิว และอายุ หลักเลยก็คือปรับผิวให้เนียน ลดรอยสิว ปรับรูปหน้า ขยายดวงตา ซึ่งผู้ใช้ก็สามารถเลือกได้ตั้งแต่ 1-10 ระดับ
กล้องหลังคู่คมชัดทุกมิติ
กล้องหน้าว่าดีแล้ว กล้องหลังยิ่งดีกว่า เพราะมาพร้อมกับเลนส์ AI แบบคู่ความละเอียด 13 + 2 MP แต่แบบนี้หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมถึงละเอียดน้อยกว่ากล้องหน้าล่ะ! เพราะว่าตัวนี้มาพร้อมกับรูรับแสง f/1.8 และ f/2.4 พร้อมกับกันสั่นในโหมด AIS (AI Image Stabilization) ที่เลนส์คู่จะทำงานร่วมกัน เพื่อลดการสั่นไหวของภาพในยามค่ำคืน
ในส่วนของกล้องหลังมาพร้อมกับ AI ที่จะตรวจจับสิ่งมีชีวิต หรือสภาพแวดล้อมได้มากกว่า 500 แบบ เพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามสมบูรณ์ที่สุด แต่ถึงอย่างไรสำหรับมืออาชีพ ก็ยังคงที่จะปรับรูปรับแสงและความเร็วชัตเตอร์ได้เอง (ลากได้ยาวถึง 32 วินาที ถ่ายแสงไฟสะดวกมาก) ช่วยให้ภาพถ่ายของคุณดูสวยราวหลุดมาจากกล้องโปร
ภาพที่ได้ถือว่าเกินราคาค่าตัว และแน่นอนว่าทั้งหมดเป็นภาพต้นฉบับจากโหมด Auto (หรือโหมดที่มีอยู่ในกล้อง) และไร้การปรับแต่งภาพเพิ่มเติมแต่อย่างใด ด้วยเลนส์คู่ช่วยให้การถ่ายภาพง่ายขึ้น สามารถแยกและเบลอพื้นหลังได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีความสนุกในการเล่นกล้อง ด้วยลูกเล่นอีกมากมายในเมนูกล้อง
โทรศัพท์ที่ดีคือต้องคุยชัด
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ทุกอย่างที่รีวิวมาทั้งหมดนั้นคือ “ลูกเล่น” แต่แก่นแท้ของโทรศัพท์ก็คือการสนทนา และทางออเนอร์เองก็เป็นบริษัทลูกของผู้พัฒนา ระบบเครือข่ายอันดับต้น ๆ ของโลกอยู่แล้ว ดังนั้นก็ไม่ต้องห่วงเรื่องการจับสัญญาณ หรือแม้ว่าการรองรับความถี่ที่หลากหลาย ในเวลาที่เดินทางไปต่างประเทศ อย่างตัวผมเองใช้ที่ไทยหรือไต้หวันก็สัญญาณเต็มอย่างที่เห็น
นอกจากนี้ยังมีการนำเอา AI เข้ามาช่วยในการใช้งาน ตั้งแต่เรื่องง่าย ๆ อย่างเสียงเรียกเข้าในสภาพแวดล้อมที่ดัง (จะปรับเสียงเพิ่มให้เอง) หรือแม้กระทั่งการเพิ่มคุณภาพในการสื่อสารให้คมชัดด้วย Innovative Elevator ให้คงความเสถียรภาพของสัญญาณ และยกตัวอย่างการเข้าลิฟต์ที่ส่วนมากสัญญาณจะตัด (หรือไม่มี 4G) ตัวเครื่องจะคืนค่า 4G ภายในสามวินาทีหลังออกจากลิฟต์ทันที
ราคาสบายกระเป๋า แต่แรงแบบเรือธง
ของดีใครว่าต้องแพงเสมอไป ด้วยราคาเพียงครึ่งหมื่นนิด ๆ แต่ก็มาพร้อมกับชิปเซ็ตอันทรงพลังอย่าง Kirin 710 ในระดับเทียบชั้นรุ่น TOP ชนิดหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังประหยัดพลังงาน ช่วยให้การใช้งานเต็มประสิทธิภาพตลอดทั้งวัน ไม่ต้องคอยวิ่งหาแบตเตอรี่สำรองให้วุ่นวาย แต่ทั้งนี้เบื้องหลังความสำเร็จนี้ไม่ใช่เพียงแค่ชิปเซ็ตที่ดีอย่างเดียว
ระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด
ไม่ต้องลุ้นว่าจะได้อัปเดตหรือไม่ เพราะมาพร้อมกับ Android 9.0 (Pie) ตั้งแต่เปิดเครื่อง พร้อมกับครอบทับด้วย EMUI 9.0 ถ้าเปรียบเทียบกับรถยนต์ ก็คือการเอารุ่นล่าสุดมาปรับแต่งให้ดีกว่าค่าเดิมจากโรงงาน โดยจากการทดสอบมีประสิทธิภาพรวมดีขึ้น 30% และลดระยะเวลาการเรียกเปิดแอปพลิเคชันได้ถึง 12.9%
แต่หากยังแรงไม่สะใจก็ยังมี GPU Turbo 2.0 ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การทำงานของซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์ (เหมาะกับการเล่นเกม) โดยพิสูจน์แล้วว่าช่วยให้การทำงานดีขึ้น 60% แถมยังช่วยให้ลดการใช้งานแบตเตอรี่ลงได้อีก 30% จากเดิมที่ในตัวเครื่องมีแบตเตอรี่ความจุ 3,400 mAh ให้มากอยู่แล้วยิ่งใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน
สรุป
สมาร์ทโฟนคุ้มค่าประจำปี 2019 (ในช่วงต้นปี) ด้วยราคาเพียง 6,490 บาท แต่จัดแน่นตั้งแต่ดีไซน์และวัสดุพรีเมี่ยม ได้ตั้งแต่หน้าจอ 6.21″ พร้อมพื้นที่การแสดงผล 90% (FullView Display) ชิปเซ็ต Kirin 710 + RAM 3 GB + ROM 32 GB (เพิ่มเมมได้สูงสุด 512 GB) กล้องหน้า 24 MP ส่วนกล้องหลังคู่ 13 + 2 MP และจัดแบตเตอรี่ให้เต็ม 3,400 mAh ไม่ต้องรอลุ้นเพราะเป็น Android 9.0 + EMUI 9.0 มาจากโรงงาน
- สเปกคุ้มค่าเกินราคา
- วัสดุดีงามเกินราคา
- กล้องหน้าเซลฟี่คุณภาพสูง
- ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI)
- ระบบปฏิบัติการสดใหม่
- แบตเตอรี่อึดใช้งานได้ทั้งวัน
ส่วนใครที่สนใจในวันที่ 26 มกราคม – 1 กุมภาพันธ์ 2019 จะเปิดให้จองผ่านทาง Lazada, CSC, AIS Shop, Honor Brand Shop (แนะนำให้จองเพราะได้ของแถมคุ้มกว่า แถมระยะเวลาการจองก็รอแค่อาทิตย์เดียว) ส่วนวันวางจำหน่ายจริงจะอยู่ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2019 อันนี้ก็จะมีวางจำหน่ายทั่วไป สำหรับคนที่ต้องการสัมผัสเครื่องจริงครับ
เพิ่มเติม : ตอนนี้ทางออเนอร์มีกิจกรรมพิเศษโดยร่วมกับ Ulike (ใช้มือถือรุ่นอะไรก็ได้) เพียงถ่ายเซลฟี่ด้วย “ฟิลเตอร์ 10 Lite” ที่อยู่ในแอปพลิเคชัน จากนั้นเลือกภาพที่ดีที่สุดโพสต์ลง Facebook หรือ Instagram ตั้งค่าเป็นสาธารณะพร้อมติดแฮชแทค #เซลฟี่สวยสไตล์คุณ และ #Ulike10Lite ว่าแล้วอย่ารอช้าไปดาวน์โหลดแอปพลิเคชันกันเลย! https://go.onelink.me/KI2I/3080bd9d
หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial