Social Network เข้ามาเป็นหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรา คงไม่แปลกหากจะมีคนเกิดเพราะ Social Network อย่างที่เห็นกันบ่อย ๆ ก็จะมีทั้งสอนทำอาหารและแต่งหน้าผ่าน YouTube จะดีแค่ไหนถ้าเรามีกล้องวีดีโอดี ๆ คู่ใจสำหรับแชร์เรื่องราวของเราให้โลกได้รับรู้

Review_Canon_Legria-mini (1)

Canon LEGRIA mini ราคาเปิดตัวที่ 9,999 บาท หาซื้อได้ที่ Canon eStore

Review_Canon_Legria-mini (2)

สำหรับตัวนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะหาซื้อตาม Canon Shop ได้หรือไม่? (แต่คิดว่าไม่น่าจะมี) สำหรับคนอยากได้สั่งแล้วนอนรออยู่บ้านน่าจะดีที่สุดครับ ส่วนใครต้องการใช้งาน ImageBrowser EX ก็ต้องใช้ Windows Vista ขึ้นไป

Review_Canon_Legria-mini (3)

ความละเอียดกล้องตัวนี้สามารถบันทึก VDO ความละเอียด Full HD ได้อย่างสบาย ๆ ด้วยเทคโนโลยี HS System รองรับ micro SD และ WiFi พร้อมเลนส์ Wide ในตัว

Review_Canon_Legria-mini (4)

อุปกรณ์ที่แถมมาในกล่องมีเท่านี้ครับ ส่วน micro SD แนะนำให้ถอดจากมือถือหรือไปซื้อเอง หากใครยังไม่รู้จะซื้อของอะไรผมแนะนำ รีวิว – Micro SDHC Strontium “ของดีราคาถูกหรือแค่สมราคา?” ก็สามารถใช้งานได้ครับ (อย่าเผลอซื้อ Class ต่ำ ๆ มาเชียวเดี๋ยวจะมีปัญหาเวลาบันทึกไฟล์)

Review_Canon_Legria-mini (5)

แบตเตอรี่ไม่แน่ใจว่ารุ่นนี้ใช้กับกล้องดิจิตอลตัวไหนของ Canon ด้วยรึเปล่าแต่รหัสของมันคือ NB-4L น่าจะเป็นแบตเตอรี่ความจุมาตรฐานที่หาซื้อไม่ยากนัก

Review_Canon_Legria-mini (6)

Canon LEGRIA mini เป็นกล้องวีดีโอขนาดเล็กแต่ทรงพลังให้ไฟล์วิดีโอคุณภาพสูง ด้วยเซ็นเซอร์ความไวแสงสูงแบบ CMOS ความละเอียด 12MP (ความละเอียดเลนส์) ระบบชัตเตอร์แบบกลไก และระบบบันทึกเสียงคุณภาพเยี่ยม ดังนั้นคุณภาพจะดีกว่ากล้องมือถือทุกรุ่นอย่างแน่นอน

Review_Canon_Legria-mini (7)

กล้องวีดีโอ Legria Mini ให้ผู้ใช้สนุกกับการถ่ายภาพนิ่งในทุกมุมมองด้วยเลนส์มุมกว้างพิเศษ ถ่ายภาพนิ่งได้ครอบคลุม 170 องศา ภาพเคลื่อนไหว 160 องศา บนหน้าจอ Vari-angle LCD ปรับหมุนได้หลากทิศทาง พร้อมเอฟเฟกต์แต่งภาพสวยให้เลือกใช้มากมาย มีโหมดถ่ายวิดีโอทั้งแบบ Fast และ Slow Motion พกพาสะดวก ใช้งานง่ายเพราะมีขาตั้งกล้องในตัวให้คุณสนุกกับการถ่ายภาพได้ทุกที่ตามต้องการ

Review_Canon_Legria-mini (8)

ส่วนแบตเตอรี่ก็ใส่ไปด้านล่างแบบนี้ครับ

Review_Canon_Legria-mini (9)

สามารถต่อ HDMI ออก TV ได้เลยส่วนช่องถัดไปเป็น DC IN ซึ่งในกล้องก็ไม่ได้แถมสายมา (แปลกมาก) สงสัยคงต้องซื้อเพิ่มที่ศูนย์บริการกระมัง ส่วนเวลาชาร์จแบตเตอรี่ก็ต้องถอดออกมาใส่แท่นชาร์จ อืม … เหนื่อยดีนะ

Review_Canon_Legria-mini (12)

ขาตั้งสามารถกางออกมาได้ ส่วนหน้าจอ LCD ที่เป็นเอกลักษณ์ก็สามารถปรับองศาได้เช่นกันครับ

Review_Canon_Legria-mini (13)

หรือจะตั้งมุมแบบนี้ก็สามารถทำได้เอาไว้ถ่ายเสย รู้นะคิดอะไรอยู่ เวลามีประกวดหรือเต้น B-boy สามารถเก็บมุมได้ดีกว่ามือถืออย่างแน่นอน กล้องวีดีโอสามารถบันทึกความละเอียดได้สูงถึง 24Mbps ซึ่งหากคุณซื้อ micro SD ความจุ 32GB ก็จะสามารถบันทึกได้ถึง 2 ชั่วโมง 55 นาที แต่ถ้าอยากบันทึกนาน ๆ ก็ปรับความละเอียดลงได้ครับ

Review_Canon_Legria-mini (14)

โดยรวมแล้ว LCD สามารถปรับระยะได้หลากหลายตามความต้องการของผู้ใช้งาน ขาตั้งเป็นแบบล็อค ๆ ให้ความรู้สึกที่แข็งแรงมากครับ

Review_Canon_Legria-mini (15)

ด้านล่างสามารถใช้ขาตั้งกล้องวางได้ด้วยตามมาตรฐานทั่ว ๆ ไป

Review_Canon_Legria-mini (16)

มาดูฟีเจอร์กันบ้างสำหรับ Canon LEGRIA mini สามารถถ่ายและเล่นกับมันได้หลากหลาย แต่ฟีเจอร์ที่ใช้งานได้จริงไม่ค่อยมี (ถึงมีก็ใช้งานยาก) ดังนั้นแนะนำให้เปิด Auto ไปแบบเดิม ๆ ดีที่สุด เว้นเสียแต่ว่าคุณพอมีความรู้เรื่องกล้องอยู่บ้าง

Review_Canon_Legria-mini (17)

มีภาษาไทยที่เหมือนจะเข้าใจง่ายสำหรับมือใหม่

Review_Canon_Legria-mini (18)

ทดสอบบันทึก VDO ลงการ์ดความจุ 16GB หน้าจอ LCD ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่แต่ก็พอถูไถครับ แค่พอดูรู้เรื่องว่าจับโฟกัสอะไรอยู่ก็พอแล้ว เพราะยังไงเราก็ต้องเอาไปต่อคอมฯ อีกที

Review_Canon_Legria-mini (19)

การบันทึกไฟล์สามารถเลือกคุณภาพได้อย่าง 17Mbps จะเป็นมาตรฐาน Full HD ส่วน 24Mbps จะเป็นเหนือ Full HD ขึ้นไปอีก (ทาง Canon เขียนว่างี้) ส่วนตัวผมรีวิวบ้าพลังต้องเลือก 24Mbps อยู่แล้วแหล่ะ !!!

Review_Canon_Legria-mini (20)

โปรแกรมในตัวกล้องทำออกมาได้ค่อนข้างดีสามารถดู micro SD ได้ด้วยว่าเหลือพื้นที่เท่าไหร่ รวมถึง Class พร้อมทั้งประเมินเวลาถ่ายวีดีโอและภาพนิ่ง

Review_Canon_Legria-mini (21)

ภายในตัวกล้องวีดีโอ Canon LEGRIA mini มี Effect น่ารัก ๆ สำหรับถ่ายไปด้วย (ส่วนตัวว่ามันไร้สาระแถมยังใช้ยากอีก) คิดว่าสาว ๆ น่าจะชอบมั้ง – -*

Review_Canon_Legria-mini (22)

อ้อ … เกือบลืมบอกไปปุ่มทั้งหมดบนจอเป็นแบบ Touch Screen นะครับ สามารถแตะได้ทั้งหมดเลย อย่างอันนี้ผมลองถ่ายแบบ Wide ดูก็สามารถเก็ฐมุมได้ค่อนข้างกว้างมากถึง 160° / 71° แต่ถ้าถ่ายเป็นภาพนิ่งจะได้ถึง 170° / 78° เลยทีเดียว

Review_Canon_Legria-mini (23)

ส่วนอันนี้ก็จะเป็นการถ่ายมุมปกติครับ ลองเปรียบเทียบดูเอากับภาพด้านบน

Review_Canon_Legria-mini (24)

จุดขายอีกอย่างหนึ่งของ Canon LEGRIA mini ก็คือมันสามารถที่จะต่อ WiFi ได้ทั้งที่กล้องรุ่นอื่น ๆ มันไม่สามารถทำได้ ข้อดีก็คือสามารถอัพโหลด VDO ได้เลยหรือจะเอามาดูต่อที่ Tablet และ Smart Phone ก็สะดวกดี

Review_Canon_Legria-mini (25)

ตอนนี้ App ของ Canon จะมี Movie Upload และ CameraAccess (ส่วนใครใช้ Android ก็ลองไปหากันเองนะครับ) เป็น App ที่ทาง Canon พัฒนามาโดยเฉพาะเพื่อใช้งานร่วมกันผ่าน WiFi จากเครื่องสู่เครื่องครับ

Review_Canon_Legria-mini (26)

วิธีใช้งานก็ไม่ยากเพียงแค่เปิด WiFi ที่กล้องวีดีโอ Canon LEGRIA mini จากนั้นก็เปิดที่อุปกรณ์ของเราทำการเชื่อมต่อหากันแบบเครื่องต่อเครื่อง จากนั้นเปิด App ขึ้นมาก็จะสามารถใช้งานเราได้แล้ว อย่างตอนนี้ผมใช้งาน CameraAccess อยู่ก็สามารถดูภาพจอใหญ่แบบ Real Time ผ่าน iPad ของผมได้ทันทีอีกทั้งยังสามารถเลือกได้อีกว่าจะบันทึก VDO ขณะนี้ลงกล้องหรือตัว iPad เอง

มันทำให้ผมนึกถึงกล้อง SONY QX10, QX100 ที่หลักการของมันคือเอาเลนส์มาแปะ Smart Phone จากนั้นใช้เลนส์ถ่ายแล้วค่อยโอนถ่ายเข้า Smart Phone และสำหรับตัวนี้ก็คงใช้งานไม่ต่างกันนักเพียงแต่เน้นด้านวีดีโอมากกว่า

Review_Canon_Legria-mini (27)

จากที่ได้ลองมาคิดว่า Canon LEGRIA mini ค่อนข้างที่จะสะดวกเป็นอย่างมากหากใช้ถ่ายตัวเองเวลารีวิวแบบ How to เพราะจะได้เห็นตัวเองบนจอภาพแล้วก็ไม่หลุดเฟรมนั่นเอง แถมยังเก็บมุมมองแบบ Wide ทำให้จุดนี้สามารถสร้างเอกลักษณ์เหนือกว่ากล้องทั่ว ๆ ไปได้เป็นอย่างดี

Review_Canon_Legria-mini (28)

ลองเปลี่ยนเป็นโหมดธรรมดาดูบ้างคราวนี้หัวแทบไม่มีต้องถอยกล้องออกไปอีก มันไม่สะดวกเอาเสียเลยเวลาใช้งาน

ทดสอบกล้องวีดีโอ Canon LEGRIA mini ตั้งความละเอียดสูงสุดและเปิดทุกอย่าง Auto ถ่ายบนรถไฟฟ้าเวลาเที่ยง ๆ บ่าย ๆ ครับ

ข้อดี

  1. เลนส์คุณภาพสูงและสามารถเก็บภาพมุมกว้างได้
  2. ขนาดเล็กสะดวกและพกพาง่าย
  3. ใช้การ์ด micro SD เช่นเดียวกับ Smart Phone
  4. มี WiFi และ App รองรับในตัว

ข้อเสีย

  1. ไม่แถมสายชาร์จกับกล้องโดยตรง
  2. หลายฟีเจอร์ใช้งานยากมาก
  3. แบตเตอรี่ใช้ได้ประมาณ 75 นาที

สรุป

ก็เป็นกล้องที่ตอบโจทย์และเกิดมาเพื่อวัยรุ่นและ Blogger โดยตรง เน้นพกพาสะดวกและถ่ายโอนแบบง่าย ๆ สำหรับคนที่ชอบแชร์ชอบถ่ายถือว่าเหมาะมากครับ คุณภาพเลนส์สูงทำให้ภาพออกมาได้คมกริบแถมยังมีไมค์ที่รับเสียงได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าจะให้มาตั้งเป็นกล้องถ่ายสัมนาหรือท่องเที่ยวเป็นชั่วโมง ๆ อะไรแบบนี้คงไม่เหมาะกับการใช้งาน