นับจาก Apple เปิดตัว MacBook Pro ที่มาพร้อม Touch Bar แต่คงไม่มีใครคาดคิดว่า Windows 10 ก็จะมีกับเขาเหมือนกันโดย ASUS ZenBook Pro 15 UX580 จับเอามาใส่แบบอลังการงานสร้าง ไม่เพียงแค่แถบบาร์เล็ก ๆ เท่านั้นแต่เป็นจอขนาดใหญ่จุใจเลยทีเดียว แถมยังใช้งานได้อเนกประสงค์มากกว่าเยอะ

ASUS ZenBook Pro 15 UX580
ASUS ZenBook Pro 15 UX580

ASUS ZenBook Pro 15 UX580

สำหรับรุ่นนี้มีสองโมเดล UX580GE และ UX580GD หากแบ่งตามสเปกก็จะมีให้เลือกเป็น i7-8750H และ i9-8950HK แถมยังมาพร้อมกับหน้าจอ 4K ส่วนราคาก็อยู่ที่ 69,990 บาท และ 89,990 บาท ตามลำดับนั่นเองครับ

ความพิเศษของรุ่นนี้คือมันได้รับการเปิดตัวในงาน Computex 2018 สร้างเสียงฮือฮากับวงการได้มากมาย และไม่เพียงแค่สเปกที่แรงระดับ TOP ของวงการโน้ตบุ๊ก (คือไม่สุดแต่ก็อยู่ระดับต้น ๆ อยู่เหมือนกัน) แถมยังปฏิวัติวงการด้วยการเอา Touch Pad ในรูปแบบระบบหน้าจอสัมผัสความละเอียด Full HD (1080P) โดยสามารถใช้เป็นหน้าจอที่สองหรือปุ่มลัดอะไรก็ได้

สเปก | Asus ZenBook Pro 15 UX580

  • ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home
  • CPU : Intel Core i9-8950HK/i7-8750H
  • GPU : NVIDIA GeForce GTX 1050 4 GB
  • RAM : 16 GB DDR4
  • SSD : 512 GB PCIe
  • หน้าจอ 15.6″ ความละเอียด 4K รองรับระบบสัมผัส
  • มาตรฐานสีเที่ยงตรง Delta E < 2, 100% Adobe RGB, การันตีโดย PANTONE
  • ขอบจอบาง 7.3 มม. สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 83%
  • สแกนลายนิ้วมือ
  • ทัชแพด (ScreenPad) ขนาด 5.5″ ความละเอียด Full HD Super IPS+
  • ระบบเสียง ASUS SonicMaster ลำโพงคู่ปรับแต่งโดย Harman Kardon
  • แบตเตอรี่ 8 เซลล์
  • น้ำหนัก 1.8 กก. (ความบาง 1.89 ซม.)
  • การเชื่อมต่อ
    • Type-C USB 3.1 Gen 2 (Thunderbolt 3) x 2
    • Type-A USB 3.1 Gen 2 x 2
    • HDMI x 1
    • 3.5 mm x 1
    • microSD x 1
    • Wi-Fi Dual-band 802.11ac
    • Bluetooth 5.0

ด้านล่างเป็นลำโพงคู่ปรับแต่งโดย Harman Kardon ที่เราคุ้นเคยกันดีในวงการเครื่องเสียง และชื่อระบบเสียงของมันก็คือ ASUS SonicMaster เท่าที่ทดสอบคือเสียงไม่ตัน สามารถแยกซ้ายขวาได้เป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องใช้ลำโพงแยกให้วุ่นวาย

คีย์บอร์ดก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญของคนทำงาน โดยรุ่นนี้เป็นแบบขนาดเต็ม (Full-Sized) โดยมีความสูงกำลังพอดีมือ มีไฟใต้คีย์บอร์ดที่สามารถปรับความสว่างได้ 3 ระดับ ส่วนใครชอบตัวเลขด้านข้างอาจต้องผิดหวัง เพราะรุ่นนี้วางคีย์บอร์ดขนาดเต็ม

ด้านข้างขวาเป็นช่องเสียบ USB ขนาดเต็ม (USB 3.1 Gen 2) จำนวนสองพอร์ต และเพื่อความทันสมัย Asus จึงได้เพิ่มช่อง microSD มาให้ในตัวเลย แต่คนที่เป็นช่างภาพอาจขัดใจเล็กน้อยเพราะมันไม่ใช่ SD Card แต่ถึงอย่างไรเดี๋ยวนี้หลายคนก็เริ่มเปลี่ยนเป็น microSD แล้วใช้อะแดปเตอร์แปลงเป็น SD Card แล้วเสียบกล้องอยู่เหมือนกัน

อีกฝั่งจะเป็นพอร์ตชาร์จไฟ ตรงนี้แอบเสียดายนิดหน่อยที่ชาร์จไฟไม่เป็นหัว USB-C เลยไม่ได้ความอรรถประโยชน์สักเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังดีที่มี HDMI ขนาดเต็มมาให้พร้อมกับ Type-C USB 3.1 Gen 2 (Thunderbolt 3) ใหม่ล่าสุด USB-C กับ Thunderbolt 3 ต่างกันอย่างไร

หากใครเอาไปทำงานกราฟิกรับรองถูกใจแน่นอน เพราะจอภาพ NanoEdge ไม่เพียงแค่ให้ความละเอียด 4K แต่ยังสัมผัสได้และได้รับการตรวจสอบความถูกต้องของสีจาก PANTONE สามารถแสดงผล Adobe RGB ได้ครบถ้วน 100% (sRGB 132%) และ Delta E < 2

ความที่ขอบจอบางทำให้ตัวเครื่องไม่ใหญ่จนเกินไป (แต่น้ำหนักแบตเตอรี่ 71Wh ค่อนข้างเยอะพอสมควร) แถมแบตเตอรี่ยังอึดพอที่จะใช้งานได้ 9.5 ชั่วโมง โดยรวมแล้วมันเป็นโน้ตบุ๊กที่สมบูรณ์แบบเครื่องหนึ่งเลยทีเดียวแหล่ะ

ทัชแพด (ScreenPad) ขนาด 5.5″ ความละเอียด Full HD Super IPS+ ปรับได้หลายโหมด

  1. ScreenPad Mode ใช้ผ่านแอปพลิเคชันเสริม
  2. Extension Display Mode ใช้เป็นหน้าจอที่สอง
  3. Traditional TouchPad Mode ไม่แสดงผลใดเป็นทัชแพดปกติ
  4. TouchPad is disabled ปิดการทำงานทัชแพดไปเลย

โดยผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดได้เพิ่มจาก Asus ซึ่งจะควบคุมได้เฉพาะบางโปรแกรมเท่านั้น

สรุปคำสั่งโดยรวมที่ใช้งานได้ก็คือตั้งคีย์ลัดโปรแกรมได้ สามารถแสดงผล YouTube เป็นหน้าจอแยกได้ (กรณีใช้ Chrome) นอกจากนี้ก็จะเป็นการควบคุมวิดีโอหรือเพลงเล็กน้อย ส่วนโปรแกรมที่ใช้ร่วมกันได้ก็จะมี Microsoft Office ที่ช่วยปรับขนาดอักษรเป็นต้น

พวกเกมอะไรก็สามารถเล่นได้เยอะพอสมควรกับหน่วยประมวลผล Core i7 และ i9 รุ่นใหม่ล่าสุด (Underclock CPU) ไม่ต้องกังวลเรื่องความร้อนเพราะมีท่อระบาย 3 ตัว + พัดลมคู่ สุดท้ายไม่พูดคงไม่ได้เพราะ PCIe 3.0 x4 SSD ในเครื่องนี้เร็วที่สุดในโลก ซึ่งมันเร็วพอกับ MacBook Pro ที่เราคุ้นเคยกันดี อ่านเขียนสูงสุด 3,000/1,700 Mbps ตามลำดับ ประสิทธิภาพสูงกว่า PCIe x2 หรือ SATA3 SSD ที่ใช้กันทั่วไปในโน้ตบุ๊กยี่ห้ออื่น

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบชาร์จเร็ว 60% ภายในเวลาเพียง 49 นาทีเท่านั้น

สรุปโดยรวมเป็นคู่แข่ง MacBook Pro ทางตรงกันเลยทีเดียว (แถมราคาถูกกว่า) ด้วยการออกแบบที่เจาะกลุ่มกราฟิกที่มีความต้องการโดยเฉพาะ ไม่จำเป็นต้องใช้โน้ตบุ๊กเกมมิ่งที่ทั้งหนาและหนัก แต่ก็ยังสามารถใช้งานแบบประสิทธิภาพสูง โดยมีทั้งสเปคและหน้าจอสอดคล้องไปด้วยกันทั้งหมด

ข้อดี

  1. วัสดุดี งามประกอบสมบูรณ์แบบ มีความหรูหราในตัว
  2. สเปกแรงเหมาะกับการใช้งานกราฟิกในขนาดพกพา
  3. หน้าจอ 4K รองรับระบบสัมผัส สีเที่ยงตรง รองรับ Asus Pen
  4. ทัชแพดมีลูกเล่นการใช้งานที่หลากหลาย
  5. ระบบเสียงลำโพงคู่ปรับแต่งโดย Harman Kardon
  6. ระบบชาร์จเร็ว 60% ภายใน 49 นาที
  7. แบตเตอรี่อึดใช้งานได้ 9.5 ชั่วโมง

ข้อเสีย

  1. ราคาค่อนข้างสูง
  2. หน่วยประมวลผลถูกลดความเร็ว (Underclock)
  3. ไม่มีพอร์ต SD Card และ LAN (แต่แถมอะแดปเตอร์)

สรุป

ราคาถึงแม้จะแพงแต่ด้วยสเปกแบบนี้คุณหาในราคาถูกไม่ได้อยู่แล้ว เรียกว่าทำออกมาได้สมราคาดีกว่า สิ่งที่ไม่ชอบในนี้ถือว่าน้อยมากหากเทียบกับโน้ตบุ๊กทั่วไป เพราะทาง Asus อัดมาเต็มแบบไม่กั๊กอะไรเลย แต่ก็ยังมีขนาดและน้ำหนักเหมาะแก่การพกพา หากใครอยากได้เครื่องทำงานกราฟิกที่สุดจัดและต้องการใช้ Windows นี่คือเครื่องที่เหมาะสมคือ ASUS ZenBook Pro 15 UX580 ที่สุดแล้วตอนนี้