WD บริษัทในเครือของเวสเทิร์น ดิจิตอล และครองตำแหน่งผู้นำระดับโลกด้านอุตสาหกรรมการจัดเก็บข้อมูลสำหรับผลิตภัณฑ์ Connected Life ได้ฤกษ์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ในตระกูล My Cloud ใหม่ล่าสุดสำหรับบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลระบบคลาวด์ โดย My Cloud ถือเป็นโซลูชันที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ใช้ในการจัดการ รวมศูนย์ และรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลดิจิตอลจากคอมพิวเตอร์และบรรดาอุปกรณ์เคลื่อนที่ทั้งหลายของผู้ใช้
รวมถึงความสามารถในการเข้าถึงไฟล์เหล่านั้นจากอุปกรณ์ใดก็ได้จากทุกหนทุกแห่งในโลกได้ ง่ายๆ เพียงแค่เชื่อมต่อไดรฟ์ My Cloud เข้ากับอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้งานก็จะสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ใดก็ตามได้จากทุกที่ที่สามารถเรียกใช้ข้อมูลได้จากระบบคลาวด์สาธารณะ โดยไม่ต้องควักเงินจ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือน หรือถอดใจกับการต้องคอยควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลให้ปลอดภัยอยู่เสมอ
“ผลิตภัณฑ์ My Cloud EX4 ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ล่าสุดของเราได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ระบบ Network Attached Storage (NAS) แบบสี่ช่องมาพร้อมกับคุณสมบัติขั้นสูง ความสามารถในการปรับเปลี่ยนตามความต้องการ และระดับความจุที่ลูกค้าจำนวนมากของเราปรารถนา การเปิดตัว My Cloud ซึ่งเป็นระบบไดรฟ์ตัวเดียวนี้ถือเป็นโซลูชันที่สมบูรณ์แบบสำหรับบรรดาผู้ใช้ที่มองหาวิธีการที่ง่ายๆ และเป็นส่วนตัวในการบันทึกข้อมูลทั้งหมดของพวกเขาไว้ที่บ้าน และสามารถแชร์ บันทึก และจัดการข้อมูลเหล่านั้นได้จากทุกที่ในโลกผ่านอุปกรณ์ใดก็ได้”
Gartner บริษัทวิจัยชื่อดังได้ประมาณการไว้ว่า ครัวเรือนโดยเฉลี่ยจะมีข้อมูลดิจิตอลที่อยู่ในความครอบครองประมาณ 3.3 เทราไบต์ภายในปี 20161 ขณะที่ NPD Group2 ระบุว่า สิ่งที่สอดคล้องกับการเติบโตของข้อมูลดิจิตอลนี้ก็คือ การเติบโตแบบกระจายในวงกว้างของอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต โดยในปัจจุบัน ครัวเรือนในสหรัฐฯ มีอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้อยู่ในความครอบครองที่ 5.7 เครื่อง
ซึ่งการมาบรรจบกันระหว่างข้อมูลที่รวดเร็วฉับไวกับการเติบโตของอุปกรณ์นั้นจำเป็นที่จะต้องมีแบบฉบับใหม่ในการจัดเก็บข้อมูล ที่ทำให้ผู้บริโภคสามารถควบคุมชีวิตดิจิตอลของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ และระบบจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ส่วนบุคคลนี้เองที่เป็นมาตรฐานใหม่ ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเก็บรักษาสื่อและไฟล์ไว้ที่บ้านได้อย่างปลอดภัยบนไดรฟ์ส่วนตัว และสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้ทางอินเทอร์เน็ตผ่านเครื่องพีซี หรือเครื่อง Mac ใดๆ ก็ได้ รวมถึงแท็บเล็ต และสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ และเมื่อใช้ไดรฟ์ My Cloud ผู้ใช้งานก็จะสามารถแชร์ไฟล์ สตรีมสื่อ และเข้าถึงเนื้อหาได้จากทุกที่ โดยไม่ต้องเสียเงินจ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือน และยังรับรู้ได้ถึงความปลอดภัยจากการที่ระบบคลาวด์ของตนติดตั้งอยู่ในบ้านภายใต้การควบคุมที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของตัวผู้ใช้เอง
“บรรดาครอบครัวทั้งหลายจะได้เชื่อมต่อ แบ่งปัน ซิงค์ และสำรองข้อมูลที่อยู่ในอุปกรณ์เคลื่อนที่และคอมพิวเตอร์ต่างๆ ภายในบ้านของพวกเขาเอง ขณะที่ปริมาณข้อมูลดิจิตอลที่ถูกสร้างขึ้นบนอุปกรณ์เหล่านี้กำลังเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก” ลิซ คอนเนอร์ นักวิเคราะห์อาวุโสด้านการวิจัยระบบจัดเก็บข้อมูลแห่ง IDC กล่าว และเสริมว่า “ระบบคลาวด์ส่วนตัวเป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบที่จะแก้ไขปัญหาที่สลับซับซ้อนในการจัดระบบไฟล์ดิจิตอลบนอุปกรณ์ต่างๆ ที่หลากหลายให้เป็นไปอย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ผู้ใช้จึงสามารถเพลิดเพลินกับการรับชมภาพวิดีโอดิจิตอล ภาพถ่าย และเพลงบนอุปกรณ์ทั้งหลายของพวกเขา”
ปรับปรุงการตั้งค่าและการสำรองข้อมูลอย่างสมบูรณ์แบบ
ผู้ใช้งานสามารถเรียกคลาวด์ส่วนตัวขึ้นมาใช้งานได้ภายในเวลาไม่กี่นาที ด้วยส่วนต่อประสานผู้ใช้ที่ทำงานบนเว็บได้อย่างสมบูรณ์แบบของ WD สำหรับการตั้งค่าตามคำแนะนำบนเว็บแบบไร้รอยต่อ ซอฟต์แวร์ของ WD จะตรวจจับไดรฟ์โดยอัตโนมัติเพื่อทำให้การตั้งค่าเป็นไปอย่างง่ายดายยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้มือใหม่ และเมื่อตั้งค่าไดรฟ์ My Cloud เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ผู้ใช้ก็จะสามารถเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เคลื่อนที่ของตนได้อย่างง่ายดายเข้ากับแอปพลิเคชันของ WD ที่เปิดให้ใช้ฟรีสำหรับเครื่องเดสก์ท็อปและอุปกรณ์เคลื่อนที่ ด้วยการเชื่อมต่อแบบกิกะบิตอีเธอร์เน็ต และการใช้โพรเซสเซอร์แบบดูอัลคอร์ การถ่ายโอนไฟล์จึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ใช้สามารถรวบรวมข้อมูลดิจิตอลทั้งหมดที่กระจัดกระจายอยู่ตามอุปกรณ์ต่างๆ ไว้ในที่ศูนย์กลางเพียงแห่งเดียวบนไดรฟ์ My Cloud และด้วยการอัปโหลดไฟล์โดยตรงจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ ไฟล์และภาพวิดีโอที่สำคัญๆ ก็จะสามารถย้ายไปที่ไดรฟ์ My Cloud ได้อย่างปลอดภัย ทำให้มีพื้นที่ว่างมากขึ้นบนแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนของผู้ใช้
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถใช้ไดรฟ์ My Cloud เพื่อสำรองข้อมูลบนคอมพิวเตอร์และไฟล์ดิจิตอลได้ สำหรับผู้ใช้เครื่องพีซี ซอฟต์แวร์ WD SmartWare Pro ก็มีทางเลือกต่างๆ เกี่ยวกับวิธี เวลา และที่ที่เหมาะในการสำรองข้อมูลไฟล์ ขณะที่ผู้ใช้งานเครื่อง Mac ก็สามารถใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติทั้งหมดของซอฟต์แวร์สำรองข้อมูล Apple Time Machine เพื่อปกป้องข้อมูลของพวกเขาได้
การควบคุมที่สมบูรณ์แบบ
ผู้ใช้งาน My Cloud สามารถจัดเก็บและจัดระบบภาพถ่าย วิดีโอ เพลง และเอกสารที่สำคัญๆ ไว้ในที่ที่ปลอดภัยเพียงแห่งเดียวบนเครือข่ายภายในบ้าน ด้วยแอปพลิเคชัน My Cloud ใหม่สำหรับเครื่องเดสก์ท็อป การนาวิเกต การควบคุม และการแบ่งปันไฟล์เหล่านี้จากที่ใดก็ได้ในโลกใบนี้ก็จะเป็นไปอย่างง่ายดายและเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น ไดรฟ์ My Cloud มีจำหน่ายแล้วในขนาดความจุสำหรับจัดเก็บได้อย่างเต็มอิ่มที่ 2 TB, 3 TB และ 4 TB และผู้ใช้ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินจ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือนแต่อย่างใด และนอกจากนี้แล้ว ผู้ใช้งานยังสามารถเชื่อมต่อฮาร์ดไดรฟ์แบบ USB 3.0 ที่ใช้งานร่วมกันได้เข้ากับพอร์ตขยาย USB โดยตรงบนไดรฟ์ My Cloud จึงขยายความจุในการจัดเก็บได้ทันที
นอกจากนี้แล้ว My Cloud ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางความบันเทิงดิจิตอลภายในบ้าน โดยสามารถจัดเก็บทั้งไฟล์ภาพยนตร์และเพลงขนาดหลายเทราไบต์ และจากนั้นก็สามารถสตรีมข้อมูลเหล่านั้นไปยังอุปกรณ์มัลติมีเดียชนิดใดก็ตามที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน DLNA อย่างเช่น เครื่องเล่นสื่อ WD TV Live รวมถึงสมาร์ททีวี และเครื่องเล่นเกม
การเข้าใช้งานระบบคลาวด์ส่วนตัว
แอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของ WD My Cloud ใหม่รุ่นนี้สามารถใช้งานกับอุปกรณ์ที่ติดตั้ง iOS® และ Android™ ผู้ใช้จึงสามารถดูภาพถ่าย สตรีมภาพวิดีโอ และเข้าถึงไฟล์จากที่ใดก็ได้บนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของผู้ใช้ และแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ยังทำให้การแบ่งปันและการทำงานร่วมกันของไฟล์เป็นไปอย่างง่ายดายและปลอดภัยยิ่งขึ้น และยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถส่งอีเมลไฟล์ แชร์ไฟล์เป็นลิงก์ รวมถึงพิมพ์และเปิดไฟล์โดยใช้แอปพลิเคชันของบริษัทอื่นได้
แอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของ My Cloud ยังรวมบริการคลาวด์สาธารณะที่สำคัญๆ ไว้ด้วย ผู้ใช้จึงสามารถถ่ายโอนไฟล์ระหว่างบัญชีคลาวด์สาธารณะ3ของ Dropbox, SkyDrive และ Google Drive ได้อย่างง่ายดาย
ราคาและการวางจำหน่าย
My Cloud พร้อมวางจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายหลักที่ได้รับการแต่งตั้งในประเทศไทย ราคาแนะนำสำหรับรุ่นความจุ 2TB 5,190 บาท รุ่น 3TB ราคา 6,190 บาท และ 4TB ราคา 7,990 บาท โปรแกรม My Cloud mobile app มีให้ดาวน์โหลดที่ App StoreSM และ Google PlayTM
ความจุและความเข้ากันได้
ฮาร์ดไดรฟ์ My Cloud มาพร้อมกับความจุให้เลือกสามขนาดด้วยกันคือ 2 TB, 3 TB และ 4 TB สามารถใช้งานร่วมกับ Windows 8, Windows 7, Windows Vista, Windows XP, OS X Mountain Lion, Lion, Snow Leopard รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้งาน DLNA/UPnP