EOS M10 x Rilakkuma เป็นความร่วมมือของ Canon กับ San-X ในการเปิดตัวแพ็คคู่กล้องพร้อมริลัคคุมะลิขสิทธิ์แท้ เพื่อช่างภาพสาย Toy Travel คุมโทนมีสไตล์ โดยในงานได้จัดให้ Blogger ทั้งสายไอที, ช่างภาพ, บิวตี้มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ใช้งานในแบบฉบับ #ToyTravel

Canon EOS M10 x Rilakkuma
Canon EOS M10 x Rilakkuma

EOS M10 x Rilakkuma

ToyTravel (Nui-dori) เป็นการถ่ายภาพแขนงหนึ่งที่ฮิตมากในญี่ปุ่นและทั่วโลก โดยเป็นการสร้างสรรค์ภาพใหม่ ๆ ด้วยของเล่นหรือตุ๊กตาส่วนตัว ในการพกพาไปทุกที่ราวกับมันมีชีวิตจริง ๆ สร้างมุมมองที่แปลกใหม่ สะท้อนความน่ารักและรสนิยมของผู้ถ่าย ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะการถ่ายภาพขั้นสูงแต่อย่างใด แต่เน้นไปที่ความคิดสร้างสรรค์และการคุมโทนด้วยสี

ToyTravel
ToyTravel

แน่นอนว่าการถ่ายภาพแบบนี้ด้วยความสามารถของกล้องบนสมาร์ทโฟนนั้นไม่เพียงพอ จึงต้องตอบโจทย์ด้วย EOS M10 กล้องมิเรอร์เลสขนาดเล็กพกพาง่าย สำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการหัดถ่ายภาพ โดยคุณสมบัติจะคล้ายกับ EOS M3 ที่ทางทีมงานเคยได้รีวิวไป เพียงแต่ตัวนี้จะเหมาะกับผู้เริ่มต้นมากกว่า ด้วยขนาดที่เล็กและราคาที่เป็นมิตรมากกว่า

สิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยสำหรับช่างภาพสาย ToyTravel ก็คือตุ๊กตาน่ารัก ๆ คู่ใจสักตัว และสำหรับ EOS M10 x Rilakkuma ก็มาพร้อมกับลัคคุมะลิขสิทธิ์แท้ขนาด 24 ซม. ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป เหมาะแก่การพกพาไปด้วยในทุกที่

ภายในงานได้มีการเสิร์ฟกล้อง (ขอใช้คำนี้เพราะใส่ถาดน่ารักมาเลย) สัมผัสแรกของกล้อง EOS M10 ก็คือเล็กเหมาะกับการพกพามาก และน้ำหนักเบาเหลือเชื่อน่าจะเหมาะกับสาว ๆ ที่รักการ Selfie เนื่องจากมันไม่หนักเลย (264 กรัม) อารมณ์เหมือนถือสมาร์ทโฟนใส่เคสเครื่องหนึ่ง สามารถใส่กระเป๋าสะพายหิ้วไปได้ทุกที่

ถ่ายเสร็จพร้อมแชร์ลงสมาร์ทโฟนหรือเฟซบุ๊ก

ภายในมีแฟลชในตัว รองรับ Wi-Fi และ NFC ตามแบบฉบับกล้องยุคใหม่ ที่ถ่ายเสร็จแล้วต้องการอัปโหลดขึ้น Social Network ได้ทันที หน้าจอพับได้ 180 องศาและเป็นระบบสัมผัส ส่วนเลนส์เป็นมาตรฐานตัวใหม่ EF-M 15-45mm f/3.5-6.3 IS STM ที่มีขนาดสั้นลงกว่าเดิม

Canon EOS M10 x Rilakkuma (7)

Selfie & Share

ภายในงานมีการจัดเวิร์คช็อป “Selfie & Share” กับลัคคุมะ และบังเอิญเจอกับคุณ Nan The Voice 2 เลยขอให้ช่วยมาเป็นแบบให้หน่อย (ขออนุญาตเรียบร้อยแล้ว) โดยสำหรับกล้อง EOS M10 ตัวนี้มีคุณสมบัติปรับผิวหน้าให้เนียนขาวใส (แบบไม่เวอร์จนเกินไป) รวมถึงสามารถละลายฉากหลังให้เบลอ นอกจากนี้ยังแชร์ลง Facebook ได้ทันที สะดวกมากใช้แทนกล้องหน้าสมาร์ทโฟนได้เลย

Canon EOS M10 x Rilakkuma (8)

ภาพที่ได้จากกล้องดีกว่าสมาร์ทโฟนแบบเทียบไม่ติด ถ่ายเสร็จสามารถอัปโหลดได้เลยโดยไม่ต้องแต่งอะไรเพิ่ม (ภาพด้านล่างก็เป็นรูปจากกล้องเลย) การแชร์ลง Facebook สามารถทำได้จากตัวกล้องผ่านทาง Wi-Fi พร้อมทั้งพิมพ์ Caption ได้ทันทีไม่ต้องรอโอนถ่ายผ่านสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์

รูปจากกล้อง EOS M10
รูปจากกล้อง EOS M10

นอกจากนี้ยังมีฟิลเตอร์อัตโนมัติให้เลือกใช้มากมาย

รูปจากกล้อง EOS M10
รูปจากกล้อง EOS M10

Find My Tone

ภายในงานมีการจัดเวิร์คช็อป “Find My Tone” เพื่อให้ทุกคนได้ค้นหาโทนสีของตัวเอง เคยไหมครับที่บางทีเราไปดู Instagram บางคนแล้วรู้สึกว่าภาพมันเป็นระเบียบเหลือเกิน ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากการ “คุมโทน” โดยแต่ละคนจะมีความชอบไม่เหมือนกัน บางคนชอบสีโทนอุ่น ๆ บางคนชอบโทนสดใส

ไม่ว่าใครก็ถ่ายรูปสวยได้

ถึงแม้จะวานให้ใครถ่ายภาพก็จะออกมาเป็นโทนเดียวกัน ไม่ต้องปรับแต่งอะไรให้วุ่นวายเพราะเราปรับและบันทึกเป็นโปรไฟล์ไว้แล้วนั่นเอง เวลาจะแชร์เป็นอัลบั้มก็จะคุมโทนสีไปในแนวทิศทางเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถปรับได้ด้วยตัวเองที่ตัวกล้อง จากนั้นจะบันทึกเป็นโปรไฟล์เก็บไว้หรือส่งให้เพื่อนก็ได้

Canon EOS M10 x Rilakkuma (11)

จากที่ลองที่ชอบเป็นการส่วนตัวก็คือ NFC มีฝังไว้ที่กล้องเลย สำหรับคนที่สมาร์ทโฟนรองรับ NFC (แต่ถ้าเครื่องไหนไม่รองรับก็โอนถ่ายผ่าน Wi-Fi) อย่างผมเองใช้ Galaxy S7 แค่แตะก็สามารถส่งภาพได้เลย เหมาะกับเวลาขายของออนไลน์ แล้วต้องถ่ายรายละเอียดส่งลูกค้าทาง LINE ซึ่งกล้องสมาร์ทโฟนไม่สามารถตอบโจทย์ได้ในกรณีที่ต้องการรูปคุณภาพสูง

Canon EOS M10 x Rilakkuma (12)

สรุปแล้วเท่าที่ได้ลองพบว่าหากคุณเป็นคนชอบท่องเที่ยว อยากได้กล้องขนาดสบายกระเป๋าไว้พกพาสักตัวหนึ่ง และมีความชื่นชอบในการ Selfie เป็นหลักจะตอบโจทย์มาก และสำหรับราคาก็ไม่ได้แพงอะไรมากมาย (ถูกกว่าสมาร์ทโฟนหลายรุ่นอีก) ยิ่งได้ตุ๊กตาลัคคุมะลิขสิทธิ์แท้ยิ่งคุ้มเข้าไปอีก

ส่วนใครอยากเห็นภาพจากกล้องมากกว่านี้ สามารถค้นหาเพิ่มเติมได้ผ่านแท็ก #EOSM10XRilakkuma #ToyTravel #FindMyTone ผ่านทาง Social Network ซึ่งมีผู้ใช้มากมายคอยแชร์ประสบการณ์อยู่

EOS M10 x Rilakkuma ราคาเท่าไหร่ มีขายที่ไหน

สำหรับคนที่อยากเป็นเจ้าของก่อนใคร สามารถซื้อล็อตแรกได้ตั้งแต่วันนี้ – 4 กันยายน (ในงาน Big Camera Big Pro Days) หรือร้าน World Camera สาขาลาดพร้าว หลังจากนั้นจะวางขายพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 15 กันยายน จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559 (หรือจนกว่าของจะหมด) ราคา 16,990 บาท

หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial