ในตลาดไม่ค่อยมีแท็บเล็ตระดับโปรให้เลือกมากนัก HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกนอกเหนือจาก iPad Pro สำหรับคนที่ทำงานกราฟิกหรือใช้งานมืออาชีพโดยเฉพาะ มากกว่าการใช้งานทั่วไปที่ต้องการแค่หน้าจอใหญ่ แต่ยังต้องมีประสิทธิภาพความแรง คีย์บอร์ดแยก และปากกาสำหรับวาดรูป และครั้งนี้ทาง HUAWEI ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเพราะจัดให้เต็มถึงชิปประมวลผลใหม่ และทำงานไร้รอยต่อกับอุปกรณ์อื่น

HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch

สำหรับรุ่นปีนี้ (2021) มีความแตกต่างจาก MatePad Pro ปีก่อนมากมาย อันดับแรกเลยก็คือหน้าจอที่เปลี่ยนมาใช้ OLED คุณภาพดีที่สุด รองรับขอบเขตสี DCI-P3 ระดับมืออาชีพที่ให้คุณภาพดีกว่า sRGB มากถึง 25% และมีความผิดเพี้ยนที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับขนาดจอใหญ่ 12.6″ แล้วมีพื้นที่แสดงผลถึง 90% สามารถเชื่อมต่อกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ทั้ง Mirror Mode, Extend Mode และ Collaborate Mode

สเปกและคุณสมบัติ

  • ระบบปฏิบัติการใหม่จาก HUAWEI (ไม่ใช่ Android)
  • หน้าจอ HUAWEI FullView Display ขนาด 12.6″ OLED 2K (ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล)
  • หน่วยประมวลผลจาก HUAWEI
  • แรม 8 GB
  • รอม 256 GB (รองรับ NM Card สูงสุด 256 GB)
  • กล้องหลังแบบ 3 เลนส์ พร้อมไฟแฟลช LED
    • กล้องหลัก 13 MP (F/1.8)
    • กล้องมุมกว้าง 8 MP (F/2.4)
    • กล้องตรวจจับความลึก 3D
  • กล้องหน้า 8 MP (F/2.0)
  • ลำโพง 8 ตัว ระบบเสียง harman/kardon
  • รองรับ HUAWEI M-Pencil (2nd generation) และ HUAWEI Smart Magnetic Keyboard
  • แบตเตอรี่ 10,050 mAh (รองรับชาร์จ 40W HUAWEI SuperCharge)
  • ขนาด 184.7 × 286.5 × 6.7 มม.
  • น้ำหนัก 609 กรัม

HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 28,990 บาท มาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมที่จำเป็นอย่าง HUAWEI M-Pencil (2nd generation) และ HUAWEI Smart Magnetic Keyboard ปกติสองอย่างนี้ขายแยกก็ตกชุดเป็นหมื่น แต่ถ้าซื้อแล้วไม่มีอุปกรณ์พวกนี้ ก็เหมือนความสามารถหายไป 50% เลยทีเดียว ส่วนอุปกรณ์ที่แถมมาก็มีอะแดปเตอร์ 40W และสายชาร์จ USB-C ส่วนหูฟังจะไม่มีให้นะครับ

HUAWEI Smart Magnetic Keyboard

การใช้งานสำหรับโปรแกรม Microsoft Office อันนี้คือสะดวกเลยมีแอปพลิเคชันรองรับอยู่แล้ว สามารถใช้งานเป็นเหมือนกับโน๊ตบุ๊คเครื่องหนึ่ง HUAWEI Smart Magnetic Keyboard สามารถใช้งานได้แบบไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่ โดยทำหน้าที่เป็นเคสป้องกันการกระแทกในตัว รุ่นขายจริงจะมีภาษาไทยบนแป้นให้เรียบร้อย โดยตัวคีย์บอร์ดจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 350 กรัม รวมเครื่องแล้วก็จะได้ประมาณเกือบ 1 กิโลกรัม

HUAWEI M-Pencil

นับว่าเป็นรุ่นที่สองของปากกา HUAWEI M-Pencil (2nd generation) ปรับปรุงใหม่ทั้งภายนอกและภายใน รองรับแรงกด 4,096 ระดับ สามารถเรียกใช้งานคำสั่งหรือสลับเครื่องมือได้ เพียงแค่แตะสองครั้งที่ด้ามปากกาโดยตรง นอกจากนี้ยังมาพร้อมคุณสมบัติ FreeScript ในการเขียนคำลงบริเวณกล่องค้นหา (ใช้ได้กับทุกแอปพลิเคชัน) ระบบจะแปลงลายมือให้เป็นตัวอักษรโดยอัตโนมัติ รองรับภาษาไทย ภาษาจีนและภาษาอังกฤษ

เรื่องกล้องถึงแม้ว่าจะมีทั้งหมด 3 เลนส์ แต่ส่วนตัวผู้เขียนรีวิวรู้สึกว่ามันเฉย ๆ ไม่ได้น่าสนใจสักเท่าไหร่ เนื่องจากความเป็นจริงคงน้อยคนที่จะหยิบแท็บเล็ตมาถ่ายภาพ แต่ถึงอย่างไรความละเอียดมันก็รองรับถึง 4K และมีกล้องตรวจจับความลึก 3D (แต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้อยู่ดี) ส่วนโหมดถ่ายภาพก็จัดมาให้เต็มแบบสมาร์ตโฟน Night, Portrait, Panorama, Monochrome, Light Painting, Burst Shooting, Documents, Master AI, Moving Picture, Capture Smiles และ Pro

สิ่งที่ดีงามที่สุดของแท็บเล็ตเครื่องนี้ก็คือหน้าจอนั่นเอง! ด้วยขอบจอบางเฉียบเพียง 5.6 มม. กับความละเอียดระดับ 2K ให้สีสว่างสดใสด้วย OLED HUAWEI FullView Display ในขนาด 12.6″ และเป็นรุ่นที่มีอัตราส่วนต่อหน้าจอสูงสุดในโลกถึง 90% แสดงเฉดสีได้ 100% บนมาตรฐาน DCI-P3 เหมาะกับคนที่ชอบแต่งรูปหรือทำกราฟิกบนแท็บเล็ต ให้สีสรรที่ไม่เพี้ยนและสมจริงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้

และด้วยความที่หน้าจอมันละเอียดและใหญ่ จึงทำให้สามารถแบ่งการทำงานหน้าจอได้หลายอย่างพร้อมกัน ยกตัวอย่างเช่นบางคนชอบทำงานพร้อมกับดูหนังไปด้วย ก็สามารถแบ่งแอปพลิเคชัน Multi-Window ที่เปิดใช้งานหน้าต่างได้สูงสุดถึง 4 แอปพลิเคชันใน 4 หน้าจอ และสะดวกยิ่งกว่ากับการเก็บหน้าต่างลอย ในแท็บเมนูด้านข้างได้มากสุด 10 หน้าต่าง ลืมเรื่องความหน่วงเพราะชิปประมวลผลทรงพลังเหลือ ๆ

ลำโพง 8 ตัว

อันนี้เป็นครั้งแรกของโลกที่แท็บเล็ตมีลำโพงเยอะขนาดนี้ ให้เสียงรอบทิศทางแบ่งเป็นลำโพงความถี่สูง (High Frequency Speakers) จำนวน 4 ตัว และลำโพงความถี่ครบทั้ง สูง-กลาง-ต่ำ (Full Frequency Speaker) จำนวน 4 ตัว กระจายเสียงรอบทิศทางหลากมิติให้ความดังมากขึ้นถึง 79dB อันนี้รีวิวแบบไม่อวยเลยว่าเสียดีกว่าโน้ตบุ๊คหลายรุ่นเสียอีก เอาไปดูหนังฟังเพลงได้เหมือนโรงภาพยนตร์ขนาดย่อมด้วย harman/kardon

การแยกตัวเครื่องกับคีย์บอร์ดทำงานด้วยแม่เหล็ก

โดยรวมแล้วแท็บเล็ตพกพาง่าย สามารถถอดและประกอบด้วยแม่เหล็ก ใช้เวลาเพียงแค่ 2-3 วินาที เท่ากับว่าเราสามารถหยิบมันมาอ่านหรือดูหนัง หลังจากนั้นก็เอามาสลับเพื่อใส่เคสคีย์บอร์ดทำงานต่อเนื่องได้ ส่วนปากกาก็ไม่ต้องหาเคสใส่แยก เพราะมีแม่เหล็กยึดติดกับเครื่องให้เลย และระหว่างที่เก็บก็จะทำการชาร์จไร้สายไปด้วยในตัว หากคุณต้องการความคล่องตัว HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch ตอบโจทย์เป็นอย่างมาก

ระบบปฏิบัติการใหม่

ระบบปฏิบัติการไม่พูดถึงก็คงจะไม่ได้ เพราะเป็นอุปกรณ์แรกที่มาพร้อมกับระบบนี้ ผ่านการออกแบบหน้าตาใหม่หมด แตกต่างจาก Android ที่เรารู้จักซึ่งก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป (แต่ปรับตัวได้ไม่ยาก) แอปพลิเคชันหลายตัวมีการโอนถ่ายไปยัง HUAWEI AppGallery อยู่บ้างแล้ว เช่น ไทยชนะ, เป๋าตัง, แอปพลิเคชันธนาคาร, ฯลฯ แต่ที่จะไม่มีแน่ ๆ เลยก็คือพวก Google Services ทั้งหลายยกตัวอย่างเช่น Google Maps

เรื่องของแอปพลิเคชันจะบอกว่าสำคัญก็สำคัญ แต่ทีนี้ก็ค่อนข้างพูดยากเพราะการใช้งานแต่ละคนไม่เหมือนกัน ซึ่งหากจำเป็นต้องใช้แอปพลิเคชันที่ไม่มีใน HUAWEI AppGallery ก็สามารถใช้ช่องทาง “พิเศษ” ได้ผ่านทาง Petal Search เพื่อทำการค้นหาเอาไฟล์ .APK ที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือมาติดตั้ง เพียงเท่านี้ก็ครอบคลุมประมาณ 90% ของแอปพลิเคชันบนโลกใบนี้แล้วล่ะ รวมถึงพวกเกมดัง ๆ ทั้งหลายแหล่

HUAWEI Multi-screen Collaboration with laptop

และด้วยความที่ระบบปฎิบัติการไม่ใช่ Android และแน่นอนว่ามันก็มีข้อดีกว่าอย่าง HUAWEI Multi-screen Collaboration with laptop ที่ช่วยให้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ HUAWEI ได้อย่างไร้รอยต่อร่วมกับโปรแกรม HUAWEI PC Manager ยกตัวอย่างเช่นเวลาการใช้งานคอมพิวเตอร์เราจะมีจอแยก เราก็สามารถใช้งาน HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch เป็นจอแยกต่อใช้งานแบบไร้สายได้เลย

HUAWEI Multi-screen Collaboration with laptop การใช้งานแบ่งออกเป็นสองโหมดคือ Mirror ที่เป็นสำเนาจอเหมือนกันทุกประการ เหมาะกับเวลาเรานำเสนองานให้ลูกค้าดูแบบเดียวกับหน้าจอของเรา หรืออีกโหมดก็คือ Extend ที่เป็นการขยายหน้าจอแยกออกไป (หน้าจอที่สอง) สามารถสลับการทำงานทุกอย่างได้อย่างอิสระ เหมือนเราได้หน้าจอเพิ่มขึ้นมาอีกอัน ทำให้สามารถใช้งานทุกอย่างได้สะดวกขึ้น

นอกจากการต่อเป็นจอเสริม เรายังสามารถใช้คุณสมบัติการเขียนหน้าจอหรือสัมผัสร่วมได้ เท่ากับว่าเหมือนเราได้หน้าจอสัมผัสเพิ่มมาอีกอันนึง เปรียบเทียบง่าย ๆ คือถ้าเราซื้อจอคอมพิวเตอร์แยก ที่เป็นความละเอียด 2K และรองรับระบบสัมผัสด้วย ยังไงก็ต้องมีจ่ายเพิ่มอีกเป็นหมื่นบาท คุณสมบัตินี้ช่วยให้เราสามารถใช้งานทั้งแท็บเล็ตและโน้ตบุ๊คของ HUAWEI ได้แบบไร้รอยต่อ และให้ความคุ้มค่าในการใช้งานมากยิ่งขึ้น

สำหรับการโอนถ่ายข้อมูลทั้งจากแท็บเล็ตหรือสมาร์ตโฟนเองก็ตาม สามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านทาง HUAWEI Share สามารถส่งรูปภาพหรือวิดีโอได้ด้วยความเร็วสูง ไม่ต้องมานั่งติดตั้งแอปพลิเคชันหรือตั้งค่าอะไร โดยการทำงานจะผ่านทาง Bluetooth ตรวจสอบอุปกรณ์ HUAWEI และใช้เทคนิค Wi-Fi Direct เพื่อส่งข้อมูลความเร็วสูง ส่วนสมาร์ตโฟนจะรองรับกับอุปกรณ์ที่เป็นระบบปฏิบัติการ EMUI 10.1 ขึ้นไป

การใช้งานแบบ Multi-tasker ช่วงแรกอาจไม่ค่อยชินกับ HUAWEI Share, Multi-Window และ App-Multiplier แต่ถ้าหากใช้เป็นเมื่อไหร่จะรู้สึกว่ามันคล่องตัวมาก (และขาดไม่ได้) ช่วยให้การใช้งานแท็บเล็ตสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่เราทำอะไรทีละอย่าง จะสลับหน้าจอแบบคอมพิวเตอร์ก็ลำบากไปหมด และเมื่อใช้งานร่วมกับ HUAWEI M-Pencil กลายเป็นว่าเหมือนกับติดปีกไปเลยกับแท็บเล็ตเครื่องนี้

อีกหนึ่งความชอบที่ผู้รีวิวชอบก็คือ FreeScript ในการเขียนคำลงบริเวณกล่องค้นหา (ใช้ได้กับทุกแอปพลิเคชัน) ระบบจะแปลงลายมือให้เป็นตัวอักษรโดยอัตโนมัติ สามารถใช้งานได้ทั้งภาษาไทย ภาษาจีนและภาษาอังกฤษ ส่วนความแม่นยำก็อยู่ในระดับที่ “หวังผลได้” เพราะเวลาที่เราถือ HUAWEI M-Pencil การจะเปลี่ยนมาใช้คีย์บอร์ดมันจะไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่นัก และการเขียนเอาช่วยเพิ่มความเร็วได้เยอะเลย

Reverse Wireless Charging

แบตเตอรี่เลยคำว่าอึดไปเยอะมาก 10,050 mAh ใช้งานกันแบบลืมชาร์จไปได้เลย ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่สามารถใช้ 40W HUAWEI SuperCharge ได้อย่างรวดเร็วหรือจะใช้เป็นชาร์จไร้สาย 27W Wireless Charging ก็ได้เช่นเดียวกัน (ต้องซื้อแยก) และที่วิเศษสุดก็คือการชาร์จแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์อื่นอย่าง 10W Reverse Wireless Charging อันนี้ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นข้ามค่ายได้หมด

สรุปแล้วแท็บเล็ตตัวนี้เหมาะกับใคร ? ผู้เขียนรีวิวมองว่าหน้าจอมันคือสิ่งที่โดดเด่นและดีที่สุด ชนิดที่ว่าหาตัวจับเปรียบเทียบได้ยาก เหมาะกับคนที่ต้องการขนาดและคุณภาพไปพร้อมกัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ HUAWEI M-Pencil และ HUAWEI Smart Magnetic Keyboard รองรับการใช้งานแบบมืออาชีพ และยิ่งเอาไปใช้งานเชื่อมต่อกับ HUAWEI MateBook ยิ่งให้ประสบการณ์ที่สมบูรณ์ชนิดใครก็เทียบยาก

ข้อดี

  1. หน้าจอ OLED 2K ขนาด 12.6″ เกรดมืออาชีพ
  2. ลำโพงคุณสูงถึง 8 ตัว พลังเสียง harman/kardon
  3. มาพร้อมกับ HUAWEI M-Pencil และ HUAWEI Smart Magnetic Keyboard
  4. ตอบโจทย์ Multi-tasker (HUAWEI Share, Multi-Window และ App-Multiplier)
  5. ยิ่งใช้กับสมาร์ตโฟนหรือโน้ตบุ๊ค HUAWEI ยิ่งครบเครื่อง!

ข้อเสีย

  1. ไม่รองรับ Google Services
  2. ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.

สรุป

อีกหนึ่งแท็บเล็ตระดับมือโปรคุณภาพสูง HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch เหมาะกับคนที่ใช้งานร่วมกับสมาร์ตโฟนหรือโน้ตบุ๊ค HUAWEI และอยากได้แท็บเล็ตประสิทธิภาพสูงเพื่อใช้ทำงาน วาดรูป และการตัดต่อเพราะหน้าจอมันดีมาก! ราคาถึงจะดูเหมือนแพง แต่ถ้าเทียบกับของแถมที่ได้ก็ประหยัดกว่าของคู่แข่ง หากคุณเป็นคนทำงานสายครีเอทีฟที่ซีเรียสเรื่องหน้าจอ ความเที่ยงตรงของสี เราขอแนะนำเลย!