Xiaomi Huami AMAZFIT Bip เจ้าของเดียวกับ Mi Band ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า สำหรับคนที่อยากได้คุณสมบัติดูนาฬิกาไปด้วย แต่ก็ไม่อยากได้อารมณ์ Smartwatch ที่ต้องชาร์จแบตเกือบทุกวัน รุ่นนี้คล้ายกับลูกผสมระหว่างสายรัดข้อมือออกกำลังกาย และนาฬิกาอัจฉริยะในเรือนเดียวกัน ข้อดีคือสแตนบายได้ถึง 45 วัน แถมยังมีน้ำหนักเบาเพียง 32 กรัม

Xiaomi Huami AMAZFIT Bip
Xiaomi Huami AMAZFIT Bip

Xiaomi Huami AMAZFIT Bip

สำหรับคนที่สนใจนาฬิกาอัจฉริยะเรือนนี้ สามารถสั่งออนไลน์ผ่านทาง GearBest ได้ในราคาไม่ถึง 2,000 บาท (จัดส่งฟรี) ซึ่งก็ถูกกว่าไทยพอสมควร แถมยังไม่ต้องเสี่ยงกับของล็อตเก่าในไทยที่เป็น Chinese Version เพราะล็อตใหม่อันนี้นั้นเป็น International Version เรียบร้อยแล้ว

การจัดส่งค่อนข้างโอเคไม่ใช่ระยะเวลานานมากประมาณ 10-25 วัน แต่หากใครอยากได้เร็วหน่อยก็สามารถบวกค่าขนส่งได้อย่างเร็วสุดก็ 3-8 วัน (แต่ผมต้องการราคาถูกที่สุดเลยเลือก Free Shipping แทนครับ) ส่วนบรรจุภัณฑ์ก็ห่อมาได้พอประมาณ ถึงแม้กล่องจะบุบเล็กน้อยแต่สินค้าข้างในก็ยังสมบูรณ์ 100%

แกะออกมาคล้ายกับสมัย Pebble ยังไม่เจ๊ง นาฬิกาอัจฉริยะเป็นอะไรที่แพงมาก ๆ ซึ่งเดียวนี้ก็มีหลายรุ่นที่เป็นแบรนด์ไม่มีชื่อ ทำออกมาราคาถูกในอย่าง NO.1 F6 Smartwatch หรือ Ulefone uWear ที่ราคาเริ่มต้นไม่ถึงพันคงทำให้หลายคนเริ่มไม่มั่นใจ แต่สำหรับแบรนด์ Xiaomi ถึงแม้จะเป็นอะไรที่ราคาถูก แต่หลายคนก็ยังวางใจในคุณภาพได้อยู่

ภายในก็ไม่มีอะไรมาก มีเพียงตัวเรือนนาฬิกาแล้วก็สายชาร์จที่เป็นแท่นในตัว แล้วก็คู่มือภาษาอังกฤษอีกเล็กน้อย ไม่มีสายสำรองอะไรให้ แต่ถึงอย่างไรถ้าคุณเป็นเอเชียถึงแม้จะตัวใหญ่หรืออ้วนหน่อย ก็ยังสามารถใส่สายเดียวกันได้อยู่ รวมถึงผู้หญิงที่มีข้อมือขนาดเล็กก็ใส่ได้เช่นกัน (ของผมใส่อยู่ประมาณล็อคที่ 4)

สำหรับเรื่องสีก็มีให้เลือกตั้งแต่

  • สีดำ สายดำ
  • สีส้ม สายกรมท่า
  • สีเขียวเข้ม สายดำ (ตัวที่รีวิว)
  • สีขาว สายขาว

แน่นอนว่าสวยสุดก็คือเขียวเข้มที่รีวิว

ตัวเรือนออกแบบมาด้วยความเรียบง่าย วัสดุเป็นพลาสติกชิ้นเดียว เน้นความเป็น “วัยรุ่นและสนุก” สามารถใช้งานสแตนบายได้ถึง 45 วัน พร้อมระบบ GPS + Glonass นอกจากนี้ยังมีมากกว่าแค่นับก้าว เพราะสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้อีกด้วย โดยสามารถเปิดทิ้งไว้ได้ตลอดเวลา ตัวเครื่องจะจับเวลาวัดเป็นช่วง และแน่นอนว่ามันสามารถใส่ได้ทุกวันแม้กระทั่งการนอน ด้วยน้ำหนักเบาเพียง 32 กรัม

คำถามยอดฮิตของ Smartwatch ก็คือเรื่องกันน้ำได้หรือไม่ สามารถสนทนาได้รึเปล่า (Apple Watch สนทนาได้ผมยังไม่ค่อยใช้เลย) คำตอบก็คือนาฬิกาเรือนนี้สามารถกันน้ำได้ถึงระดับ IP68 ถ้าใครต้องการเอาไปว่ายน้ำอันที่จริงก็ได้ครับ แต่ไม่มีระบบออกกำลังกายแบบว่ายน้ำ นอกจากนี้การสนทนาไม่สามารถทำได้ แต่สามารถสั่นเตือนแจ้งคนโทรเข้าได้

วิธีการใช้งานก็ไม่ยากอะไรนัก สามารถดาวน์โหลด Mi Fit ตัวเดียวกับที่ใช้กับ Mi Band รองรับระบบปฏิบัติการ Android และ iOS จากนั้นก็ติดตั้งไปตามขั้นตอน Pair Bluetooth อะไรให้เรียบร้อย แล้วค่อยเลือกรุ่น AMAZFIT Bip ในแอปพลิเคชัน

หน้าจอพื้นฐานจะแสดงในส่วนของเวลาและอัตราการเต้นของหัวใจ (สามารถตั้งให้มันวัดทั้งวันได้) ถัดลงมาก็จะเป็นก้าวเดินครับ ส่วนความแม่นยำก็อยู่ในระดับปานกลาง ไม่ค่อยแม่นเท่ากับ Apple Watch หรือ Samsung Gear สักเท่าไหร่ แต่เมื่อเทืยบกับราคาแล้วก็ไม่ซีเรียสครับ ใช้ออกกำลังกายแบบไม่จริงจังพอได้อยู่

ในโหมดออกกำลังนอกจากจะวัดก้าวและอัตราการเต้นของหัวใจ ยังสามารถวัดระยะทางไปได้ด้วยว่าเราไปกี่กิโลเมตรแล้ว ส่วนโหมดการออกกำลังกายมีทั้งหมด 4 รูปแบบ ได้แก่

  1. วิ่งกลางแจ้ง
  2. วิ่งบนลู่วิ่ง
  3. ปั่นจักรยานกลางแจ้ง
  4. เดินออกกำลังกาย

กันน้ำได้ IP68 แต่ไม่มีโหมดว่ายน้ำเนื่องจากอุปกรณ์มันไม่รองรับ (ฮา) ส่วนการเชื่อมต่อทำผ่าน Mi Fit สามารถใช้ได้กับอุปกรณ์สวมใส่ทั้งหมดของ Xiaomi และส่งออกข้อมูลไปยัง Health (iOS) หรือ Google Fit (Android)

สามารถดูพยากรณ์อากาศได้เล็กน้อย โดยอาศัย Sync ข้อมูลจากสมาร์ทโฟน

ตัวเรือนมีระบบเข็มทิศในตัว ดังนั้นมันจึงสามารถใช้เป็นเข็มทิศได้ด้วย

อย่างที่กล่าวขั้นต้นคือตัวมันไม่มีไมค์และลำโพงสนทนา (มีแค่เสียงปิ๊บ) ดังนั้นจึงไม่สามารถสนทนาได้ ทำได้อย่างเก่งก็คือสั่นแจ้งเตือนโทรเข้า และเลือกที่จะตัดสายทิ้งกรณีที่เราไม่สะดวกรับ หรือใช้ดูพวกการแจ้งเตือนของ App แต่น่าเสียดายที่ ไม่รองรับภาษาไทย ดังนั้นไปสนใจที่คุณสมบัติอื่นดีกว่า

กลับสู่โหมดหน้าจอปกติ สามารถใช้งานได้ยาวนาน 45 วัน หน้าจอดังภาพคือจะเป็นหน้าจอคล้าย E-Ink (ไม่รู้เขาเรียกอะไร) แต่คือจะไม่มีแสงออกมาเลย ไม่สามารถมองเห็นในเวลากลางคือ ถ้าจะดูกลางคืนต้องกดปุ่มให้มีไฟด้านหลัง ตามตัวอย่างของรูปสองภาพด้านบนครับ

ตัวตะขอก็เป็นล็อคแบบนาฬิกาทั่วไป ผมไม่ค่อยมั่นใจเรื่องข้อมูลนัก แต่คิดว่าน่าจะเปลี่ยนเป็นสายนาฬิกาทั่วไปได้ด้วย ส่วนสายที่แถมมาลักษณะคล้ายยางซิลิโคน ทำความสะอาดง่ายและไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ส่วนตัวผมแพ้สายหนังแต่สามารถใส่สายซิลิโคนได้สบายครับ

Mi Fit
Mi Fit

Mi Fit

ตัวแอปพลิเคชันก็เป็นที่คุ้นเคยกันดี (ไม่ต้องตกใจเพราะผม Pair รองเท้า Li-Ning เอาไว้ด้วย) ตรงนี้สามารถปรับแต่งได้เล็กน้อยอย่างพวก Watch Face หรือรายละเอียดเล็กน้อย และครั้งแรกของผมที่ต่อก็มีการอัปเดต Firmware ด้วยเช่นกัน สะท้อนให้เห็นว่า Xiaomi ยังมีการดูแลอยู่เรื่อย ๆ

นอกจากนั้นก็จะเป็นรายละเอียดปลีกย่อย รวมถึงการปรับแต่งเมนูตามภาพเลยครับ

ทดสอบใช้งานจริง

รีวิว Xiaomi Huami AMAZFIT Bip ทดสอบการใช้งานจริง เทียบกับขนาดแล้วดูเหมาะกับคนเอเชียเป็นอย่างยิ่ง คือไม่เล็กเกินสำหรับข้อมือผู้ชาย แล้วก็ไม่ใหญ่เกินสำหรับข้อมือผู้หญิง น้ำหนักเบาใส่แล้วไม่อึดอัด สามารถสวมได้ทั้งวัน ใช้แทนนาฬิกาปลุกได้ด้วยระบบสั่น โดยไม่ต้องใช้เสียงรบกวนคนในห้อง ส่วนแบตเตอรี่เท่าที่ใช้งานประมาณ 1 สัปดาห์ ลดลงไปเพียงแค่ 20%

GearBest
GearBest

ซื้อที่ไหน

สำหรับคนที่สนใจและอยากได้ราคาถูกที่สุด ตอนนี้แนะนำให้สั่งออนไลน์จากจีนราคาไม่แพง ราคาไม่ถึง 2,000 บาท (รวมค่าจัดส่ง) สามารถสั่งออนไลน์ผ่านทาง GearBest และตอนนี้ก็มีขายเป็นเวอร์ชัน International Version เรียบร้อยแล้ว สำหรับเว็บไซต์นี้เชื่อถือได้เพราะผมก็สั่งสินค้า IT จากประเทศจีนมาเล่นอยู่บ่อยครั้ง

ข้อดี

  1. คุ้มค่า ราคาถูก
  2. แบตเตอรี่อึด ใช้งานได้เป็นเดือน
  3. น้ำหนักเบา ใส่แล้วไม่อึดอัด
  4. ระบบ GPS + Glonass ในตัว
  5. กันน้ำมาตรฐาน IP68

ข้อเสีย

  1. ไม่รองรับภาษาไทย มีคนทำ ROM มาแก้แล้ว
  2. ยังทำอะไรได้ไม่เยอะ

สรุป

สำหรับคนที่มองหานาฬิกาออกกำลังกาย เพื่อใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องการความเป็น Smartwatch อะไรมากนัก Xiaomi Huami AMAZFIT Bip ค่อนข้างตอบโจทย์ แถมยังไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่บ่อย ถ้าจะพังหรือหายไปก็ไม่ต้องเสียดาย เพราะราคามันก็ไม่ได้สูงอะไรมากนัก ส่วนตัวผมใส่แค่ดูเวลากับวัดอัตราการเต้นของหัวใจตอนวิ่ง และสั่นปลุกรวมถึงสั่นเตือนตอนคนโทรเข้า เพียงแค่นี้ก็คุ้มแล้วครับ