Ulefone uWear เป็นนาฬิกาอัจฉริยะอีกแบรนด์หนึ่งที่น่าสนใจ หลายคนอาจเคยได้เห็นแบรนด์จีนทั่วไปอย่าง U8 SmartWatch ซึ่งถึงแม้ว่าราคาจะถูกแต่ก็ค่อนข้างน่าผิดหวัง ในวันนี้เราจะมาดูแบรนด์จีน (Ulefone) อีกแบรนด์หนึ่งที่น่าจับตามองไม่แพ้กันครับ ถึงแม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือน Xiaomi, MEIZU เองก็ตาม (ดังที่หลายคนเคยกล่าวเอาไว้ว่า : “พระเจ้าสร้างแค่โลกส่วนที่เหลือสร้างที่จีน”)

Ulefone - uWear (1)

Ulefone uWear

นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นนี้ราคา $22.99 (ประมาณ 829 บาท) สั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ GearBest หากใครสนใจลองเข้าไปดูนะครับ สำหรับโปรโมชั่นมีอยู่เรื่อย ๆ แถมส่งฟรีมาไทยอีกต่างหาก (ถึงแม้จะนานไปหน่อยก็ตาม)

Ulefone - uWear (2)

uWear ความสามารถค่อนข้างที่จะหลากหลาย รองรับทั้งบน Android และ iOS (iOS ไม่รองรับบางฟีเจอร์) ส่วนถ้าหากเป็น Android จะสามารถทำได้หมดเลยดังนี้

  • ค้นหาสมาร์ทโฟน
  • นาฬิกาปลุก
  • ส่งข้อความ
  • นับก้าวเดิน
  • โทรศัพท์
  • แจ้งเตือนเคลื่อนไหว
  • รีโมทกล้อง
  • เครื่องเล่นเพลง
  • อีเมล์
  • สมุดโทรศัพท์
  • ตรวจจับการนาน

ที่พูดมาคือมันทำได้หมดเลย ไม่ใช่ว่าทุกฟีเจอร์จะทำได้ดี ซึ่งบางครั้งก็มีเอ๋อกันบ้างตามภาษา

Ulefone - uWear (3)

ภายในกล่องประกอบไปด้วย uWear พร้อมคู่มือขนาดที่คนไทยจะสามารถอ่านได้ (ไม่เกิน 7 บรรทัด) ส่วนสายชาร์จที่เป็น Micro USB ไม่ได้แถมมาให้ ขนาดอยู่ที่ 37 x 41 x 10 มิลลิเมตร และน้ำหนักอยู่ที่ 45 กรัม

Ulefone - uWear (4)

ความเจ๋งของมันอยู่ที่วัสดุและงานประกอบอันแสนจะพรีเมี่ยม ด้วยราคาที่แบงค์พันยังมีทอน อันนี้ใช้กระจก 2.5D แบบโค้งตรงมุมเหมือน Apple Watch ไม่มีผิด (นาฬิกาอัจฉริยะแบรนด์จีนหลายรุ่น ใช้พลาสติกแทนกระจกเพื่อลดต้นทุน) นอกจากนี้ยังใช้อลูมิเนียมเกรด 316L ความสามารถกันน้ำอยู่ที่ IP65

Ulefone - uWear (5)

ด้านท้ายเป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับอะไรก็ไม่รู้ของมัน แต่ที่แน่ ๆ คือมีทุกอย่างยกเว้น “Heart Rate” สำหรับแบตเตอรี่อยู่ได้นาน 7 วัน ผ่านการชาร์จเพียง 15 นาที สำหรับดีไซน์ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าได้แรงบันดาลใจมาจากอะไร

Ulefone - uWear (6)

ในเมื่อมันเหมือนกันนักก็เอาไปเทียบกับ Apple Watch เลยก็แล้วกัน (ฮา) สายสีเขียวเป็นของแท้ครับ แต่ที่หน้าตาดูแปลกไปเนื่องจากว่าผมเอาไปใส่เคสนั่นเอง

Ulefone - uWear (7)

ดูงานประกอบแล้วค่อนข้างเหมือนอย่างน่าใจหาย แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับคนที่ต้องการแค่ใส่เป็นแฟชั่น ในราคาที่ไม่แพงเท่าไหร่นัก เรียกได้ว่าจ่ายแค่ไม่กี่ร้อยบาทแต่ดูดีไม่แพ้กันเลยทีเดียว (แถมใช้งานกับ Android ได้อีกด้วย)

Ulefone - uWear (8)

ขนาดปลายสายก็ยังเหมือนกันชนิดที่ว่า AAA+ เซ็นต์สำเนาถูกต้องกันมาเลย

Ulefone - uWear (9)

สำหรับสายความยาวของ uWear จะมีมากกว่าเล็กน้อย ซึ่งเมื่อใช้งานจริงแล้วมันค่อนข้างที่จะยาวเลยแหล่ะ! สำหรับคนมือใหญ่หรือมืออ้วนอันนี้ไม่ต้องกังวล แต่ผู้หญิงที่ข้อมือเล็กคงไม่แนะนำครับ

Ulefone - uWear (10)

ใส่คู่เทียบกันไปเลย กระจกเป็นแบบ 2.5D เหมือนกัน ทำให้งานดูพรีเมียมขึ้นมาเยอะ

Ulefone - uWear (11)

ถือกินกาแฟเก๋ ๆ รับรองไม่มีใครมองออก (ฮา)

uWear-App

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้จาก QR Code ด้านบน (หรือดูในคู่มือ) สำหรับคนที่คิดจะซื้อไปใช้กับ Android อันนี้แนะนำครับ ส่วนถ้าเป็น iOS ข้อจำกัดจะค่อนข้างเยอะจนน่าหงุดหงิด

สรุป

เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องการนาฬิกาอัจฉริยะ ในราคาที่ไม่สูงจนเกินไปเหมือนกับเป็นจุดเริ่มต้นในการใช้งาน หากใช้คล่องแล้วเบื่อจะขยับไปเล่นตัวที่สูงกว่านี้ก็ได้ครับ ส่วนตัวคิดว่ามันเอาไว้ดูเวลากับพวกการแจ้งเตือนเวลาคนโทรเข้าก็ค่อนข้างคุ้มมากแล้ว แถมดีไซน์ก็ไม่ขี้เหร่เหมือนนาฬิกาจีนทั่วไปด้วย