อนาคตของ “เงินสด” ในฐานะวิธีชำระเงินหลักในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังเปลี่ยนไป ซึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น นโยบายต่างๆ จากรัฐบาล การเพิ่มจำนวนขึ้นของการใช้ SmartPhone และพฤติกรรมผู้บริโภคที่กำลังพัฒนาและเปลี่ยนไปอย่างไม่หยุดยั้ง
จากผลวิจัยตลาดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคในประเทศไทยได้เปลี่ยนมาใช้สมาร์ทเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วขึ้น ซึ่งส่งผลอย่างมากต่อวิธีการในการชำระเงินของพวกเขา ซึ่งไม่ต่างจากผู้บริโภคในประเทศอื่นๆ
- ผลการสำรวจล่าสุดจาก Visa พบว่า เกือบ 60% ของผู้บริโภคในประเทศไทยมีความต้องการอย่างมากในการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ บัตรเดบิต บัตรเครดิต และชำระเงินด้วยวิธีการอิเล็กโทรนิกส์ แทนการชำระเงินด้วยเงินสด
- มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ใช้สมาร์ทโฟนในประเทศไทย มีการใช้บริการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ และ 17% มีการชำระเงินผ่านกระเป๋าสตางค์ดิจิตอลบนโทรศัพท์มือถือ
- ผลสำรวจจาก GSMA พบว่า ปัจจุบัน มีประชากรไทยที่ใช้สมาร์ทโฟนอยู่ถึง 65%
- จำนวนการเปิดใช้งานบัตรเครดิตและเดบิตเพิ่มมากขึ้น และมีการขยายตัวไปในตลาดผู้บริโภคที่มีรายได้ต่ำมากขึ้น โดยมีสัดส่วนการใช้งานรวมอยู่ที่เกือบ 12%
ที่สำคัญ รัฐบาลยังขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ระบบเศรษฐกิจแบบไร้เงินสด โดยคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ National E-payment ได้ประกาศเปิดตัวแผนยุทธศาสตร์ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพของระบบการเงินภายในประเทศ เมื่อการดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้ว จะสามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศไทยได้ภายในเวลา 5 – 10 ปี
นอกจากนี้การใช้ชีวิตแบบมีความคล่องตัว (โมบิลิตี้) มากขึ้นของผู้คนในปัจจุบัน ได้เป็นปัจจัยเร่งสำหรับผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย ให้เริ่มหันมาใช้โซลูชั่นการชำระเงินแบบพกพามากยิ่งขึ้น
เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจร้านค้านำเทคโนโลยีการชำระเงินแบบไร้เงินสดเข้ามาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น Verifone ในฐานะผู้นำด้านโซลูชั่นการชำระเงินอิเล็กโทรนิกส์ จึงได้เปิดตัวโซลูชั่นชำระเงินแบบอิเล็กโทรนิกส์ล่าสุด Verifone C680 ซึ่งมีพาร์ทเนอร์หลักทางธุรกิจในประเทศไทย ได้แก่ Loxbit และ GHL
Verifone C680 คืออุปกรณ์ชำระเงินแบบพกพารุ่นใหม่ล่าสุดจาก Verifone ที่ผสมผสานความเก่งกาจ ความสะดวกสบาย และความสามารถขั้นสูงเข้าไว้ในอุปกรณ์เดียวกัน ทั้งยังเป็นโซลูชั่นที่มีความปลอดภัย ราคาเอื้อมถึงได้สำหรับผู้ประกอบการในธุรกิจทุกขนาด โดยอุปกรณ์ดังกล่าว จะช่วยให้สถาบันการเงิน ร้านค้าปลีก และธุรกิจในสายอุตสาหกรรมต่างๆได้รับประโยชน์จากโซลูชั่นการชำระเงินที่ก้าวหน้าและล้ำสมัย
Verifone C680 มอบประสบการณ์การชำระเงินที่รวดเร็วขึ้นผ่านเทคโนโลยีส่งข้อมูลระยะสั้นแบบไร้สาย (NFC), การชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ, บัตรแถบแม่เหล็ก ฯลฯ ทั้งยังพ่วงด้วยโซลูชั่นที่ได้รับการรองรับมาตรฐาน PCI 4.X ที่มาพร้อมกับการออกแบบ dual-purpose ซึ่งมอบวิธีการติดต่อสื่อสารที่หลากหลายให้กับผู้ใช้งาน ทั้งการเชื่อมต่อผ่าน 3G, เชื่อมต่อผ่าน Dial และ Ethernet เพื่อการใช้งานแบบพกพา และใช้งานหน้าเคาน์เตอร์ ด้วยขุมพลังจากโปรเซสเซอร์ มอบการใช้งานที่ดีขึ้นและรวดเร็วขึ้น Verifone C680 จึงเป็นโซลูชั่นที่สมบูรณ์แบบสำหรับธุรกิจทุกประเภท
นอกจากนั้น Verifone C680 ยังได้เพิ่มหน่วยความจำที่ทำให้การดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นต่างๆ และการแสดงผลแบบมัลติมีเดียเป็นไปได้ง่ายขึ้น พร้อมกันนี้ ช่วงเวลาสแตนบายของเครื่องยังมีระยะที่ยาวขึ้น ซึ่งช่วยให้การทำธุรกรรมทางการเงินเป็นไปได้อย่างไม่มีสะดุด
Verifone จะมีการให้บริการโซลูชั่นดังกล่าวผ่านพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจในประเทศไทย และอินโดนีเซีย โดยในประเทศไทย ได้มีการจับมือกับ Loxbit and GHL ซึ่งเป็นผู้นำตลาดด้านการนำเสนอโซลูชั่นการชำระเงิน และโซลูชั่นด้านการตลาด โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อมอบบริการและโซลูชั่นด้านการชำระเงินที่ล้ำสมัยและปลอดภัยแก่ผู้ประกอบการต่างๆในประเทศไทย
แดนนี่ เหลียง กรรมการผู้จัดการของ GHL Systems Brehad กล่าวว่า “การเป็นพาร์ทเนอร์กับ Verifone จะช่วยให้เราสามารถทำธุรกรรมการเงินโดยไม่ใช้เงินสดได้มากยิ่งขึ้น Verifone C680 จะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ มีช่องทางการชำระเงินหลายรูปแบบ และกระตุ้นให้ผู้บริโภคเลือกใช้วิธีการชำระเงินที่ปลอดภัยกว่า ดีกว่า รวดเร็วกว่า และสะดวกกว่า ด้วยบัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต และตัวเลือกการทำธุรกรรมการเงินแบบใหม่”
ศักดิ์ณรงค์ แสงสง่าพงศ์ ประธานกรรมการ และประธานบริหาร ของ Loxbit กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพาร์ทเนอร์กับ Verifone เพื่อมอบโซลูชั่นการชำระเงินแบบใหม่ในราคาที่เอื้อมถึง ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับตลาดประเทศไทย การเป็นพาร์ทเนอร์ครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งในตลาดประเทศไทย รวมทั้งความแข็งแกร่งของโซลูชั่น Verifone ที่เหมาะสมกับตลาดประเทศไทย เพื่อช่วยให้ผู้ค้าสามารถรับวิธีการชำระเงินได้หลายรูปแบบ และสนับสนุนให้ผู้บริโภคลดการพึ่งพาเงินสดในการทำธุรกรรมการเงินต่างๆได้มากขึ้น”
อภิญญา สุขถาวรากร ผู้จัดการทั่วไปของ Verifone ประเทศไทย กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีความสำคัญสำหรับเรา และเรามองเห็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางของประเทศไทยสู่การเป็นระบบเศรษฐกิจไร้เงินสด เรามีความยินดีอย่างยิ่งในการช่วยกระตุ้นการเติบโตให้กับโซลูชั่นการชำระเงินแบบใหม่ และการทำธุรกรรมการเงินแบบอิเล็กโทรนิกส์ในประเทศไทย และเราพร้อมช่วยให้ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ของเราสามารถเข้าถึงโซลูชั่นเทคโนโลยีที่ดีที่สุด เพื่อผลักดันการยอมรับในวิธีการชำระเงินทุกรูปแบบในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เป้าหมายของเราคือการมอบวิธีการชำระเงินที่ดีขึ้น เร็วขึ้น และสะดวกสบายมากขึ้นแก่ประชาชน พร้อมทั้งช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถรองรับวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างความจงรักภักดีต่อแบรนด์และรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นในลำดับต่อไป”