Galaxy J7 Version 2 (2016) เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กจาก Samsung และเป็นตัวแรงสุดในตระกูล J-Series โดยสูงกว่านี้ก็จะเป็นตระกูล A-Series ความเปลี่ยนแปลงในรุ่นนี้มาพร้อมกับการออกแบบ, สเปค, กล้อง, แบตเตอรี่, ฯลฯ ที่พัฒนาดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมเมื่อปีที่แล้วในทุกด้าน

Galaxy J7 Version 2 (2016)
Galaxy J7 Version 2 (2016)

Galaxy J7 Version 2 (2016)

ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 8,990 บาท แถมฟรี! เมมโมรี่ 32 GB (รวมเป็น 48 GB) ทุกอย่างเหมือนกับรุ่น J5 Version 2 (2016) ต่างกันที่ขนาดหน้าจอ, หน่วยประมวลผล, และแบตเตอรี่นิดหน่อย ส่วนราคาก็ห่างกัน 1,000 บาท

Samsung - Galaxy J7 Version 2 (2017)

สเปค | Galaxy J7 Version 2 (2016)

  • ระบบปฏิบัติการ : Android 6.0.1 ครอบด้วย TouchWiz UI
  • หน้าจอ : Super AMOLED 5.5″ ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล
  • หน่วยประมวลผล : Exynos 7870 Octa-core 1.6 GHz
  • แรม : 2 GB
  • รอม : 16 GB รองรับ microSD สูงสุด 128 GB (แถมเมม 32 GB)
  • กล้องหลัง : 13 MP f/1.9 พร้อมแฟลช LED
  • กล้องหน้า : 5 MP f/1.9
  • เครือข่าย : 4G รองรับสองซิม (Dual SIM) ทุกเครือข่าย
  • การเชื่อมต่อ : NFC, OTG
  • แบตเตอรี่ : 3300 mAh

Samsung - Galaxy J7 Version 2 (2018)

Version 2 นี่ถือว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหน่วยประมวลผล, แรม, กล้อง, แบตเตอรี่, รวมทั้งระบบปฏิบัติการก็ไม่ต้องลุ้นให้เมื่อยเพราะเป็น Android 6.0.1 มาจากโรงงานรับประกันได้เรื่องความลื่นไหล

Samsung - Galaxy J7 Version 2 (2019)

ด้านข้างมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ จากพลาสติกธรรมดามาเป็นอลูมิเนียมไม่ต่างจาก Galaxy S7 และถึงแม้ฝาหลังจะยังคงเป็นพลาสติกอยู่ แต่มีการเล่นขัดลายโลหะที่สวยงามและ “ดูแพง” มากกว่ารุ่นเก่า

Samsung - Galaxy J7 Version 2 (2020)

เรียบหรูมากจริง ๆ เทียบรัศมีตระกูล A-Series ได้สบาย

Samsung - Galaxy J7 Version 2 (2021)

ความงามที่สัมผัสได้ไม่เพียงแค่วัสดุเท่านั้นที่เปลี่ยนไป แต่พอค้นสเปคอย่างละเอียดแล้วพบว่า Version 2 (2016) นั้นมีขอบจอที่บางลงทำให้หน้าจอเท่าเดิม แต่มีขนาดเครื่องที่กะทัดรัดมากยิ่งขึ้นให้สัดส่วนหน้าจอประมาณ 72.3% เทียบกับของเดิมเพียงแค่ 69.6%

Samsung - Galaxy J7 Version 2 (2022)

แบตเตอรี่เป็นแบบถอดเปลี่ยนได้ขนาด 3300 mAh (มากกว่าเดิมเล็กน้อย) มีโหมดประหยัดแบตเตอรี่สุดขั้ว Ultra Power Saving Mode ให้ได้ใช้งาน สามารถใส่ซิมได้สองอันแยกเป็นอิสระจาก microSD ต่างจากรุ่น Galaxy S7 ที่ราคาสองหมื่นกว่าบาท แต่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง

Screenshots - Galaxy J7 Version 2 (2017)

ใช้งานจริง | Galaxy J7 Version 2 (2016)

การใช้งานโดยรวม “ลื่นมาก” มีลูกเล่นเล็กน้อยสไตล์ Samsung แต่ไม่เยอะเท่ารุ่นใหญ่กว่า (แอบเสียดายเล็กน้อยที่ไม่มีเซ็นเซอร์วัดแสง) และด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 5.5″ จึงทำให้ App Drawer มาในขนาด 4 x 5 และนอกจากนี้ TouchWiz UI ยังมาพร้อมกับธีมให้ดาวน์โหลดเพียบ

Screenshots - Galaxy J7 Version 2 (2018)

ลูกเล่นถือว่าตัดไปค่อนข้างเยอะพอสมควรเมื่อเทียบกับรุ่นใหญ่

Screenshots - Galaxy J7 Version 2 (2019)

ทดสอบความแรงด้วย AnTuTu ไม่น่าเชื่อว่าสมาร์ทโฟนราคา 8,990 บาท (อันที่จริงตอนนี้ก็สามารถหาซื้อได้ด้วยราคาแค่เจ็ดพันต้น) แต่ได้คะแนนไปสูงถึง 48,285 คะแนน เป็นที่น่าพอใจสำหรับหน่วยประมวลผล Exynos 7870 Octa-core 1.6 GHz และ GPU Mali-T830 ส่วนแรมเพิ่มมาเป็น 2 GB แบบความเร็วสูง LPDDR3

Photos taken with Samsung Galaxy J7 Version 2 (2016)

กล้อง | Galaxy J7 Version 2 (2016)

การใช้งานโดยรวมค่อนข้างดีมากเพราะกล้อง F/1.9 (รุ่นเก่า F/2.2) ผลก็คือถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีกว่าเดิม 34% ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง สามารถกดปุ่ม Home สองครั้งเพื่อเรียกใช้งานด่วน สำหรับคนรักการ Selfie ก็ไม่ให้ผิดหวังด้วยแฟลชกล้องหน้า รวมถึงฟีเจอร์นางเอกอย่าง Beauty Mode และ Palm Selfie ตั้งค่าการถ่ายภาพด้วยการชูมือ

samsung-galaxy-j-spec-compare

แต่สำหรับใครที่คิดว่า Galaxy J7 ยังไม่เหมาะกับตัวเอง หรือมีราคาสูงเกินไปทาง Samsung ก็ได้ซอยรุ่นย่อยออกมามากมายครับ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมแนะนำ J7, 75 ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดในตอนนี้ และมีแบตเตอรี่ที่อยู่ได้เกือบสองวันเต็ม

ข้อดี

  1. กล้องสว่างด้วย F/1.9
  2. ดีไซน์สวยพร้อมขอบเมทัล
  3. 4G และรองรับสองซิม
  4. สเปคแรงเมื่อเทียบกับราคา
  5. มาพร้อมระบบปฎิบัติการ Android 6.0.1

ข้อเสีย

  1. ไม่มีเซ็นเซอร์วัดแสง
  2. หลายฟีเจอร์ถูกตัดออก

สรุป

สมาร์ทโฟนรุ่นกลางที่เอนไปทางล่างนิดหน่อย เน้นความคุ้มค่าและตอบโจทย์คนไทยเป็นอย่างดี ด้วยกล้องขั้นเทพ หน้าจอขนาดใหญ่และแบตเตอรี่ที่ยาวนาน บวกกับชื่อเสียง Samsung ที่หลายคนคุ้นหูกันอยู่แล้ว จึงทำให้เป็นรุ่นยอดนิยมขวัญใจมวลชนได้ไม่ยาก