Jabees YOYO คือ หูฟังบลูทูธ Headphone เน้นไปที่สเปคจัดเต็มและคุณภาพเสียง ในราคาที่ไม่แพงเหมาะกับการใช้งานฟังเพลงทั่วไป ด้วยดีไซน์ทันสมัยขนาดเล็กกะทัดรัด แถมยังสะดวกสบายไม่มีสายเกะกะ สามารถใช้รับสายได้ทันทีเมื่อมีสายเข้า

Jabees YOYO
Jabees YOYO

Jabees YOYO

สำหรับคนที่สนใจสามารถซื้อได้ผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ บริษัท สมิทธ์ กรุ๊ป จำกัด ส่วนรายละเอียดสามารถดูได้ผ่านเว็บไซต์ Jabees ราคา 1,690 บาท นับว่าเป็นอะไรที่ถูกมากหากเทียบกับราคา Bluetooth Headphone ทั่วไปในท้องตลาด

Jabees - YOYO (2)

กล่องมาแบบเรียบง่ายไม่มีอะไรพิเศษ ในไทยอาจไม่ค่อยคุ้นชื่อนี้แต่ในต่างประเทศหรือใน Amazon มีการพูดถึงค่อนข้างเยอะ รวมถึงรีวิวในเชิงบวกเรียกได้ว่าเป็นหูฟังพิมพ์นิยมตัวหนึ่งเลยทีเดียว ผมเองก็ชักจะตื่นเต้นเสียแล้วสิ!

Jabees - YOYO (3)

สเปค | Jabees YOYO

ตัวสินค้ามีให้เลือกทั้งหมด 2 สี (ส้มดำ/ดำล้วน) โดยตัวที่ผมได้มารีวิวจะเป็นสีส้มดำ ส่วนสเปคหลังกล่องบอกเพียงฟีเจอร์หลัก ๆ ในการใช้งานทั่วไป แต่หากให้สรุปมาเป็นข้อมีดังนี้

  • ระยะใช้งานสูงสุด 20 เมตร (ในที่เปิดกว้าง)
  • โปร์ไฟล์บลูทูธ: HFP/HSP/A2DP/AVRCP
  • สนทนาได้สูงสุด 12 ชั่วโมง
  • ฟังเพลงได้สูงสุด 8 ชั่วโมง
  • เปิดเครื่องรอได้สูงสุด 250 ชั่วโมง
  • เสียงสั่งการภาษาอังกฤษและจีน
  • รองรับการเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์พร้อมกัน
  • รองรับการแสดงแบตเตอรี่ใน iOS
  • รองรับการเชื่อมต่อแบบเสียบสาย
  • รองรับการสนทนา VOIP ผ่านคอมพิวเตอร์
  • โทรออกด้วยเสียง/โทรซ้ำ

บางคนอาจมองว่าสเปคดูขี้โม้เกินจริง เอามาใช้จริงไม่ได้เรื่อง แต่ตรงนี้ไม่ต้องห่วงเพราะทาง สมิทธ์ กรุ๊ป รับประกันความพึงพอใจ ได้รับสินค้าแล้วไม่ถูกใจเอาเงินคืนได้เต็มจำนวนใน 7 วัน (นานทีจะเห็นหูฟังไหนที่กล้ารับประกันแบบนี้) ส่วนสินค้าก็รับประกันให้ 1 ปี

Jabees - YOYO (4)

กล่องนี่มันช่างดูธรรมดาไม่น่าสะสมเอาเสียมาก ๆ แต่แน่นอนว่าใครจะไปสนแค่บรรจุภัณฑ์ ดูคุณภาพกันดีกว่า

Jabees - YOYO (5)

อุปกรณ์ภายในประกอบไปด้วยถุงผ้าสำหรับเก็บ Bluetooth Headphone และสายหูฟัง 3.5 มม. ขนาดกำลังพอดี

Jabees - YOYO (6)

สีดำสนิทโทนเงียบขรึมแลดูมีราคา ด้านข้างของหูฟังมีปุ่มให้พอควบคุมระบบได้อยู่บ้าง มีปุ่มเล่น/หยุด, ไปข้างหน้า, ย้อนหลัง, รับสาย แยกเป็นอิสระไม่ต้องมานั่งเดา เรื่องกดค้างหรือกดสองทีให้ปวดหัวเหมือนบางแบรนด์

Jabees - YOYO (7)

น้ำหนักโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 190 กรัม ซึ่งถือว่าเบามาก (บางแบรนด์ไม่รู้มันจะหนักไปไหน ผลิตมาให้นักกล้ามใช้หรือไง) เหมาะกับการพกพารวมถึงยังสามารถพับเก็บได้อีกเล็กน้อย สำหรับคนที่ชอบฟังเพลงผ่านหูฟัง In-ear ทั่วไปยอมแบกหนักขึ้นมาอีกหน่อย แต่ได้พลังเสียงที่ดีขึ้น

Jabees - YOYO (8)

ขนาดของหูฟังสามารถปรับเลื่อนขึ้นเลื่อนลงได้ค่อนข้างเยอะ เลยมั่นใจได้ว่าหากคุณหัวโตก็ยังใส่ได้แน่นอน

Jabees - YOYO (9)

ด้านบนมีสกรีนชื่อแบรนด์ Jabees ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะใหญ่ไปไหน (ขอบ่นนิดเดี๋ยวหาว่าอวยเป็นอย่างเดียว)

Jabees - YOYO (10)

เมื่อพับแล้วจะได้ขนาดดังภาพถึงจะไม่เล็กมาก แต่ก็เพียงพอที่จะใส่เป้หรือย่ามโดยไม่หัก

Jabees - YOYO (11)

ตอนแรกผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าจะใส่พอร์ตหูฟัง 3.5 มม. มาทำไมดูไม่ค่อยจำเป็น ? แต่พอได้ใช้งานก็เข้าใจเลยว่าบางครั้งแบตเตอรี่หูฟังเราหมดก็ยังสามารถฟังเพลงได้ต่อเนื่อง รวมถึงเวลาเอาไปต่อกับบางเครื่องเช่นมือถือรุ่นเก่าหรือโน๊ตบุ๊คบางรุ่นของเพื่อน (Windows รุ่นเก่า Pair บลูทูธได้ยากไปไหนก็ไม่รู้) ส่วนการชาร์จไฟสะดวกเพราะเป็นพอร์ต Micro USB แบบเดียวกับสมาร์ทโฟน

รีวิว | Jabees YOYO

การใช้งานจริงตัวหนังสังเคราะห์ที่ครอบหูมีความนิ่มไม่บาดหู การปรับขนาดสวมใส่และพับสามารถทำได้โดยง่าย ตัวหูฟังมีน้ำหนักเบาจนทำให้เราไม่รู้สึกเป็นอุปสรรคในการพกพา สวิทซ์การใช้งานง่ายเปิด/ปิดใช้วิธีเลื่อนเอา ไม่ต้องกดแช่ให้สับสนส่วนการใช้งานทั่วไปและชาร์จไฟที่เป็น Micro USB ก็สะดวกดีชาร์จร่วมกับ Power Bank ของสมาร์ทโฟนได้เลย

Bluetooth 4.1 เป็นแบบประหยัดพลังงานทำให้เผลอเปิดทิ้งไว้ก็ไม่ค่อยเปลืองเท่าไหร่ การใช้งานจริงเรื่องแบตเตอรี่ถือว่าใกล้เคียงกับสเปคที่ระบุเอาไว้ และด้วยเวอร์ชันบลูทูธใหม่นี้เองจึงมาพร้อมกับความสามารถเชื่อมต่อ (Pair) ได้สองเครื่องพร้อมกัน เช่น การฟังเพลงผ่าน iPod แต่ถ้าหากมีคนโทรเข้าผ่านสมาร์ทโฟนของเราอีกเครื่อง ก็สามารถกดรับผ่านตัวเดียวกันได้เลย

Jabees - YOYO (18)

เสียงที่ได้ค่อนข้างดีเกินราคาค่าตัว (หากไม่บอกราคาผมคงให้สักประมาณ 3,xxx บาท) คุณภาพเสียงที่ได้ออกโทนกลาง ๆ ของตลาดไม่เน้นด้านใดด้านหนึ่ง เบสแน่นในระดับมีมารยาทไม่ระเบิดจนแสบหู เสียงไม่โดดไปทางแหลมและทุ้มมากเกินไป หากคุณเป็นคนฟังเพลงหลากหลายแนว ไม่ยึดติดแนวใดแนวหนึ่งน่าจะชอบ เพราะมันสะท้อนความเป็นต้นฉบับออกมาได้ดีจริง ๆ

ข้อดี

  1. ราคาถูก
  2. เสียงดีเกินราคา
  3. รองรับทั้งไร้สายและมีสาย
  4. ใช้งานได้สองเครื่องพร้อมกัน
  5. รับสายสนทนาได้ในตัว

ข้อเสีย

  1. ไม่รองรับ NFC
  2. ไม่มีไมค์ตัดเสียงรบกวน

สรุป

ด้วยราคาขนาดนี้แลกกับเสียงที่ได้ก็คุ้มเกินไปแล้ว ฟีเจอร์อื่นถือว่าเป็นของแถมคืนกำไรให้ลูกค้าไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรองรับสายหูฟัง 3.5 มม. หรือแม้กระทั่งแสดงปริมาณแบตเตอรี่บน iOS หลากหลายองค์ประกอบรวมกัน ทำให้การใช้งานค่อนข้างสะดวกอย่างแท้จริง เหมาะกับเป็นหูฟังคู่ใจในการพกพาไปทุกที่ จะพังหรือหายก็ไม่ต้องเสียดายมาก