หากพูดถึงมือถือราคาไม่เกิน 5,000 บาท ใคร ๆ ก็คงนึกถึง ZenFone มาเป็นตัวเลือกแรก ๆ และถึงแม้ว่ามันจะมีปัญหาบ้างก็ตาม แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้อยู่ แต่สำหรับคนที่กำลังมองหาตัวเลือกอื่นอยู่ วันนี้ iReview.in.th ขอแนะนำ Doogee แบรนด์มวยรองนอกกระแส ที่เน้นไปที่ความคุ้มค่าต่อราคา
DOOGEE DG800 ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 4,990 บาท สามารถสั่งซื้อได้ผ่านตัวแทนจำหน่าย www.gadgetdoor.com หรือ www.facebook.com/stepgeektv พร้อมประกันและบริการหลังการขายระดับเทพ !!!
DOOGEE ถึงแม้ว่าจะเป็นแบรนด์จีน (มีสำนักงานที่ฮ่องกงด้วย) แต่ก็ไม่ใช่จีนไก่กาเหมือนมือถือจีนห่วย ๆ ที่ Copy แบรนด์ดังขายตามร้านตู้ทั่วไป แต่ DOOGEE เป็นแบรนด์ที่ใหญ่มากและมีศักยภาพในการผลิตและพัฒนามือถือของตัวเอง และสาเหตุที่หลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นชื่อนี้เพราะแบรนด์นี้พึ่งก่อตั้งเมื่อปี 2013 และกำลังอยู่ในช่วงขยายตลาดครับ
สเปค DOOGEE DG800
- ระบบปฏิบัติการ : Android 4.4.2 (Kitkat)
- ไร้สาย : Dual SIM (3G 850/2100 MHz)
- หน้าจอ : 4.5″ (qHD 960 x 540 พิกเซล) IPS
- หน่วยประมวลผล : MTK6582 Quad Core 1.3 GHz
- แรม : 1 GB
- รอม : 8 GB (รองรับ Micro SD สูงสุด 64 GB)
- กล้องหลัง : 13 MP LED Flash
- กล้องหน้า : 8 MP Wide 88°
- แบตเตอรี่ : 2,000 mAh
- อื่น ๆ : รองรับ OTG และ Rear Touch Key
อุปกรณ์ที่แถมมามีฝาหลังถึง 2 ชิ้นเลยทีเดียว (แบบธรรมดาและแบบที่มี Rear Touch Key) พร้อมฟิล์มกันรอยให้เสร็จ หูฟังก็เป็นแบบ In-ear รวมถึงสาย Micro USB ก็แปลกแหวกแนวดี
ซิมการ์ดของ DG800 สามารถใช้ได้ทั้งแบบ Normal SIM และ Micro SIM และทีเด็ดคือ Rear Touch Key แบบเดียวกับที่มีอยู่ใน Oppo N1 งานนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว
หากต้องการใช้งาน Rear Touch Key จำเป็นต้องใช้คู่กับฝาหลังที่รองรับ อะไรนะขายแยกหรอ? ไม่ ๆ ๆ ครับ ทาง DOOGEE แถมมาให้เลยฟรี ๆ งานนี้โดนใจสุด ๆ ครับ
ใช้เล่นสนุกได้แต่ไม่เหมาะใช้งานจริง
แน่นอนว่าทีมงาน iReview.in.th เรารีวิวโหดอยู่แล้ว Rear Touch Key ที่เป็นท่าไม้ตายของ DG800 กลับดูล้มเหลวไม่เป็นท่า ทั้งนี้เกิดจากการใช้งานจริงที่ไม่ค่อยถนัดมือเอาเสียเลย เวลาต้องการที่จะใช้งานนิ้วชี้ก็ต้องงอจนผิดรูป ส่วนเวลาที่ไม่ต้องการใช้งาน (ถือเล่นเฉย ๆ) นิ้วก็ดันบังเอิญไปโดนเสียนี่ สรุปว่า Rear Touch Key เป็นได้แค่ Gimmick และเป็นฟีเจอร์ที่ไม่ค่อยเหมาะกับการใช้งานจริงซักเท่าไหร่ใน DG800 แต่สมัยที่ผมลองกับ Oppo N1 เหมือนมันจะตอบสนองได้ดีกว่านี้นะ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะสเปคหรือขนาดเครื่องที่มันเหมาะสมมากกว่า
แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ต้องเสียดายไป ถ้าใช้งานจริงผมแนะนำให้เอาฝาหลังอันนี้มาใช้งานดีกว่า (แถมมาอีกเช่นเคย) ลาย Texture ดูดีมีสกุลกว่าเยอะ แต่ถ้าวันไหนคุณเบื่ออยากจะลองเปลี่ยน Rear Touch Key ก็ได้นะ ยังไงก็เกินดีกว่าขาด
DG800 มีขนาดเครื่องที่กำลังพอเหมาะพอมือไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป (แต่ถ้าจอใหญ่กว่านี้ซักนิดจะประทับใจกว่า) ตัวเครื่องงานประกอบแน่นและดูมั่นคงดีครับ
พลาสติกผิวเป็นด้านนิด ๆ ให้สัมผัสที่ถนัดมือดี สามารถใช้งานได้ด้วยมือเดียว
ด้านบนเป็นพอร์ต Micro USB รวมถึงแจ็ค 3.5 มม.
โดยส่วนตัวแล้วผมค่อนข้างชอบดีไซน์ฝาหลังแบบนี้ มองดูโดยรอบแล้วไร้รอยต่อทอเต็มผืนหลับเต็มตื่น (ไม่ใช่ละ – -*)
หน้าจอ IPS แต่ก็ยังดูธรรมดา
ขอพูดถึงเรื่องหน้าจอบ้าง (ทำไมแมวเยอะจัง – -*) ถึงแม้สเปคจะบอกว่าเป็น IPS แต่ใช้งานจริงแล้วไม่รู้สึกว่ามันพิเศษแต่อย่างใด ไม่ค่อยเหมือนจอ IPS ที่อยู่ใน LG ที่ให้สีที่สมจริงและดูนวลตามากกว่า (แต่ก็เข้าใจด้วยราคาระดับนี้ จะเอาดีขนาดไหน) สำหรับความละเอียด 960 x 540 พิกเซล อยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการใช้งานครับ การสู้แสงของหน้าจออาจไม่ค่อยดีเท่าไหร่ (สำหรับกลางแจ้ง) แต่ก็ยังสามารถใช้งานในร่มได้โดยไม่มีปัญหา
จับได้ลงตัวพอดีกับข้อมือ (ถ้าเป็นผู้หญิงน่าจะพอดีกว่านี้อีก) ใช้งานได้ด้วยมือเดียว และสามารถเก็บใส่กระเป๋ากางเกงได้โดยไม่เทอะทะ ส่วนแบตเตอรี่หากชาร์จก่อนออกไปทำงานกลับมาถึงบ้านก็หมดพอดี (หรืออาจเร็วกว่านั้น)
หน้าตา UI
DOOGEE ออกแบบมาได้ค่อนข้างน่ารักเลยทีเดียว ที่โดดเด่นคือ Assistive touch ครับ
อันนี้เป็นแบบเดิม ๆ จากโรงงานเลย ยังไม่ได้ปรับแต่งใด ๆ ทั้งสิ้น
หน้าตา UI ของกล้องก็เป็นแบบเรียบ ๆ ตัวนี้สามารถถ่ายวีดีโอไปด้วยแล้วก็ถ่ายภาพไปด้วยได้ ไม่แพ้รุ่นใหญ่ ๆ เลยทีเดียว (หรือว่า Android เดี๋ยวนี้มันทำแบบนี้ได้หมดแล้วหว่า?)
Assistive touch สามารถปรับแต่ง Gestures Builder ได้ตามใจชอบ (แต่ก็ยังใช้ไม่ค่อยสะดวกอยู่ดี) เท่าที่ได้ลองใช้งานดูฟีเจอร์นี้เหมือนปิดมันแล้วเครื่องจะเร็วขึ้น ไม่ทราบเหมือนกันว่าเกี่ยวกันมั้ย ถ้าใครซื้อไปแล้วรู้สึกว่ามันหน่วง ๆ ก็ลองปิดดูครับ
Benchmark
DOOGEE DG800 ได้คะแนน AnTuTu Benchmark อยู่ที่ 18,688 หากเปรียบเทียบกับ Inter Brand ก็อยู่ไล่ ๆ กับ LG Nexus 4 ครับ
กล้องหน้า “โครตเทพ”
ก่อนหน้านี้ความเห็น DG800 จะออกไปแนว “ก็ไม่เลว” หรือไม่ก็ “ไม่ชอบนิดหน่อย” แต่พอได้ลองกดเปิดกล้องหน้า เหมือนผมได้ค้นพบผ้าขี้ริ้วห่อทองยังไงยังงั้น มุมมองของกล้องกว้างมากกกกก (ตามสเปคบอกว่ามุมกว้างถึง 88°) ความละเอียดสูงถึง 8 MP พอลองเปิดเทียบกับ iPhone 5 เหมือนเราอยู่กันคนละมิติเลยทีเดียว มุมมองกว้างมากสามารถถ่ายร่วมกับเพื่อนได้ถึง 4 คน (ไอโฟนถ่ายได้แค่ 2 คน) คุณภาพของภาพที่ได้อาจไม่ดีเท่าไอโฟน แต่ถ้าเทียบกับรุ่นไม่เกินครึ่งหมื่นแล้วล่ะก็ DG800 นี้น่าจะกล้องหน้าดีที่สุดในโลกแล้วล่ะ !!!
กล้องหลังความละเอียด 13 MP คุณภาพไม่ดีเด่นอะไรแค่อยู่ในระดับ “พอใช้ได้” ถ้ายังไงลองดูภาพประกอบด้านล่างครับ ส่วนตัวผมว่าช่วงราคาประมาณนี้กล้องหลังก็ราว ๆ นี้ทั้งนั้นแหล่ะ หากเทียบกับ I-mobile บางรุ่น 7-8 พันโฆษณาว่า 18 MP แต่คุณภาพยังแย่กว่านี้อีก
สำหรับคุณภาพของกล้องหลังถือว่าพอใช้งานได้ ที่น่าทึ่งเล็กน้อยเห็นจะเป็นความสามารถในการถ่าย Macro ที่สามารถถ่ายได้ใกล้มาก เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นที่ช่วงราคาเดียวกัน การวัดแสงมีโอเวอร์ไปบ้างส่วนชัตเตอร์ยังค่อนข้างไม่ทันใจครับ
สำหรับกล้องหน้ามุมกว้างมาก ถ่ายได้ดีจนน่าตกใจ (ปกติผมไม่ค่อยชอบถ่ายรูปตัวเองซักเท่าไหร่) คุณภาพไฟล์ที่ได้ค่อนข้างดีในระดับ 8 MP ที่เกินหน้าเกินตา แถมยังมี Beauty Mode ชนิดที่ไม่เวอร์ให้ใช้ด้วย คุณภาพดีระดับพวกตระกูล Oppo เลยทีเดียว … แต่เสียดายที่ผมไม่ได้ทดสอบมาให้ดู เพราะเผลอลง ROM ใหม่ไปแล้ว Beauty Mode ก็เลยหายไป (แต่ขอยืนยันว่ามันสุดยอดมากจริง ๆ) ดูรูปทั้งหมดได้ที่ Google+
ข้อดี
- ราคาไม่แพง อุปกรณ์เกินคุ้ม
- ดีไซน์ออกมาได้สวยงามและเหมาะมือ
- กล้องหน้าคุณภาพสูงกว่าทุกตัวในช่วงราคาเดียวกัน
- รองรับ Dual SIM 3G
- Android 4.4.2 (Kitkat)
ข้อเสีย
- Rear Touch Key ยังใช้งานจริงไม่ค่อยได้
- แบตเตอรี่หมดเร็วไปนิด
- ชัตเตอร์กล้องหลังค่อนข้างช้า
สรุป
ถือว่าราคาดีมากเลยนะครับในช่วงนี้สู้กับคู่แข่งได้สบาย ใช้งานจริงถือว่าผ่านเพราะไม่เจอข้อเสียร้ายแรงที่ยอมรับไม่ได้ แถมยังได้ใช้ระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดอย่าง Android 4.4.2 (Kitkat) เหมาะสำหรับคนที่เน้นการลงทุนซื้อสมาร์ทโฟนซักเครื่อง ที่เน้นไปที่ความคุ้มค่าในการใช้งาน สำหรับคู่แข่งที่เป็น Zenfone ผมคิดว่า DOOGEE สู้ได้สบายมากครับ (แถม Bug ไม่เยอะด้วย)
ขอขอบคุณ : “มิตรสหายท่านหนึ่ง” ที่ส่งสินค้ามาให้ทดสอบ หากท่านสนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่ www.gadgetdoor.com หรือ www.facebook.com/stepgeektv ราคา 4,990 บาท