สำหรับการติดต่อในปัจจุบัน เชื่อว่าแทบจะไม่มีพรหมแดนแล้ว เราสามารถติดต่อกันได้ทุกเวลาและทุกเมื่อ เพียงแต่ช่องทางและเทรนด์การใช้งานอาจจะเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย เช่น การมี Social Network เข้ามาเกี่ยวข้อง หรือแม้กระทั่งผ่านโปรแกรมสนทนาต่าง ๆ ที่มีมากมายบนมือถือ แต่สิ่งที่สำคัญนั่นก็คือ “โทรศัพท์” ซึ่งถึงแม้ว่าเราจะไฮเทคมากมายเพียงใดแต่คู่สนทนาเรายังใช้โทรศัพท์พื้นฐาน หรือมือถือธรรมดา ๆ อยู่ก็คงไร้ความหมาย แล้ววิธีไหนล่ะที่จะทำให้เราประหยัดมากที่สุด?
TOT netcall คืออะไร?
สำหรับคนที่กำลังงง ๆ แท้จริงแล้ว TOT netcall ก็คือการให้บริการโทรศัพท์อย่างหนึ่ง เพียงแต่ผ่านเครือข่ายทาง Internet ซึ่งจะเป็น 3G, WiFi หรืออะไรก็ได้ครับ ขอแค่ต่อเน็ตได้ซึ่งทางเทคนิคเขาเรียกว่า VoIP (Voice over Internet Protocol) ข้อดีของมันก็คือค่อนข้างจะประหยัดกว่าช่องทางอื่น ๆ ในปัจจุบันนั่นเอง สามารถโทรไปหาได้ทั้งโทรศัพท์บ้าน, โทรศัพท์เคลื่อนที่, ตู้สาขา (สำหรังองค์กร) หรือแม้กระทั่งผู้ใช้งาน TOT netcall ด้วยกัน (อันนี้ฟรี)
การใช้งานสามารถใช้สามารถใช้ได้จากทุกที่ทั่วโลกที่มี Internet (ไม่จำเป็นต้องของ TOT ก็ได้) ส่วนจะผ่าน PC, Smart Phone หรืออุปกรณ์ที่รองรับก็ได้ครับ ตรงนี้ต้องเข้าใจนิดนึงว่าค่าบริการ Internet ไม่รวมอยู่ในค่าบริการ TOT netcall หากใครไม่ได้ใช้แพคเกจแบบ Unlimited ขอให้ระมัดระวังค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ด้วย
อัตราค่าบริการ
ในส่วนนี้จะแบ่งออกเป็นหลายประเภทครับ
โทรในประเทศ (แนะนำโทรสั้นประหยัดมาก)
– โทรหาโทรศัพท์พื้นฐาน 0.25 บาท/นาที
– โทรหาโทรศัพท์มือถือ 0.75 บาท/นาที
โทรต่างประเทศ (เริ่มต้นที่ 0.90 บาท/นาที ได้แก่ ฮ่องกง สิงค์โปร์)
– ลาว 2.25 บาท/นาที
– ญี่ปุ่น 1.25 บาท/นาที
– ออสเตรีย 1.70 บาท/นาที
– ตรวจสอบราคาทั้ง 228 ประเทศ ได้ ที่นี่
การใช้งานโทรไปต่างประเทศ
กด 88+รหัสประเทศ+รหัสเมือง/รหัสพื้นที่/รหัสโทรศัพท์เคลื่อนที่+เลขหมายปลายทาง เช่น โทรไปประเทศสหรัฐอเมริกา ให้กด 88 + 1 + เลขหมายปลายทางที่ต้องการ หรือ โทรไปยังโทรศัพท์ประจำที่ประเทศญี่ปุ่น เมืองโยโกฮามา เลขหมาย 57043294 (รหัสประเทศญี่ปุ่น 81) (รหัสเมืองโยโกฮามา 045) กด 88 81 45 57043294 แต่ถ้าเป็นกรณีไปต่างประเทศและโทรกลับมาที่ไทยสามารถกดเบอร์ได้เลย และค่าบริการต่าง ๆ ก็จะคิดเหมือนค่าบริการโทรในประเทศไม่ว่าจะเป็นการโทรหาโทรศัพท์พื้นฐานหรือโทรศัพท์มือถือก็ตาม
วิธีการใช้งาน
เกริ่นเรื่องราคามาก็เยอะแล้ว คราวนี้มาถึงวิธีการใช้งานกันบ้างดีกว่า อย่างที่บอกคือมันสามารถใช้งานได้หลายช่องทางแต่สำหรับผู้ใช้งานบ้าน ๆ ผมจะแนะนำแค่เรื่องการโทรผ่าน PC แล้วก็ Smart Phone ก็แล้วกันครับ เพราะเชื่อว่าคงจะเป็นช่องทางที่สะดวกและง่ายที่สุดแล้ว
สำหรับการใช้งานบน PC, Notebook
Download โปรแกรม TOT netcall สำหรับใช้งานบน PC, Notebook ที่นี่
Download คู่มือการใช้งานโปแกรม TOT netcall บน PC, Notebook ที่นี่
Download คู่มือการใช้งานโปแกรม X-Lite บน PC, Notebook ที่นี่
สำหรับการใช้งานบน iOS (iPhone, iPad, iPod Touch)
Download โปรแกรม TOT netcall สำหรับใช้งานบน iOS ได้โดยตรงผ่าน AppStore
Download คู่มือการใช้งานโปรแกรม TOT netcall บน iOS ที่นี่
Download คู่มือการใช้งานโปรแกรม Sipfone บน iPhone ที่นี่
Download คู่มือการใช้งานโปรแกรม 3CXPhone บน iPhone ที่นี่
Download คู่มือการใช้งานโปรแกรม 3CXPhone บน iPad ที่นี่
สำหรับการใช้งานบน Android
Download คู่มือการใช้งาน TOT netcall บนโปรแกรม 3CX Phone ที่นี่
Download คู่มือการใช้งาน TOT netcall บนโปรแกรม Siptdroid ที่นี่
Download คู่มือการใช้งาน TOT netcall บนโปรแกรม CSipSimple ที่นี่
สำหรับการใช้งานบนอุปกรณ์ ATA
Download คู่มือการใช้งาน TOT netcall บน ATA แบบ 1 port (1001 Gateway 1FXS) ที่นี่
Download คู่มือการใช้งาน TOT netcall บน ATA แบบ 8 port (iSurf 1008) ที่นี่
ทดสอบใช้งานจริง
ก่อนอื่นเราต้องไปลงทะเบียนซะก่อนเพื่อเลือกโปรโมชั่น ใส่ข้อมูล และได้ Netcall account ซึ่งเปรียบดั่งเบอร์โทรของเรานั่นเอง วิธีการก็ไม่ยุ่งยากครับไปที่ http://www.totnetcall.com แล้วสมัครสมาชิกได้เลย จากนั้นเลือกแพ็คเกจเริ่มต้น โดยที่จะเติมเงินขั้นต่ำ 50 บาท เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย
สำหรับคนที่ชอบอะไรสะดวกอย่างเราก็สามารถใช้ได้ทั้ง PC, Notebook หรือ iOS (iPhone, iPad, iPod Touch) และ Android ซึ่งถ้าเอาสะดวกมากที่สุดจริง ๆ ชนิดที่ว่า Download แล้วแทบจะใช้ได้ทันทีไม่ต้องตั้งค่าอะไรให้วุ่นวายมาก ก็จะเป็นการใช้งานผ่าน iOS (iPhone, iPad, iPod Touch) ครับ ก่อนอื่นไปที่ AppStore ค้นหาคำว่า “TOT netcall” จากนั้นทำการติดตั้งปกติเหมือน App ทั่วไป
จากนั้นตัว App จะขึ้นข้อความนี้ไม่ต้องตกใจให้ไปตั้งค่าเล็กน้อย (นิดเดียวจริง ๆ นะ)
ไปที่ Settings > TOTnetcall > ใส่หมายเลขและรหัสของ Netcall account ที่เราเคยได้สมัครเอาไว้ตอนแรก
จากนั้นเปิด App TOT netcall ขึ้นมาอีกครั้งหน้าตาจะเปลี่ยนไป ซึ่งการใช้งานก็ค่อนข้างที่จะเข้าใจง่ายเลยทีเดียว แบ่งเป็น 5 หมวดด้วยกันได้แก่
Contacts – สำหรับแบ่งและบันทึกรายชื่อผู้ติดต่อ
History – บันทึกการใช้งาน สายที่โทรออก สายที่ไม่ได้รับ ฯลฯ
Keypad – ปุ่มกดสามารถเลือกโทรได้ทั้ง Netcall และก็โทรธรรมดากับเครือข่าย
Favorites – บันทึกเบอร์ไว้เป็นรายการโปรด
Account – รายละเอียดเกี่ยวกับบัญชี ยอดเงินคงเหลือ วันหมดอายุ ฯลฯ
ไม่ต้องคอยกดเช็คยอดเงินคงเหลือ สะดวกดีครับ มีการอัพเดทอยู่แทบจะเกือบตลอดเวลา
ทดสอบการโทรและเสียงสนทนารู้สึกว่ารายชื่อตรงนี้จะดึงข้อมูลจากในเครื่องมาได้ด้วย ผมกดเบอร์เองมันขึ้นมาเป็นชื่อให้เสร็จสรรพ สำหรับคำสั่งพื้นฐานก็มีให้ครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น พักสาย ประชุมสาย เปิดลำโพง ฯลฯ ถึงแม้ UI จะดูแข็ง ๆ ไปหน่อยก็ตาม คุณภาพเสียงปกติอยู่ในเกณฑ์เกือบดีเท่ากับการโทรผ่านเครือข่ายปกติครับ ถ้ายังไงก็แนะนำให้ใช้ผ่าน WiFi หรือ 3G จะได้เสียงที่คมชัดและราบลื่นมากกว่า (ขึ้นอยู่กับความเร็วเน็ต)
โปรโมชั่นโดนราคาเด็ด
ผู้ใช้งาน TOT netcall สามารถเลือกรูปแบบการให้บริการได้ 2 รูปแบบ คือ แบบเติมเงิน (Prepaid) และ แบบรายเดือน (Postpaid) ซึ่งช่วงนี้จะมีโปรโมชั่นโดน ๆ อยู่หลายตัวด้วยกัน
เพิ่มเติมที่ : http://www.totnetcall.com/rateinternational.html
สถานที่จำหน่ายบัตรเติมเงิน
บัตรเติมเงินหรือที่เรียกกันติดปากว่า “บัตร TOT” จะมีจำหน่ายหลายราคาด้วยกันตั้งแต่ 50, 100, 200, 300 ซึ่งลายบัตรจะมีมากมายเหลือเกิน (อย่าไปยึดติดเขาเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ)
ผู้ใช้บริการต้องเติมเงินผ่านบริการ TOT prepaid ได้ 3 ช่องทาง
- ซื้อบัตร TOT Prepaid ราคา 50, 100, 300 ได้ที่ศูนย์บริการ ทีโอที ทั่วประเทศ รวมถึง 7-ELEVEN และ FamilyMart
- ซื้อ E-Code โดยชำระเงินผ่านบัตรเครดิต Visa หรือ Master ได้ที่ www.toteservice.com
- ซื้อรหัส / เติมเงินผ่านตู้ ATM และเติมเงินผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร กรุงไทย และ ธนาคารนครหลวงไทย หรือผ่าน www.siamtopup.com หรือผ่านเครื่องเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์ E-Pay หรือผ่าน เทสโก้ โลตัส (ณ จุดชำระค่าสินค้า) หรือผ่านจุดรับชำระเงินเอ็มเปย์ สเตชั่น
โดยผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบยอดเงินคงเหลือและวันที่หมดอายุได้ที่ www.totnetcall.com หรือหากยอดเงินหมด แต่ยังไม่หมดอายุการใช้งาน ผู้ใช้บริการจะไม่สามารถโทรออกได้
เมื่อหมดอายุการใช้งานได้หมดลง ผู้ใช้บริการจะไม่สามารถโทรออกและรับสายเรียกเข้าได้ จนกว่าจะเติมเงิน โดยระบบจะเก็บ Account ไว้นาน 3 เดือน
เติมเงินภายใน 15 วันจากวันที่หมดอายุ ระบบจะรวมยอดเงินคงเหลือเดิมให้ด้วย เติมเงินหลังจาก 15 วันจากวันที่หมดอายุ ระบบจะตัดยอดเงินคงเหลือเดิมออก
สรุป
ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการติดต่อสื่อสาร ที่เราสามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้มาก เมื่อเทียบค่าใช้จ่ายการโทรไปยังต่างประเทศ หรือโทรจากต่างประเทศกลับไทยนั้น เรียกได้ว่าคุ้มค่ามากเลยทีเดียว แน่นอนว่าบางคนอาจจะเลือกใช้ช่องทางอื่นที่มัน “ฟรี” แต่ความเห็นส่วนตัวแล้วผมว่าช่องทางนี้เป็นช่องทางเสียเงินที่ไม่ได้แพงมากมายอะไรนัก อีกทั้งยังไม่ลำบากผู้รับและผู้โทรจนเกินไปอีกด้วย