Vivo Y93 เป็นรุ่นล่าสุดของ Y-Series จากที่เราเคยได้พรีวิวกันไปครั้งก่อน หลังจากที่ทีมงานได้ทดสอบอย่างหนักหน่วง ก็ค้นพบว่าแบตเตอรี่มันอึดชนิดที่ว่าอยู่ได้เกินวัน หรือสองวันได้อย่างสบาย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.22″ ใหญ่เต็มตาสะใจ แถมยังมีกล้องคู่สุดแจ่มเกินค่าตัวให้ได้ใช้งานกันอีกด้วย
Vivo Y93
รุ่นนี้เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วในประเทศไทย ราคา 4,999 บาท ตีแตกในช่วงราคาไม่เกินห้าพันบาทได้อย่างน่าสนใจ เพราะได้ทั้งกล้องคู่ แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ แถมยังมาพร้อมหน่วยประมวลผลใหม่เอี่ยม ที่มีจุดเด่นในเรื่องของประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน คุ้มค่ากว่าหลายแบรนด์อย่างเห็นได้ชัด
สเปก | Vivo Y93
- ระบบปฏิบัติการ : Android 8.1 (Funtouch OS 4.5)
- หน้าจอ : 6.22″ ความละเอียด 1520 x 720 พิกเซล
- หน่วยประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 439
- แรม : 3 GB
- รอม : 32 GB (รองรับ microSD)
- กล้องหลัง : ความละเอียด 13 MP (f/2.2) + 2 MP (f/2.4)
- กล้องหน้า : ความละเอียด 8 MP (f/2.0)
- แบตเตอรี่ : 4,030 mAh
- รองรับสองซิม, สแกนลายนิ้วมือ
เอกลักษณ์ของวีโว่คือ “กล้องสวย” และถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นเล็กราคาประหยัดก็ไม่ทำให้เสียชื่อ กล้องคู่สเปกไม่ได้โดดเด่นมาก (ตามราคา) แต่ก็ยังมาพร้อมกับระบบ AI ตามสมัยนิยมช่วยในการถ่ายภาพ ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะยังมาพร้อมกับ AI Face Beauty ที่ช่วยปรับแต่งได้อีกเช่นกัน
จุดเด่นของรุ่น
ยังยืนยันคำเดิมว่า Y93 มีข้อดีอยู่ตรงที่แบตเตอรี่อย่างแท้จริง ส่วนหนึ่งนอกจากความจุแบต 4,030 mAh ยังมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลใหม่ล่าสุด Qualcomm Snapdragon 439 ตรงนี้ช่วยให้ประหยัดพลังงานมากถึงมากที่สุด จากที่ได้รีวิวผมเอาไปไหว้พระ 4 วัดในกรุงเทพฯ ใช้เวลาทั้งวัน ตอนเช้าปรากฎว่าลืมชาร์จแบตเตอรี่ไปเหลือเพียงแค่ 54% แต่ก็ยังเพียงพอกับการใช้งานทั้งวัน
นอกจากนี้ยังมีหน้าจอขนาดใหญ่ 6.22″ ความละเอียด 1520 x 720 พิกเซล (ข้อดีของการไม่ Full HD คือประหยัดพลังงานมากกว่า) โดยลักษณะของจอจะเป็นทรงหยดน้ำที่เรียกว่า Halo FullView Display ทำให้ได้พื้นที่แสดงผลสูงถึง 88.6% ส่วนกล้องหลังเป็น Dual Camera ซึ่งไม่ขี้เหร่เลยทีเดียว เป็นอะไรที่ทำได้เกินค่าตัวมาก
สเปกโดยรวมของกล้องหลังก็คือ ความละเอียด 13 MP (f/2.2) + 2 MP (f/2.4) เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน กรณีที่คุณไม่ได้เอาไปถ่ายอะไรโหดมากนักอย่างพวกเวลากลางคืน หรือการถ่ายแบบย้อนแสง หากอยู่ในสภาวะที่แสงเพียงพอสามารถปรับเบลอละลายหลังได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ข้ามมาที่กล้องหน้าความละเอียด 8 MP (f/2.0) สามารถปรับระดับความสวยของใบหน้าได้ผ่าน AI Face Beauty โดยสามารถเลือกระดับการแก้ไขด้วยตัวเองได้ 0-6 ระดับ แต่หากไม่มั่นใจก็เปิดอัตโนมัติทิ้งไว้ก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้มันสามารถเพิ่มการเบลอฉากหลังได้อีก (เนียนมาก) ส่วนลูกเล่นกล้องก็มีให้พอสมควร
กล้องคู่ AI อัจฉริยะ
การถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยม
ภาพที่ได้ถือว่าค่อนข้างประทับใจกับราคาเครื่องไม่เกินห้าพันบาท ทั้งนี้ด้วยความที่มีรูรับแสงไม่กว้างมากนัก เวลาถ่ายเราอาจต้องช่วยกล้องสักนิดหน่อยด้วยแสงธรรมชาติ คุณภาพที่ได้สามารถใช้อัปโหลดลง Facebook หรือ LINE ได้อย่างไม่ต้องอายใคร ส่วนการปรับเบลอด้วย Software หากดูแบบไม่จับผิดก็ถือว่าไม่ขี้เหร่
แบตเตอรี่
ตอนต้นบทความเราได้กล่าวถึงแบตเตอรี่ที่นำไปทดสอบ เริ่มจากเวลา 09.26 น. เดินเที่ยวเล่นถ่ายรูปประกอบรีวิวไปเรื่อย โดยตลอดทั้งวันได้เปิด 4G ทิ้งเอาไว้ตลอด (แต่ไม่ได้มีการใช้งานอะไรนอกเหนือจากถ่ายรูป) เริ่มจากแบตเตอรี่ 54% จนถึงเวลาในภาพ 21.05 น. ก็ยังคงเหลือแบตเตอรี่ให้ใช้งานอีก 36% รวมเวลาทั้งหมดเกือบ 12 ชั่วโมง สรุปแล้วสามารถใช้งานได้เกินวันสบาย และอาจถึงสองวันด้วยซ้ำไป
เล่นเกม
หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 439 เป็นรุ่นประหยัดดังนั้นคงไม่แรงเหมือนรุ่น TOP วัดคะแนน AnTuTu ได้ประมาณ 80,000 คะแนน ทดสอบกับเกม RoV หากเปิดความละเอียดมาตรฐานจะสามารถเล่นได้อย่างไม่มีสะดุด แต่เฟรมเรตอาจมีตกบ้างหากเปิดสุดทุกอย่าง และด้วยความที่มี RAM 3 GB จึงทำให้สามารถเปิดได้หลายแอปพลิเคชันพร้อมกัน เกมไม่เด้งสามารถใช้เปิดบอทเกมได้ยาว ๆ เครื่องไม่ร้อน
การใช้งาน
Funtouch OS 4.5 อยู่บนพื้นฐาน Android 8.1 ถูกออกแบบมาให้ใช้งานโดยง่าย พร้อมกับผู้ช่วยส่วนตัว Jovi Smart Scene จัดการไฟล์และรูปภาพได้ง่าย มีโหมดเกมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน สามารถแสดงผลกีฬา ติดตามการเดินและสุขภาพ รองรับการใช้งาน Smart Split แบ่งสองหน้าจอใช้งานพร้อมกัน
นอกจากนี้ก็ยังมีธีมและวอลเปเปอร์รวมถึงชุดตัวอักษรให้โหลดกันฟรี ๆ
ส่วนการใช้งานพื้นฐาน Funtouch OS ก็สามารถใช้งานได้ครอบคลุมความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการ Clone App เพื่อให้ใช้งาน Facebook, LINE ได้สองบัญชีในเครื่องเดียว การแคปหน้าจอแบบยาว การใช้งานมือเดียว สแกนนิ้วมือ สแกนใบหน้า (2D) ทั้งหมดแปลภาษาไทยออกมาได้อย่างเข้าใจง่าย
การใช้งานสองซิมอิสระแยก microSD ต่างหาก รองรับ 4G ทั้งสองซิมรวมถึงการโทร VoLTE แบบ HD แต่น่าเสียดายที่ Wi-Fi รองรับเพียงแค่ 2.4 GHz ส่วนแบตเตอรี่ไม่รองรับ Fast Charge บวกกับความที่แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ความจุ 4,030 mAh จึงทำให้ระยะเวลาชาร์จต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะเต็ม
โดยรวมแล้วค่อนข้างประทับใจกับประสิทธิภาพ สามารถใช้งานพื้นฐานอย่างการโทร การเล่นเน็ต การใช้งานพื้นฐานได้อย่างไม่ติดขัด (ยังไม่เจออาการค้างให้เห็น) เหมาะสำหรับคนที่ต้องการมือถือเครื่องที่สอง หรือเอาซื้อฝากลูกฝากหลานใช้งาน (ราคาไม่แพงมาก) แต่ได้หน้าจอขนาดใหญ่ แบตเตอรี่ใช้งานได้เกินวัน
ข้อดี
- ดีไซน์สวยงาม หรูหราเกินราคา
- แบตเตอรี่ 4,030 mAh ใช้งานได้ 1-2 วัน
- ลูกเล่นการใช้งานที่หลากหลาย
- มีเคสในตัว ติดฟิล์มมาจากโรงงาน
- หน้าจอใหญ่ 6.22 นิ้ว
ข้อเสีย
- ไม่แถมหูฟัง
- ไม่รองรับ Fast Charge
- ไม่รองรับ Wi-Fi ความถี่ 5 GHz
สรุป
ในช่วงราคาไม่เกินห้าพันบาท Y93 ถือว่าทำออกมาได้สวยที่สุด และด้วยช่วงราคาที่เป็นมิตรมีเคสและฟิล์มมาจากโรงงานเลย ยิ่งทำให้เป็นหนึ่งในรุ่นที่คุ้มค่าน่าซื้อมากยิ่งขึ้นไปอีก ตัวเครื่องมีสองซิมแยกต่างหากกับ microSD และด้วยหน้าจอที่มีขนาดใหญ่เอาใจคนชอบเล่นเกม ดูหนัง ฯลฯ ทำให้โดยรวมแล้วน่าสนใจมาก
หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial