ส่งท้ายปีกันเลยกับ vivo Y02 สมาร์ตโฟนรุ่นเล็ก ซื้อง่ายขายคล่อง ในราคาเพียง 3,799 บาท ก็ได้หน้าจอใหญ่ แบตเตอรี่อึด สามารถใช้งานแอปพลิเคชันพื้นฐานได้แล้ว เหมาะกับการใช้เป็นของขวัญปีใหม่ ถูกใจผู้ให้ประทับใจผู้รับ ด้วยราคาที่ไม่แพงเกินไป แต่ก็ยังได้มาตรฐานวีโว่ แถมยังมีความสดใหม่ด้วยเพราะมันพึ่งเปิดตัวนั่นเอง
vivo Y02
เปิดตัวกันไปแล้วกับ vivo Y02 ในราคา 3,799 บาท ซึ่งก็นับว่าเป็นหนึ่งในสมาร์ตโฟนราคาถูกที่สุดของวีโว่ โดยมีสเปกลดลงมาจาก vivo Y02s เพื่อให้สามารถทำราคาได้ถูกที่สุด (เท่าที่จะทำได้) ขับเคลื่อนผ่าน Android 12 (Go edition) ที่ถูกปรับแต่งมาพิเศษ เพื่อให้ใช้ทรัพยากรน้อยกว่าเวอร์ชันปกติ ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล
สเปกและคุณสมบัติ
- ระบบปฏิบัติการ Android 12 Go edition (ครอบทับด้วย Funtouch OS 12)
- หน้าจอ LCD ขนาด 6.51″ ความละเอียด HD+ (1600 × 720)
- หน่วยประมวลผล Mediatek Helio P22
- แรม 2 GB
- รอม 32 GB (รองรับ microSD)
- กล้องหลัง 8 MP (F/2.0) พร้อมไฟแฟลช LED
- กล้องหน้า 5 MP (F/2.2)
- รองรับสองซิม 4G
- รองรับ Bluetooth 5.0, Wi-Fi 5 GHz, Micro USB, 3.5 mm
- แบตเตอรี่ 5000mAh รองรับชาร์จเร็ว 10W
- ขนาด 163.99 × 75.63 × 8.49 มม.
- น้ำหนัก 186 กรัม
การออกแบบ
ถึงจะเป็นเครื่องราคาประหยัด แต่การออกแบบนั้นเกินราคา มาพร้อมกับดีไซน์เรียบง่ายแต่ดูดี การวางกล้องเดี่ยวได้อย่างลงตัว (มองแล้วคล้ายรุ่นแพง) มีสองสีคือ Orchid Blue และ Cosmic Grey (ตัวที่รีวิว) พ่นสีบนวัสดุนาโนให้สัมผัสเรียบเนียน จับแล้วไม่ทิ้งรอยนิ้วมือ ตัวเครื่องเป็นแบบ 2.5D มีมุมตัดมุมโค้งทำให้เครื่องไม่เรียบจนเกินไป
บางแต่แบตฯ ยังอึด
ความบางของตัวเครื่องอยู่ที่ 8.49 มม. ไม่ได้ต่างอะไรกับรุ่นแพงเลย เป็นอันเข้าใจตรงกันว่าหากอยากได้สมาร์ตโฟนบาง ๆ สวย ๆ ไม่ต้องจ่ายแพงก็เป็นเจ้าของได้ บางคนอาจคิดว่าวีโว่ตัดสเปกเรื่องแบตเตอรี่รึเปล่า ผิดคาดเลยเพราะตัวเครื่องมาพร้อมกับแบตเตอรี่ 5000mAh สามารถใช้งานได้ยาวนานเหมือนเดิม
หน้าจอใหญ่ มีโหมดถนอมสายตา
เรื่องของหน้าจอขอรีวิวตามตรงว่าตัวนี้เป็นจอ LCD ธรรมดาไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก (ตามราคา) แต่ก็ยังมีขนาดใหญ่ 6.51″ เพียงพอกับการใช้งานด้วยความละเอียด HD+ และด้วยงบประมาณบางคนอาจซื้อให้ลูกให้หลานใช้งาน รุ่นนี้ก็มาพร้อมกับการปรับความสว่างอัตโนมัติ และโหมดถนอมสายตาที่จะช่วยกรองแสงสีฟ้า (ต้องเปิดใช้งานด้วยตัวเอง)
ประสิทธิภาพ
ตัวเครื่องมาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Octa-Core (Mediatek Helio P22) ชิปประมวลผลระดับกลางที่เปิดตัวมาได้ 4 ปี แต่ก็ยังเพียงพอสำหรับการใช้งานพื้นฐานในปัจจุบัน ท่องเน็ต ดูหนัง ฟังเพลง รวมถึงเล่นเกมเล็กน้อยได้ (ไม่เหมาะกับเกมกราฟิกสูง) แต่ถ้าแค่เล่นเกมพื้นฐานพอคลายเครียดก็ได้อยู่ ส่วนเรื่องโซเชี่ยลอะไรพวกนี้ไม่มีปัญหา ไม่ค้าง ไม่แฮงค์
ส่วนเรื่องของ RAM อาจน้อยไปนิดเพียงแค่ 2 GB ซึ่งตอนแรกผู้รีวิวคิดว่าไม่น่าจะใช้งานได้ แต่พอได้ลองก็ลื่นกว่าที่คิด ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ลื่นติดนิ้วเหมือนรุ่นแพง ๆ อาจมีรอโหลดหรือดีเลย์บ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำเครื่องค้างใช้งานไม่ได้แต่อย่างใด ส่วนเรื่องของ ROM ให้มากำลังเหมาะคือ 32 GB หากใครรู้สึกว่าไม่พอก็ยังเพิ่ม microSD ได้อีก 1 TB
ระบบปฎิบัติการ
ตัวเครื่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 12 Go edition (ครอบทับด้วย Funtouch OS 12) ที่มีการปรับแต่งมาโดยเฉพาะ เพื่อให้สามารถใช้งานกับเครื่องสเปกไม่สูงได้อย่างดี UI โดยรวมยังคงใช้งานได้ง่ายตามแบบฉบับวีโว่ และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบ Multi-Turbo 5.5 ที่ช่วยจัดสรรทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า มอบประสบการณ์ผู้ใช้ที่ราบรื่นยิ่งขึ้น
ปลดล็อกด้วยใบหน้า
ความจริงไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอะไร แต่แค่อยากให้รู้ว่างบสามพันกว่าบาท ก็สามารถใช้สแกนใบหน้าได้ด้วย ส่วนสแกนลายนิ้วมือนั้นไม่มีเพราะวีโว่อยากทำราคาให้ต่ำที่สุด เพื่อที่จะให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย แต่สำหรับคนธรรมดาทั่วไปก็ถือว่าสะดวกดีกว่ากรอกรหัสผ่าน ส่วนความเร็วก็ยังคงสแกนเร็วตามสมัยนิยม
กล้องหลัง
รุ่นนี้มาพร้อมกับกล้องหลังเลนส์เดียว ความละเอียด 8 MP (F/2.0) เพียงพอสำหรับการถ่ายรูปทั่วไป เนื่องจากยุคนี้แม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้นแต่ก็ทำกล้องออกมาได้ดีมากแล้ว จะแตกต่างกันเพียงคุณสมบัติขั้นสูงและเรื่องของ AI รวมถึงการถ่ายรูปกลางคืนที่เป็นจุดต่างของรุ่นแพง อธิบายไปอาจไม่ค่อยเห็นภาพ งั้นลองไปดูตัวอย่างภาพจริงจากรูปด้านล่างกันได้เลย
มีโหมดโบเก้จำลองให้ใช้งาน
ทดสอบภาพกลางคืน
กล้องหลังทำออกมาได้ดีเกินคาด แม้ว่าจะไม่ได้มีตัวช่วยในการถ่ายรูปอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ AI หรือการถ่ายภาพกลางคืน ดังนั้นภาพที่ได้จะออกมาดิบหน่อย แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปหรือเอาไปตกแต่งเพิ่ม (ภาพในรีวิวเป็นต้นฉบับไม่ได้ปรับแต่ง) นอกจากนี้ยังมีโหมดโบเก้จำลอง แม้ว่าอาจจะไม่เนียนเท่ากับรุ่นที่มีเลนส์เฉพาะทางก็ตาม
กล้องหน้า
รุ่นนี้มาพร้อมกับกล้องหลังเลนส์เดียว ความละเอียด 5 MP (F/2.2) รูปแบบกางวางเลนส์บนหน้าจอแบบหยดน้ำ มีโหมดบิวตี้ให้พอใช้งานได้หอมปากหอมคอ แม้ว่าจะปรับแต่งได้ไม่ละเอียดเท่ากับรุ่นพี่ (แต่ก็ยังดีกว่าไม่มี) โทนโดยรวมออกแบบมาสดใสไม่หลอกตา การถ่ายรูปอาจต้องช่วยตัวเครื่องนิดหน่อย เพราะรูรับแสงไม่กว้างมากต้องพึ่งแสงธรรมชาติเยอะ
ใช้งานจริงกล้องหน้าถ่ายได้ชัตเตอร์ไม่หน่วงมาก กดรูปรัวได้แบบไม่ติดขัด อย่างที่บอกก็คือลูกเล่นค่อนข้างน้อย (ตามราคา) หากวัตถุประสงค์ของการซื้อเครื่องคือใช้งานพื้นฐาน ไม่ได้เน้นการใช้งานเฉพาะทางด้านการถ่ายรูป ก็ถือว่าค่อนข้างคุ้มเลยแหล่ะที่ทำได้ขนาดนี้ เพียงพอสำหรับใช้ถ่ายรูปหรือวิดีโอคอลในชีวิตประจำวัน อัปโหลดรูปได้แบบไม่ต้องกลัวใครแซว เพราะคุณภาพที่ได้ออกมาก็ไม่ได้แย่นะ
ความรู้สึกหลังใช้จริง
คำแรกเลยก็คือ “ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด” คือประสบการณ์เราอาจมองว่า สมาร์ตโฟนรุ่นเริ่มต้นใช้งานแล้วต้อง “หงุดหงิด” แต่พอได้ลองใช้งานจริงคือมันก็ได้แหล่ะ มีบางส่วนที่ต้องรอบ้าง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เครื่องค้างหรือไปต่อไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีครบทั้งพอร์ต 3.5 มม. และในส่วนของ Micro USB (ตรงนี้มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ) อีกส่วนที่ชอบก็คือ Wi-Fi เป็นตัว 5 Ghz ตามมาตรฐานสมัยนิยม
ข้อดี
- ตัวเครื่องดูดี วัสดุเกินราคา
- แบตเตอรี่อึด 5000mAh
- หน้าจอใหญ่ 6.51″
- ความจุ 32 GB (รองรับ microSD)
ข้อเสีย
- หน้าจอยังสู้แสงไม่ดีนัก
- ไม่แถมเคสและหูฟัง 3.5 มม.
สรุป
สำหรับรุ่น vivo Y02 ราคาเพียงแค่ 3,799 บาท ก็ถือว่าไม่ได้แพงเลย สำหรับการซื้อสมาร์ตโฟนเป็นของขวัญ ดีไซน์หน้าตาสวยเกินราคามากมาย ด้วยการออกแบบตัวเครื่อง 2.5D นอกจากนี้ยังมีความบางเบา แต่ก็ยังได้แบตเตอรี่จัดเต็มพร้อมกับหน้าจอใหญ่ 6.51″ สเปกโดยรวมอาจจะไม่แรงเวอร์วัง แต่ก็เพียงพอสำหรับคนใช้งานทั่วไป ที่ไม่ได้เน้นต้องการอะไรเฉพาะทางมากนัก
vivo Y02 เปิดตัวราคา 3,799 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ Orchid Blue และ Cosmic Grey สามารถเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ที่ vivo Brandshop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ https://www.vivo.com/th/products/y02 #vivoY02 #ThatsY
หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial