เปิดตัวแล้วกับ Vivo V17 ที่มีราคาถูกและคุ้มค่ากว่า Vivo V17 Pro โดยแลกกับการไม่มีกล้องป๊อปอัพ หน่วยประมวลผลและสเปกหลายอย่างคล้ายกัน แต่ราคาถูกกว่าแถมได้หน่วยความจำถึง 256 GB ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว สำหรับคนที่มีงบประมาณซื้อสมาร์ตโฟนในราคาหมื่นต้น ๆ และหากดูจากรูป จะเห็นว่ารูกล้องหน้ามีขนาดเล็กที่สุดในท้องตลาด

Vivo V17

การปรับเปลี่ยนในครั้งนี้มีทั้งดีไซน์ใหม่หมดทั้งหน้าและหลัง นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้ได้ใช้งานกันอีกเพียบ ส่วนหน้าตายังคงความหรูหรามีให้เลือกทั้งหมด 2 สี Crystal White และ Admiral Blue (ตัวที่รีวิว) โดยได้แรงบันดาลใจมาจากกล้องคอมแพค เอกลักษณ์การเรียงตัวใหม่ของกล้องทั้ง 4 เลนส์ ให้ความสมมาตรฐานกันตลอดทั้งเครื่อง

สเปก | Vivo V17

  • ระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie (ครอบทับด้วย Funtouch OS 9.2)
  • หน้าจอ Ultra O Screen 6.44″ Super AMOLED FHD+
  • หน่วยประมวลผล Snapdragon 675 AIE
  • แรม 8 GB
  • รอม 256 GB (รองรับ microSD)
  • กล้องหลัง AI Quad Camera 48 + 8 + 2 + 2 MP (f/1.8 + f/2.2 + f/2.4 + f/2.4)
  • กล้องหน้า 32 MP (f/2.45)
  • รองรับระบบสแกนนิ้วบนหน้าจอ
  • รองรับ 4G ทั้งสองซิม (ไม่แชร์ร่วมกับ microSD)
  • แบตเตอรี่ 4,500 mAh รองรับ Fast Charge 9V 2A
  • ขนาด 159.01 × 74.17 × 8.54 มม.
  • น้ำหนัก 176 กรัม

ในรุ่นนี้มีการเปลี่ยนมาเป็น USB-C ตามสมัยนิยม แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงไว้ซึ่งช่องหูฟัง 3.5 มม. ส่วนปุ่มควบคุมจะอยู่บริเวณด้านข้างขวาทั้งหมด (ฝั่งซ้ายและด้านบนไม่มีอะไร) ข้อดีก็คือหน้าจอไร้ติ่งกวนใจ Ultra O Screen ทำให้ได้พื้นที่การแสดงผลอยู่ที่ 91.38% มีการนำเอาระบบสแกนนิ้วมืออยู่บนหน้าจอ เลยทำให้ได้พื้นที่การแสดงผลมากยิ่งขึ้น

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • ตัวเครื่อง (ติดฟิล์มมาให้จากโรงงาน)
  • สายชาร์จ USB-C
  • หูฟัง 3.5 มม.
  • อะแดปเตอร์ 9V/2A
  • เคสใส

ตัวเครื่องด้านหลังถึงแม้ว่าจะทำมาจากพลาสติก แต่ก็ให้ความเงางามไม่ต่างอะไรกับกระจก โค้งรับกับฝ่ามือเป็นอย่างดี มีการตกกระทบของแสง มองดีไซน์จะเห็นว่ามันเป็น Retro-Styled การวางแนวของเลนส์ จะอยู่ในมุมโค้งอันหรูหราของกรอบสี่เหลี่ยม เหมือนดั่งปุ่มรหัสที่รอการปลดล็อก มีการให้ความผสมผสานความเป็นมืออาชีพ และศิลปะอย่างลงตัว

ระบบกล้องหลังสเปกเดียวกับ Vivo S1 Pro คือประกอบไปด้วยกล้อง AI จำนวน 4 เลนส์ ความละเอียดกล้องหลักสูงถึง 48 MP เหมาะกับการถ่ายเพื่อไปใช้งานต่อ นอกจากนี้ยังมีกล้อง Super Wide-Angle ความละเอียด 8 MP สามารถเก็บมุมกว้างได้อย่างดี และมีกล้อง Macro และ Bokeh ความละเอียด 2 MP เอาไว้ถ่ายวัตถุใกล้และละลายฉากหลัง

Ultra O Screen คืออะไร ?

หน้าจอแบบนี้คือการ “เจาะรูกล้องบนหน้าจอ” โดยไม่จำเป็นต้องทำจอแหว่ง, รอยบาก, หรือกล้องป๊อปอัพ ทำให้สามารถผลิตเครื่องราคาถูกลงได้แต่ก็ยังได้ประสบการณ์เต็มจอนั่นเอง สำหรับรูกล้องของ Vivo V17 มีขนาดเล็กมากเพียง 1.99 มม. เล็กที่สุดในท้องตลาดขนาดนี้ เมื่อใช้งานจริงจะมีขนาดเพียงเท่ากับสัญลักษณ์ใน Notifications เท่านั้นเอง

เมื่อใช้งานจริงก็จะมีเพียงรูขนาดเล็ก ในขณะที่การใช้งานยังคงเต็มตาเต็มอารมณ์เหมือนเดิม ไม่รู้สึกว่ามีอะไรบังหน้าจอแต่อย่างใด ลองคิดดูว่าขนาด iPhone มีรอยบากขนาดใหญ่ยังใช้งานได้ ดังนั้นรูกล้องเล็กขนาดนี้ก็เท่ากับว่ายังไงก็สบายตากว่า นอกจากนี้วีโว่ยังได้ทำการซ่อนลำโพงสนทนา พร้อมกับพวกเซ็นเซอร์ต่าง ๆ เอาไว้อย่างแนบเนียนสวยเลยทีเดียว

เทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint) สามารถสแกนได้อย่างรวดเร็ว อันนี้หลายคนคงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะว่าก็มีหลายรุ่นของวีโว่ที่รองรับ และหากใครสะดวกสแกนใบหน้าก็ยังสามารถทำได้เช่นกัน ทำงานแบบผสมกันทั้งสองระบบ เมื่อเครื่องจับสิ่งใดได้ก่อนไม่ว่าจะเป็นใบหน้าหรือการสแกนนิ้ว ก็เข้าใช้งานได้ทันทีไม่ต้องเลือก

ตัวเครื่องด้วยราคาหมื่นต้น ๆ จึงเหมาะกับนักเรียนหรือวัยทำงาน ที่ไม่เน้นต้องการสเปกสูงเวอร์อะไรมาก แต่เน้นไปที่การใช้งานทั่วไป และรุ่นนี้ก็มีความเด่นต้องที่กล้องหลัง สามารถถ่ายออกมาได้ไม่แพ้รุ่นใหญ่เลยทีเดียว แถมหน้าตาก็ไม่ได้ขี้เหร่ ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบถ้วน มีอารมณ์กึ่งความเป็นแฟชั่นนิด ๆ ถือแล้วไม่ดูเชยเหมือนกับสมาร์ตโฟนทั่วไป

สำหรับสาว ๆ ที่ชอบถ่ายรูปไม่ต้องห่วงเลย เพราะตัวเครื่องให้ความจุมาตั้ง 256 GB เยอะมากลำดับต้น ๆ ของสมาร์ตโฟนในช่วงราคาหมื่นกว่าบาท (บางทีจ่ายสองหมื่นกว่าบาทกว่าบาทยังไม่ได้เลย) ทำให้สามารถเก็บรูปได้เยอะมากรวมถึงแอปพลิเคชัน (หากเป็น microSD จะลงได้แต่รูป) อันนี้สะดวกดีไม่ต้องกลัวเต็ม แต่ถ้าต้องการเพิ่ม microSD ก็ทำได้

ถึงแม้ว่าจอจะใหญ่ถึงจะใหญ่ถึง 6.44″ แต่เครื่องไม่ได้มีขนาดใหญ่อย่างที่คิด เพราะมีพื้นที่ขอบจอเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เลยทำให้ได้เครื่องขนาดเล็กพกพาไม่ลำบาก ส่วนแบตเตอรี่อยู่ที่ 4,500 mAh เหลือเฟือสำหรับการใช้งานตลอดทั้งวัน และรองรับการชาร์จเร็ว 9V/2A กับตัวอะแดปเตอร์ที่แถมมาให้ เวลาชาร์จก็ใช้ระยะเวลาไม่นานแบตเตอรี่ก็เต็ม 100%

ในส่วนของ Vivo V17 ได้เพิ่มในเรื่องของคุณสมบัติ Super Night Mode เพิ่มเติมเข้ามา ทำให้สามารถถ่ายรูปตอนกลางคืนได้อย่างดีเยี่ยม (มีรูปรีวิวให้ดูตอนท้าย) และก็มี Ultra Stable Video ทำให้สามารถถ่ายวิดีโอกันสั่นได้ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง ขี่จักรยาน ฯลฯ ช่วยให้สามารถถ่ายวิดีโอได้แบบลื่นไหล ต่างจากการถ่ายปกติที่วิดีโอจะสั่นจนเวียนหัว

ความคมชัดของหน้าจอ Super AMOLED ไม่ต้องถามในเรื่องของสีสัน การใช้งานโดยรวมสบายตาเป็นอย่างดี สามารถแสดงสีตามมาตรฐาน DCI-P3 ได้สูงสุด 100% (แบบเดียวกับ iPhone) แถมยังได้รับการรับรองจากสถาบัน TÜV จากประเทศเยอรมัน ปลอดภัยต่อดวงตาสามารถกรองแสงสีฟ้าได้ถึง 42% แต่น่าเสียดายที่ไม่รองรับ HDR นั่นเองครับ

กล้องหน้าหลายคนอาจกังวลว่าขนาดเล็กเพียง 1.99 มม. คุณภาพจะเสียลงมั้ย ? แต่ตรงนี้บอกเลยว่าระดับวีโว่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ด้วยกล้องหน้าความละเอียดระดับ 32 MP (f/2.45) ยังคงความชัดเจน เซลฟี่ได้สวยงามเหมือนเดิม อันนี้ผู้เขียนลองเอาไปให้สาว ๆ ทดสอบเซลฟี่ดูแล้ว ก็ได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี ถึงแม้ว่าค่ารูรับแสงจะสูงไปสักเล็กน้อยก็ตาม

นอกจากนี้ก็ยังมีฟีเจอร์เล็กน้อยที่พ่วงเพิ่มเข้ามาด้วยอย่าง Always-On-Display ที่จะแสดงผลข้อมูลบางอย่างบนหน้าจอตลอดเวลา และยิ่งความที่มีหน้าจอใหญ่ทำให้สามารถทำงานหลายอย่างได้สะดวกยิ่งขึ้น ส่วนระบบปฎิบัติการ Funtouch OS 9.2 มีลูกเล่นให้เยอะมากมาย ยิ่งทำให้เหมือนกับว่าได้ Android 9 Pie ที่ติดปีกมากยิ่งขึ้นไปอีก

กล้อง

เป็นอะไรที่ถ่ายสนุกมาก มีเลนส์ให้เลือกถึง 4 เลนส์ด้วยกัน (ปกติ, กว้าง, มาโคร, ละลาย) เพียงแค่เลือกให้ถูกกับงานที่ถ่าย สำหรับเลนส์หลัก 48 MP ทำให้สามารถซูมหรือ Crop ภาพภายหลังได้แบบภาพไม่แตก แต่สำหรับเลนส์ระยะอื่นอันนี้ต้องระมัดระวังนิดนึง เพราะมีรูรับแสงที่แคบ (f เยอะ) หากสภาวะแสงไม่เพียงพอ จะทำให้ภาพออกมืดเอาได้ง่าย ๆ

ลูกเล่นกล้องหน้าก็ยังมี่ลูกเล่นให้เยอะเหมือนเคย

เริ่มต้นจากเลนส์ละลายหลัง (Bokeh) ตัวนี้ไม่ใช่เลนส์ที่ทำหน้าที่ถ่ายโดยตรง แต่มีหน้าที่ในการวัดระยะจากฉากหลัง ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีความละเอียดเพียง 2 MP แต่ก็ช่วยให้โปรแกรมประมวลผล ละลายฉากหลังได้เป็นอย่างดี หากถามตามตรงว่ามีหลุดบ้างมั้ยก็คงตอบว่า “มี” เพราะไม่มีทางเป็นไปได้ที่มันจะ 100% แต่บางช็อตก็ยังเนียนพอที่จะเอาไปใช้งานจริงได้

ส่วนเลนส์มาโคร (Macro) อันนี้เอาไว้ถ่ายอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ถึงแม้ว่าความละเอียดจะเพียงแค่ 2 MP แต่ก็เพียงพอสำหรับการถ่ายงานประเภทนี้ เหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายวัตถุ เช่น เครื่องประดับ, พระเครื่อง, ดอกไม้ ฯลฯ เปิดประสบการณ์สร้างมุมกล้องรูปแบบใหม่ และเลนส์ประเภทนี้ค่อนข้างหายากในสมาร์ตโฟน ไม่ค่อยมีแบรนด์ไหนทำกัน

การถ่ายรูปเลนส์ระยะกว้าง (Super Wide-Angle) สามารถเก็บบันทึกภาพได้แม้กระทั่งมหาสมุทร และดวงดาวไว้ในภาพเดียวกัน ด้วยการถ่ายภาพมุมกว้างพิเศษ 120 องศา นอกจากจะเก็บภาพมุมกว้างได้แล้ว ยังเป็นที่ถูกใจของคุณผู้หญิงเป็นอย่างมาก เพราะให้ภาพที่ถ่ายแล้วดูผอมและขายาว (สำหรับคนที่อยู่ตรงกลางภาพ) เป็นอีกหนึ่งเลนส์ที่ขาดไม่ได้ในยุคนี้

สุดท้ายนี้ถึงแม้ไม่ใช่เลนส์ แต่เป็นคุณสมบัติเด่นของ Vivo V17 ที่เพิ่มการถ่ายกลางคืน Super Night Mode ทำให้สามารถถ่ายภาพได้คมชัด ลดการเกิดนอยส์เมื่อถ่ายตอนกลางคืนแล้วเร่งแสงสว่าง และยังมาพร้อมกับ Super Night Selfie ในกล้องหน้าที่ผสานกับ HDR อัลกอริทึ่มถ่ายภาพบุคคล ทำให้สามารถเซลฟี่ตอนกลางคืนได้อย่างโดดเด่น

ระบบปฏิบัติการ

เปิดเครื่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie (ครอบทับด้วย Funtouch OS 9) เน้นความเรียบง่ายในการใช้งาน เมนูและหน้าตาเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน สามารถเรียนรู้ได้เร็วเหมาะกับทุกคน สามารถปรับแต่งรายละเอียดได้เยอะมาก นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับผู้ช่วยอัจฉรินะ Jovi ที่จะคอยช่วยจัดการข้อมูลมหาศาลบนเครื่องเรา ทำให้ชีวิตของเราง่ายขึ้น

การตั้งค่าทำได้ละเอียดมากมายหลากหลายโหมด มากกว่าการใช้ระบบปฏับิตัการ Android บนเครื่องทั่วไป แถมทางวีโว่ยังได้พัฒนาออกมาจาเสถียร ให้ประสบการณ์ใช้งานที่แตกต่างโดยสินเชิ้ง ยกตัวอย่างเช่น ผู้ช่วยอัจฉริยะ Jovi ที่พัฒนาร่วมกับ Google นอกจากนี้ยังมีพระเอกอย่าง Ultra Game Mode ที่ช่วยให้เล่นเกมสนุก สบาย ลื่นมากขึ้นหลายเท่า

จุใจไปกับ RAM ในตัวเครื่องถึง 8 GB หลังจากเปิดใช้งานแล้วก็ยังเหลือให้ใช้งานถึง 6.27 GB เหลือเฟือมากมายโดนใจ สำหรับคนชอบเปิดแอปพลิเคชันหลายหน้า และมากกว่านั้นก็คือหน่วยความจำหรือ ROM ที่ให้มาและเหลือใช้งานจริงถึง 237.40 GB มีแบตเตอรี่มาตามมาตรฐานวีโว่ 4,500 mAh และมีโหมดประหยัดพลังงานขั้นสูงคอยช่วยมากขึ้นไปอีก

เรื่องกล้องมีลูกเล่นให้เลือกอีกเยอะมากมาย หากจะให้รีวิวทั้งหมดทุกฟีเจอร์ก็คงจะไม่ไหว เอาเป็นว่ามันมีให้ปรับค่อนข้างละเอียดมาก ชนิดที่ว่าแทบไม่ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นเพิ่มเลน ระบบปฏิบัติการมาพร้อมกับหน่วยประมวลผล AI อัจฉริยะ ที่จะช่วยเดาสถาการณ์ภาพและเสนอตัวเลือกให้เราเลือกเลนส์ หรือโหมดถ่ายภาพให้เหมาะสมกับสิ่งที่กำลังถ่าย

ผู้ใช้งานสามารถปรับหน้าตาได้หลากหลาย สามารถเลือกเปลี่ยนภาพเคลื่อนไหวตอนปลดล็อค สามารถปรับเปลี่ยนหน้าตาตอนชาร์จ รวมถึงเปลี่ยนเมนูหน้าตานาฬิกาตอนแสดงผล Always-On-Display เปลี่ยนได้ทั้งรูปแบบรวมถึงสีได้มากมาย สามารถใช้งานกันยาว ๆ ได้ทั้งปีแบบไม่มีเบื่อ หากใครรู้สึกจำเจกับหน้าตาแบบเดิมก็สามารถลองเปลี่ยนดูได้ครับ สนุกดี

สุดท้ายนี้ก็จะเป็นเรื่องของผู้ช่วยจัดการเกม ทำให้เวลาเราเล่นเกมบนสมาร์ตโฟนแล้วไม่ถูกรบกวน สามารถจัดการสารพัดการแจ้งเตือน เสียงเรียกเข้า ข้อความ ให้มีขนาดเล็กลงไม่บดบังหน้าจอ หรือว่าจะปิดไปเลยก็ยังได้ มีเครื่องมือช่วยเล่นเกมสารพัด ยกตัวอย่างเช่นเล่นเกมต่อเนื่องแม้หน้าจอดับ และป้องกันการสัมผัสโดนหน้าจอโดยบังเอิญ อันนี้สุดยอดขอคาราวะ

ข้อดี

  1. กล้องสี่ตัว (AI Quad Camera)
  2. แบตเตอรี่ 4500mAh ใช้งานทั้งวัน
  3. สแกนนิ้วบนหน้าจอ
  4. มีเคสในตัว ติดฟิล์มมาจากโรงงาน
  5. หน้าจอใหญ่ 6.44 นิ้ว
  6. ความจุ 256 GB
  7. โหมดถ่ายกลางคืน Super Night Mode
  8. คุ้มค่าราคาประหยัด

ข้อเสีย

  1. กล้องหน้ารูรับแสงแคบ
  2. หน่วยประมวลผลไม่เหมาะกับเล่นเกมหนัก
  3. ไม่รองรับ NFC

สรุป

สำหรับราคาเปิดตัว Vivo V17 อยู่ที่ 11,999 บาท ก็ถือว่าสมเหตุสมผลไม่ถูกไม่แพง มีสเปกพอฟัดพอเหวี่ยงและใกล้เคียงกับหลายรุ่นของวีโว่ก่อนหน้า หน้าจอ Super AMOLED Ultra O Screen ทำให้จอกว้างไม่รกสายตา รูกล้องมีขนาดเล็กจนไม่รู้สึกว่ามันบังตา Super Night Mode ถ่ายได้กลาง ๆ แต่คิดว่าพัฒนาไปได้มากกว่านี้อีก สุดท้ายคือความจุเครื่อง 256 GB เยอะสะใจมาก เก็บรูปลงแอปพลิเคชันกันแบบไม่ต้องกลัวความจุเต็ม หวังว่านี้จะเป็นมาตรฐานใหม่ต่อไป

หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial