นับว่าเป็นอีกก้าวนึงที่เราจะได้ใช้ Wi-Fi จากความสามารถของ เน็ต 4G โดยทาง True ได้ออกผลิตภัณฑ์เพื่อส่งเสริมชีวิตยุคใหม่ให้เราสามารถใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นสะดวกขึ้นและเป็นการแชร์บริการจากจุดเดียวและเปลี่ยนวิถีชีวิตคนเราให้ดีขึ้น อย่างน้อยก็มีเจ้าตัวนี้ที่มาช่วยให้เราสามารถใช้งานหลากหลายอุปกรณ์ผ่าน Wi-Fi Hot Spot ได้ระหว่างเดินทางในรถยนต์เป็นเรื่องง่าย ๆ เพียงซื้ออุปกรณ์ True 4G Car Wi-Fi จาก True Shop
ทาง True จะมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ซื้ออุปกรณ์ 4G Car Wi-Fi ให้ใช้งานแบบสะใจอยู่ไม่น้อยครับเพียงซื้อตัวอุปกรณ์แล้วได้รับส่วนลดค่าบริการแบบรายเดือนถึง 50% แล้วได้เน็ตใช้แบบจุใจถึง 20GB ต่อเดือน แต่สำหรับใครที่ไม่อยากสมัครแบบรายเดือนซื้อแค่อุปกรณ์แล้วเดินเข้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่นซื้อ Net Sim 4G เปิดเบอร์ใหม่แล้วเติมเงินก็สามารถใช้ได้เช่นกัน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของโปรโมชั่น 4G Plan สำหรับ Car Wi-Fi ได้ที่นี่
และสมัคร Plan 4G สำหรับ Car Wi-Fi หรือซื้อ Sim Card 4G NET SIM แบบเติมเงิน 79 บาทต่อชุด แล้วเติมเงินซื้อเน็ตอีก 199 บาท ได้ 500MB ก็ใช้งานได้แล้วล่ะครับ 🙂 ดูโปรเสริมสำหรับใช้งานเน็ตอย่างเดียวได้ที่นี่
Unbox Device – True 4G Car Wi-Fi
ตัวอุปกรณ์ที่ผมได้รับมาทดสอบจากทาง True หน้าตากล่องเป็นแบบนี้ครับตัวอุปกรณ์นี้ Huawei เป็นผู้ผลิตให้กับทาง True โดยสามารถรองรับจำนวนผู้ใช้ภายในรถหรืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้สูงสุดตั้งแต่ 5 คนหรือ 10 ขึ้นเลยทีเดียวสมมุติว่าผมมีอุปกรณ์มือถือ Smart Phone 2 เครื่อง Tablet 2 และ Laptop อีก 1 เครื่องก็สามารถใช้งานได้หมดเลยครับ
แกะกล่องออกมาหน้าตาอุปกรณ์เหมือนกับเกียร์รถยนต์เลยล่ะสำหรับตัวนี้จะมีช่องเสียบ SIM Card ในตัว
พร้อมกับช่อง USB เอาไว้ชาร์จแบ็ตมือถือ 1 ช่องหรือเอาไว้ต่อกับคอมเพื่อดึงตัวติดตั้งแอป HiLink ของ Huawei ก็ได้เช่นกันแต่ผมได้ทำ APK ออกมาให้ดาวน์โหลดไปติดตั้งง่าย ๆ ดาวน์โหลดได้ที่นี่ ผ่าน Dropbox Link ครับเนื่องจากว่าถ้าดาวน์โหลดตามคู่มือที่ให้ QR Code มาผมเจอ
ปัญหาคือแอปตัวนี้จะมีสามารถติดตั้งบน Smart Phone บางรุ่นหรือหลาย ๆ รุ่นได้เป็นข้อเสียอย่างยิ่งสำหรับ User ปกติสำหรับแอป HiLink ของ Huawei นี้มีหน้าที่หลายอย่างที่ใช้ทำงานร่วมกับ 4G Wi-Fi Car คือมันจะทำเป็นตัว Console Admin ควบคุมการทำงานตั้งแต่
- แสดงสถานะของการใช้งาน Data Internet
- ใช้เปลี่ยนรหัสผ่านของตัวอุปกรณ์ (ตรงนี้มองว่าไม่จำเป็นนักถ้าไม่คิดถึงเรื่องความปลอดภัย มองในแง่ User ธรรมดาคือซื้อมาเสียบใช้งานตามคู่มือได้จบ)
- ใช้สร้าง Guest เพื่อให้เพื่อนหรือคนอื่น ๆ เข้ามาจอยในระบบ Hot Spot ภายในรถ
Manual
สำหรับคนที่ซื้อ True 4G Car Wi-Fi ครั้งแรกผมแนะนำจริง ๆ จัง ๆ เลยครับว่าควรอ่านคู่มือทำความเข้าใจก่อนไม่งั้นจะงงได้แต่ง่าย ๆ หากต้องการความแอดวานซ์ในการใช้งานก็ควรอ่านนะ แต่ใครขี้เกียจก็ไม่ต้องอ่านซื้อมาแล้วใส่ Sim Card เอาตัวอุปกรณ์เสียบในรถกดเปิดจบใช้งานได้เลยอย่างนั้นก็ได้เช่นกัน
Method Testing
วิธีการทดสอบของผมก็ไม่ยากครับใครจะเอาไปใช้ก็ได้เพียงคุณมี Smart Phone หรือ Laptop แล้วทดสอบแบบทั้งรถวิ่งและรถจอดอยู่กับที่ผ่านแอป SpeedTest.net ถ้าบน Laptop Windows ก็ผ่านเว็บ http://www.speedtest.net/ ได้เลย
ตอนเราเสียบ True 4G Car Wi-Fi ครั้งแรกเลยเสียบปั๊ปให้กดปุ่มสวิทช์เปิดรอไฟกระพริบสีแดงจนมันหยุดขึ้นสีเขียว
แล้วดูบนหน้าจอ Smart Phone หรือตัว Laptop ในส่วนของการเชื่อมต่อ Wi-Fi ครับถ้าเจอตัว SSID ที่ชื่อ true_CarWiFi_8D3B ให้กด Connect ได้เลยแล้วใส่รหัส 0123456789 ลงไปจึงสามารถเชื่อมต่อได้
Result ผลการทดสอบ
ผลทดสอบบน Android อันนี้ขณะรถไม่เคลื่อนตัวจอดอยู่กับที่ ภาพตรงกลางถ้าสังเกตดูอัตราความเร็วในการดาวน์โหลดจะอยู่ที่ 975KB/s / อัพโหลดอยู่ที่ 15KB/s นั้นคือกำลังเปิดดู Youtube ซึ่งความเร็วระดับนี้ดูได้ลื่น ๆ อยู่แล้ว
อันนี้เทสแบบให้เห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้นคือรถวิ่งที่ความเร็ว 70-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามความเร็วกฎหมายการขับรถในเขตเทศบาล ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนเส้นถนนบางนา-ตราดวิ่งตรง ๆ เรื่อย ๆ รถที่ใช้ขับทดสอบ Toyota Altis ปี 2010
ผลเทสให้เห็นชัดเจนทั้งในส่วนของ Data Usage การใช้งาน Data Internet ที่ลดลงไปเรื่อย ๆ และคะแนน Benchmark จากแอป 4G Benchmark ความเร็วเฉลี่ยของสัญญาณขา ดาวน์โหลด = 2.6 เมกกะบิท และ ขาอัพโหลด = 9.6 เมกกะบิท ไม่เลวเลยสำหรับเน็ต 4G ที่ปกติต้องวิ่งสูงสุดที่ 42 เมกกะบิทแล้วจ่ายลงมาที่ Client บนเครือข่ายของตัวเอง
และ ณ จุดนี้ผมตอบโจทย์การใช้งานได้แล้วครับแต่อาจจะไม่เต็มปากเหตุผลเพราะว่าผมเทสเพียงเครื่องเดียวและไม่ได้กดเทสให้ครบ 5 อุปกรณ์แต่คาดเดาได้ว่าถ้าใช้งานหลายคนแน่นอนว่าการยื้อแย่ง Bandwidth Speed มีแน่นอน
แต่นั้นเป็นเรื่องที่บางคนมองข้ามเน้นการใช้งานได้แบบหลายคนมันก็ดีกว่าอยู่แล้วยกเว้นตัดปัญหาไปโดยใช้แยกส่วนตัวบนเน็ตมือถือของตัวเองก็ช่วยได้ครับและในความเห็นส่วนตัวอีกอย่างคือกรณีที่แชร์อุปกรณ์หลาย ๆ ตัวพร้อมกันและเล่นเน็ตหรือดาวน์โหลดอะไรสักอย่างพร้อมกันมีการดึงความเร็วกันอย่างแน่นอนเพราะมันคือการ “แชร์อินเตอร์เน็ต” ดี ๆ นี่เองครับ
หากใครเคยใช้ MiFi มาก่อนก็คงทราบข้อนี้ดีทีเดียว MiFi จะต่างจาก Car WiFi ตรงที่ตัว MiFi จะมีแบ็ตเตอร์รี่ในตัวเองแต่สำหรับ Car Wi-Fi ต้องการแหล่งพลังงานเสียบจากช่องจุดบุหรี่แต่หลัก ๆ ในการใช้งานคือมันไม่ต่างกันมันคือตัวสร้างอินเตอร์เน็ต Hot Spot ส่วนตัวนั้นเอง
ทดสอบอีกอย่างนึงคือใช้ Laptop ต่อกับ True 4G Car Wi-Fi ในรถแต่ไม่ได้ขับรถนะครับจอดนิ่งไว้ ๆ
แล้วลองกดเทส Speed ดูผลลัพธ์น่าพอใจมาก ๆ ได้ ค่าดาวน์โหลดความเร็วที่ 17.14 เมกกะบิท และ อัพโหลดที่ 8.20 เมกกะบิท เร็วกกว่าเน็ตบ้านผมอีกแน่ะ
ส่วนอีกการทดสอบคือลองดาวน์โหลดไฟล์ดูพบว่าวิ่งดีมากไฟล์จาก Server ต่างประเทศนะเฉย ๆ อยู่ที่ราวๆ 100-200KB/sec สามารถทำได้ยอดเยี่ยมครับ
กรณีที่เน็ตเราใกล้หมดจะมีไฟเตือนเป็นสีม่วงแบบในภาพครับ
โดย Plan Package ที่ผมใช้คือ Net SIM 4G แบบเติมเงิน 199 บาท ได้ 500MB นี่คือพอใกล้หมดแล้วอุปกรณ์จะมีทำการแจ้งเตือนด้วยไฟแสดงสถานะนับเป็นข้อดีครับแล้วถ้าเราอยากขยายเนื้อที่ Data ล่ะทำไง? ก็แค่เดินเข้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่นหรือทรูช๊อปซื้อบัตรเติมเงินใส่หมายเลขสำหรับใช้ True 4G Car Wi-Fi ก็เท่านั้นเองสะดวกมากครับ
ข้อดี
- โปรโมชั่นสำหรับ 4G Internet ของ True มีหลายรูปแบบให้เราเลือกจะเอารายเดือนหรือเติมเงินก็ได้ตามสะดวกในการใช้งานให้เหมาะสมกับ 4G Car Wi-Fi
- เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้รถของคุณสามารถใช้ Wi-Fi Hot Spot แบบง่ายแสนง่ายราคาถูกและใช้ร่วมกับอุปกรณ์ในมือที่มีมากกว่า 1-2 ตัวขึ้นไปได้อย่างสะดวก
- ความเร็วของสัญญาณ 4G ของ True นั้นขึ้นชื่อว่าแรงสุดในกลุ่มผู้ให้บริการอยู่แล้วและค่อนข้างครอบคลุมทั่วไทยด้วยแต่ก็มีบางจุดที่ยังไม่สามารถคลุมถึงหรือในจุดอับสัญญาณจริง ๆ อันนี้คงต้องเช็คกับผู้ให้บริการครับ
- ตัว Wi-Fi Hot Spot สำหรับการใช้งานบนรถยนต์โดยสารส่วนบุคคลแล้วเป็นอะไรที่ไม่ได้ใหม่เลยแต่มันเหมาะสำหรับครอบครัวจริง ๆ ที่พ่อ แม่ ลูกนั่งรถและต้องการใช้งานอินเตอร์เน็ตโดยที่อุปกรณ์นั้นไม่สามารถใส่ SIM Card เพื่อเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้
ข้อเสีย
- คุณต้องยอมเสียช่องจุดบุหรี่ 1 ช่องไปฟรี ๆ แต่หากรถคุณมีช่องจุดบุหรี่มากกว่า 1 ช่องก็ดีไป (อย่างเช่น Toyota Prius จะมีช่องจุดบุหรี่ 2 ช่อง ใต้ Console หน้าและข้างคนขับ)
- แอปของ Huawei HiLink นั้นยังไม่ดีนักและไม่รองรับ Smart Phone Android ทุกยี่ห้อหากจะดาวน์โหลดจาก Google Play นะและถ้าต้องการติดตั้งต้องมีความชำนาญและเข้าใจระบบ Android เล็กน้อยถึงจะติดตั้งได้แบบ Manual
สรุป
นับว่า True 4G Car Wi-Fi นั้นตอบโจทย์เป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้รถในสังคมเมืองหลวงหรือขาท่องเที่ยวที่มีก๊วนกลุ่มเพื่อนติดรถไปตามที่ต่าง ๆ หรือครอบครัวเล็ก ๆ 1-5 คน หรือผู้ให้บริการรถโดยสารที่ต้องการเสริมบริการ Wi-Fi Internet ในรถยนต์อย่างรถแท๊กซี่หรือรถตู้ ที่ผู้โดยสารต้องนั่งในรถเป็นเวลานาน 1-3 ชั่วโมงก็คุ้มแล้วครับคุณอาจจะบวกค่าบริการ Wi-Fi ตรงนี้ไปนิดหน่อยสัก 10-20 บาท ต่อเที่ยวในการให้บริการกับลูกค้าก็ยังได้หากลูกค้าคุณต้องการใช้เน็ตนั่งทำงานระหว่างเดือนทางก็คุ้มเขาล่ะครับเอาเป็นว่า True 4G Car Wi-Fi เป็นอะไรที่ไม่ใหม่ไม่เก่าแต่ช่วยให้คนเมืองคนมีรถยนต์สะดวกสบายมากขึ้นในการใช้งานอินเตอร์เน็ตบนรถในระหว่างเดินทางไปทำงานหรือทำธุระต่าง ๆ สำหรับบทความนี้ต้องขอขอบคุณทาง True Corporation Public Company Limited ที่เอื้อเฝื้ออุปกรณ์มาให้ผมทดสอบลองเล่นอุปกรณ์ตัวนี้ในครั้งนี้สวัสดีครับ