TOSHIBA PORTEGE Z930-2001 เปิดตัวที่ราคา 43,990 บาท
จริง ๆ แล้วรุ่นนี้มีสเปคย่อย ๆ ให้เลือกอีกนิดหน่อยครับ สำหรับ Ultrabook ตระกูล Z930 จาก TOSHIBA ซึ่งจะเป็น 13″ แต่ถ้าหากเป็นตระกูล U840 ก็จะเป็น 14″ ซึ่งก็จะมีสเปคและราคาแตกต่างกันออกไปอีก
สำหรับสเปคนั้นหากเป็นรุ่น Z830-1001UT จะมีราคาถูกกว่าพันนึง แต่ว่าไม่แนะนำครับเนื่องจากว่าสเปคต่างกันมากพอสมควร ซื้อรุ่น Z930-2001 จะคุ้มกว่ามาก หรือหากใครยังมีงบเหลือจะเพิ่มไปเล่นรุ่น Z930-2006 จะได้รุ่นที่ใช้ CPU i7-3667U อีกทั้งยังได้ RAM 6GB (อันนี้ดูตามความจำเป็นแล้วกันครับ)
TOSHIBA PORTEGE Z930-2001
โปรเซสเซอร์
Intel® Core™ i5-3317U Processor (3M Cache, up to 2.6GHz) with Intel® Turbo Boost Technology
ระบบปฏิบัติการ
Windows® 7 Home Premium 64-bit ของแท้
หน่วยความจำ
4GB DDR3 1600MHz SDRAM
ขนาดจอ
13.3″ WXGA HD LED Backlight TFT display (16:9), resolution 1,366 x 768
กราฟิก
Intel® HD Graphics 4000
ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ
128GB Solid State Drive
ออปติคัลไดรฟ์
–
อินเทอร์เฟซ
2xUSB 2.0, 1xUSB 3.0 (Sleep&Charge)
ระบบเสียง
ลำโพงสเตอริโอ 16 บิต พร้อมรองรับระบบเสียง Intel® High Definition Audio
กล้อง
Built-in 1.3MP HD Web Camera
แบตเตอรี่
8-Cell Lithium Ion
การรับประกัน
ประกัน International แบบจำกัด 3 ปี ส่งศูนย์บริการ (ชิ้นส่วนและค่าแรง), ประกันแบตเตอรี่ 1 ปี (ส่งศูนย์บริการ)
น้ำหนัก
เริ่มต้นที่ 1.12kg
วัสดุและการออกแบบ
สำหรับผิวแรกที่สัมผัสรู้สึกได้ถึงความเป็น Magnesium Alloy ด้วยความเบามาก ๆ ที่ 1 กิโลกรัมนิด ๆ เท่านั้น รู้สึกว่า “นี่มันเลยขีดจำกัดคำว่า Ultrabook ไปเยอะแล้วนะเนี่ย” ความรู้สึกเหมือนกับถือ Netbook แต่ว่ามันใหญ่กว่าเยอะ (เทียบน้ำหนักแล้ว iPad 1 หนัก 680 กรัม)
ระบบระบายอากาศถือว่าทำได้ค่อนข้างดีครับ บวกกับตัวเครื่องที่มีความร้อนน้อยอยู่แล้วทำให้สามารถวางบนหน้าตักได้อย่างไม่มีปัญหา ข้อดีอีกอย่างก็คือพอร์ท LAN และ VGA นั้นยังมีอยู่ครบ ซึ่งบางรุ่น Ultrabook ได้ตัดฟีเจอร์นี้ออกไป (แลกกับความบาง) ทำให้ไม่ค่อยสะดวกกับการใช้งานเท่าไหร่นัก
สำหรับรุ่นนี้เป็นเรื่องปกติของ Ultrabook ที่จะไม่มี DVD Drive (95% ของ Ultrabook ไม่มีไดว์นี้เป็นเรื่องปกติ) ส่วน USB 3.0 นั้นมีมาให้ 1 พอร์ทด้านข้างครับ
เพิ่มความพิเศษอีกนิดกับสแกนลายนิ้วมือ
ตรงนี้คิดว่าโดนใจมาก ๆ ครับ โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยใช้สแกนลายนิ้วมือบน Notebook เลย แต่ก็เข้าใจว่าส่วนใหญ่จะมีเฉพาะรุ่นที่แพงจริง ๆ หรือไม่ก็เป็นรุ่นสำหรับธุรกิจเท่านั้น แต่สำหรับตัวนี้ได้ให้มาด้วยรู้สึกว่าคุ้มค่าเงินดี และพาลให้คิดว่า “มันยัดเข้าไปได้ยังไงนะ เบาขนาดนี้”
เรื่องปุ่มกดต่าง ๆ ก็ทำออกมาได้ดีเช่นกัน สัมผัสง่ายพิมพ์สะดวก และที่สำคัญ “มัน เงียบ มาก” ไม่มีเสียงรบกวนคนรอบข้างเลย
สะดวกและเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน
ปุ่มเปิดเครื่องถัดไปจะเป็นปุ่มสำหรับเข้าโหมดประหยัดพลังงาน ถัดไปจะเป็นปุ่มสำหรับการต่อออกหน้าจอภายนอกครับ ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในการใช้ Windows เลยก็สามารถใช้ได้ในครั้งแรก
ด้านล่างจะเป็นปุ่มสำหรับล็อค Touch Pad ครับ เวลาพิมพ์ ๆ อยู่มือจะได้ไม่ไปโดน Touch Pad โดยบังเอิญ
ด้านหน้าจอเป็นกล้อง Webcam ความละเอียด 1.3MP
รายละเอียดสเปคคร่าว ๆ จากหน้าจอ Windows ซึ่งตัวนี้มาพร้อมกับ Windows 7 Home Premium 64-bit (สามารถ Restore เพื่อเลือก 32-bit ได้) โดยเครื่องที่ได้มาไม่ต้องเสียเวลาลง Driver และ Utility อะไรเลย พร้อมใช้งานทันทีครับ
คะแนน SSD แรงแบบทิ้งทุ่งที่ 7.9 คะแนน เปิดและปิดเครื่องได้ในเวลาไม่กี่วินาที
ด้านล่างสามารถแกะออกมาได้ แต่ไม่สามารถอัพเกรดสเปคภายในได้ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็น RAM, SSD ก็ตาม (งั้นก็อย่าแกะเลยครับ)
ด้านหน้าของเครื่องเป็นแบบเรียบ ๆ แต่ทนทาน นอกจากจะแข็งแรงแล้วคีย์บอร์ดยังสามารถป้องกันการหกหยด ของน้ำบนคีย์บอร์ดจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันอีกด้วย
ดีไซน์ออกแบบมาอย่างเรียบง่ายแต่แข็งแรง สามารถถือได้ด้วยมือเดียว ไม่สิ … สองนิ้วยังได้เลย ในเมื่อ Notebook ของเราเบาขึ้น เราก็สามารถแบกสัมภาระได้มากยิ่งขึ้น ไม่ต้องหลังขนหลังแข็งอีกต่อไป
Software ที่แถมมากับ TOSHIBA PORTEGE Z930-2001
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของเครื่องเลยทีเดียว ที่รวบรวมเครื่องมืออเนกประสงค์มาให้เรามากมาย ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาเกริ่นถึงตัวสำคัญ ๆ กันครับ
Enroll อีกหนึ่งเครื่องมือที่ใช้งานง่าย สามารถใช้เป็นการตั้งค่าสแกนนิ้วมือเพื่อเข้าถึง Windows หรือแม้กระทั่ง Password ของเว็บไซต์ต่าง ๆ บนเครื่องเราได้
จุดเด่นของ Enroll นอกจากที่จะใช้งานง่ายแถมยังสามารถ Import / Export ลายนิ้วมือของเราได้อีกด้วย
TOSHIBA MEDIA CONTROLLER ตัวนี้ก็แนะนำเช่นกัน สามารถใช้งานง่ายในการแชร์ไฟล์ต่าง ๆ รวมถึงเล่นไฟล์
โปรแกรมกล้องของ TOSHIBA ปรับแสงได้เล็กน้อย ฟีเจอร์พอหอมปากหอมคอ
TOSHIBA Assist เปลี่ยนปัญหาโลกแตกให้เป็นเรื่องง่าย ๆ สำหรับคนที่ไม่เชี่ยวชาญเรื่อง IT จริง ๆ มีประโยชน์มากครับ
TOSHIBA Bulletin Board เป็นคล้าย ๆ กับ Sticky Note ใน Windows 7 เพียงแต่ว่ามีฟีเจอร์และลูกเล่นเยอะกว่ามาก
TOSHIBA Face Recognition หรือก็คือโปรแกรมสำหรับสแกนใบหน้านั่นเอง ซึ่งบางทีก็ติดมั่งไม่ติดมั่งตามภาวะแสง (สแกนนิ้วมือแม่นยำมากกว่ามาก)
นอกจากนี้ยังมีเครื่องมืออื่น ๆ ที่แถมมากับเครื่อง เยอะจริง ๆ ครับ แทบไม่ต้องทำอะไรเลย ง่ายมาก ๆ
สุดท้ายของปิดฉากไปกับความบางของตัวเครื่องและหน้าจอของ TOSHIBA PORTEGE Z930-2001 “13” เบาที่สุดในโลก” และที่สำคัญนั้นได้ประกันถึง 3 ปีด้วยครับ
ข้อดี
1. ตัวเครื่องเบาที่สุดในโลก (สำหรับรุ่น 13″)
2. เปิดและปิดเครื่องได้เร็ว
3. แบตเตอรี่ 8 เซลล์
4. วัสดุเป็น Magnesium Alloy
5. มีสแกนลายนิ้วมือ
ข้อสังเกต
1. ราคาค่อนข้างสูง
2. ไม่สามารถอัพเกรดอุปกรณ์ภายในได้
สรุป
ข้อดีของตัวนี้ค่อนข้างจะเยอะมาก ใช้โดยรวมแล้วพอใจเลยทีเดียว แต่มองราคาแล้วร้อน ๆ หนาว ๆ อยู่เหมือนกัน ถามว่าแพงมั้ยสำหรับผมว่าแพงไปนิดนะ ถ้าอยู่ในช่วง 3 ปลาย ๆ จะตัดสินใจง่ายขึ้นเยอะเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเครื่องก็เป็นเครื่องที่แพงแบบมีเหตุผล ได้ทั้ง ประกัน 3 ปี, วัสดุ Magnesium Alloy, แบตเตอรี่ 8 เซลล์, น้ำหนักเบาเวอร์, สแกนลายนิ้วมือ, คีย์บอร์ดไร้เสียง ฯลฯ ที่พูดมานี่น้อยแบรนด์นักที่จะทำได้ แต่ TOSHIBA PORTEGE Z930 ทำได้หมดเลย เปลี่ยนแนวคิดการซื้อ Ultrabook ของผมไปเลยที่ว่า “เครื่องจากบางแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์ ตราบใดที่น้ำหนักไม่เบาตามไปด้วย”