fbpx
Lifestyle

รีวิวตู้เย็น Samsung Bottom Mounted Freezer ไม่ต้องก้มให้ปวดหลัง แถมเย็น -1 องศา

16947

ปรับอารมณ์กันเล็กน้อย จากรีวิวสินค้า IT มาเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้ากันบ้าง สำหรับตู้เย็นนับเป็นสิ่งของที่คนซื้อกันสิบปีครั้ง Samsung Bottom Mounted Freezer หรือภาษาไทยก็คือ ตู้เย็นซัมซุงชนิดช่องแช่แข็งด้านล่าง เท่านั้นยังไม่พอมาพร้อมกับ เทคโนโลยีความเย็นแบบกึ่งแช่แข็งอุณหภูมิ -1 องศา เหมาะกับชีวิตคนรุ่นใหม่ (แบบแอดมิน) ส่วนจะดีอย่างไรไปดูรีวิวกันครับ

Samsung Bottom Mounted Freezer

Samsung Bottom Mounted Freezer

การจะเลือกตู้เย็นสักเครื่องนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยไม่เพียงแค่ขนาดเท่านั้น แต่ยังจำเป็นที่จะต้องมีเอกลักษณ์เข้ากับตัวบ้าน ข่าวดีก็คือสำหรับคนชอบมินิมอลเรียบหรู เครื่องนี้ถือว่าตอบโจทย์มากเลยทีเดียว เหมาะกับบ้านหรือคอนโดสมัยใหม่ ด้วยการออกแบบมุมเหลี่ยมและมีความลึก 60 ซม. (ระดับเดียวกับตู้เคาน์เตอร์ทั่วไป) มันก็เลยง่ายต่อการจัดวางหรือ Build-in ได้อย่างลงตัว

บางคนอาจเคยชินว่า “ตู้เย็น” จำเป็นต้องแบรนด์ญี่ปุ่นเสมอ แต่เดี๋ยวนี้โลกเปลี่ยนไปเยอะมาก (รวมถึงแบรนด์ญี่ปุ่นเองก็ต้องปรับคุณภาพวัสดุ ให้สอดคล้องกับการแข่งขันด้านราคา) จะไปยึดติดเหมือนอดีตว่าต้องแบรนด์ A B C D ก็คงจะไม่ได้ สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า Samsung เองก็มีการพัฒนาไปมากเช่นกัน แถมมีการรับประกัน Digital Inverter Compressor ยาวนานถึง 10 ปี

และเท่านั้นยังไม่พอรางวัล “Digital Inverter” ไม่เพียงแค่ประหยัดพลังงาน แต่ยังช่วยลดเสียงรบกวน และลดการสึกหรอ โดยคณะกรรมการรับรองมาตรฐานของยุโรป (VDE) ได้รับรองอายุการใช้งานของคอมเพรสเซอร์นี้ไว้ได้ยาวนานถึง 21 ปี หมดความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องทนหรือไม่ทนไปได้เลยครับ

ประหยัดไฟเบอร์ 5 ยังจำเป็นอยู่ไหม ?

ทุกท่านอาจคิดว่าสติกเกอร์ประหยัดไฟเบอร์ 5 จะเป็นแบรนด์ไหนหรือรุ่นไหนก็มีเหมือนกัน (ซึ่งมันก็จริง) แต่เมื่อเทียบกับตู้เย็นเก่าของที่บ้านผู้รีวิว (ไม่ขอเอ่ยแบรนด์) ซึ่งมีขนาดเพียง 7.5 คิว แต่กลับใช้พลังงานไฟฟ้าถึงปีละ 378 หน่วย และเมื่อเทียบกับรุ่นที่กำลังรีวิวนี้ 10.9 คิว ดันใช้ไฟเพียงแค่ปีละ 338 หน่วย อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรเอามาคิดด้วย สำหรับคนที่กังวลเรื่องค่าไฟฟ้า แนะนำให้ดูเป็นหน่วยง่ายกว่าครับ

ซื้อตู้เย็นกี่คิวดี ?

ส่วนตัวผู้เขียนเองก็เคยมีความคิด ที่จะได้ตู้เย็นขนาดใหญ่สักประมาณ 20 คิว เวลาเปิดซ้ายขวามันดูอลังการดี แต่พอนั่งไล่รายการอาหารกับจำนวนสมาชิก ดูเหมือนจะไม่ค่อยใช่สิ่งจำเป็นสักเท่าไหร่ (ซื้อมาก็แช่แต่น้ำเย็น) จะเก็บอาหารไว้เยอะก็เน่าเสียเปล่า ๆ ยังไงก็กินไม่หมดอย่างแน่นอน

  • 2-3 คน ใช้ประมาณ 6-10 คิว
  • 4-5 คน ใช้ประมาณ 10-15 คิว
  • 6 คนขึ้นไป ใช้ประมาณ 15 คิวขึ้นไป

แต่ทั้งนี้ก็จะอยู่กับพฤติกรรมการกินเป็นหลัก หากซื้อเล็กเกินไปก็จะทำให้เกิดความอึดอัดในการใช้งาน แต่หากซื้อใหญ่เกินไปก็สิ้นเปลืองทั้งราคาตัวตู้เย็น ค่าไฟในแต่ละเดือน รวมถึงยังเกะกะพื้นที่อีกด้วย ส่วนรุ่น Samsung Bottom Mounted Freezer มีให้เลือก 9.7 คิว และ 10.8 คิว (ตัวที่กำลังรีวิว)

ตามปกติที่เราเคยเห็นตู้เย็นจะมีช่องแช่แข็งอยู่ด้านบน แต่หากพูดถึงหลักการใช้งานจริง ๆ แล้วกว่า 90% คนเราเปิดตู้แช่ช่องธรรมดามากกว่า และด้วยแนวคิดนี้จึงมีการสลับช่องการใช้งานเอาไปอยู่ด้านล่างแทน เพราะช่องแช่แข็งไม่ใช่ช่องที่ใช้บ่อย ๆ เราเลยไม่ต้องก้มให้ปวดหลังโดยไม่จำเป็นนั่นเอง

เย็นทันใจด้วย Power Cool เพิ่มกำลังการทำความเย็น

อ้อ … ลืมบอกไปว่ารุ่นนี้ปรับความเย็นช่องปกติได้ 1-7 องศาเซลเซียส (ค่ามาตรฐานก็คือ 2 องศาเซลเซียส) และหากใครซื้อเบียร์ เอ๊ย … น้ำมาจากนอกบ้านแล้วมันก็เย็น ก็สามารถกดปุ่ม Fridge ค้างไว้สามวินาที จะเป็นการเปิด Power Cool อารมณ์เหมือนกดไนตรัส เพิ่มความเย็นสูงสุด เป็นระยะเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง ก่อนจะกลับไปค่าปกติแบบที่เคยตั้งเอาไว้ในตอนแรก ไม่ต้องกลัวว่าจะลืมปรับอุณหภูมิคืนด้วย

Power Deodorizer
Power Deodorizer

รูปริศนาด้านบนผลิตมาจาก Activated Carbon ที่สามารถกรองอากาศภายในตู้เย็นเพื่อขจัดกลิ่นเหม็นต่าง ๆ ช่วยให้อากาศภายในตู้เย็นสะอาดสดชื่น และถนอมรสชาติอาหารได้ยาวนานยิ่งขึ้น ส่วนถัดลงมาจะเป็น Freezer Temp สำหรับควบคุมอุณหภูมิช่องแช่แข็ง ที่อยู่ปริเวณด้านล่างสุดของตู้เย็น

All-around Cooling
All-around Cooling

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ All-around Cooling ช่วยทำความเย็นได้อย่างทั่วถึง ในทุกซอกทุกมุม วิธีการก็คือลมเย็นถูกปล่อยออกมาจากช่องลมหลายช่องในทุกชั้น (แทนที่จะเป็นช่องเดียว) เพื่อคงระดับอุณหภูมิสม่ำเสมอและช่วยให้อาหารคงความสดใหม่ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีวัตถุอะไรบังจนทำให้เกิดมุมอับ และความเย็นถูกส่งไปไม่ทั่วถึง

Optimal Fresh Zone
Optimal Fresh Zone

Optimal Fresh Zone

กลับมาที่จุดขายท่าไม้ตายของรุ่นนี้เลย ไม่พูดก็คงจะไม่ได้ คือช่องนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ความสดของเนื้อสัตว์หรือปลาได้นานกว่าเดิมสองเท่า โดยปกติแล้วเราจะคุ้นเคยกันดีกับช่องใต้ช่องแช่แข็ง แต่สำหรับ Optimal Fresh Zone ต่างออกไปเพราะเป็นครั้งแรกของโลก กับระบบกึ่งแช่แข็ง (Soft-Frozen) ที่อุณหภูมิ -1 องศา ที่ไม่ก่อให้เกิดเกล็ดน้ำแข็ง

ปัญหาแบบเดิมหากเราต้องการเก็บเนื้อสัตว์ไว้นาน ๆ เราก็จะเอามันไปไว้ในช่องแช่แข็ง และเวลาจะปรุงอาหารแต่ละทีก็ต้องเอามาละลายน้ำแข็ง (เสียเวลามาก) การใช้ช่องนี้จึงช่วยย่นระยะเวลาการเตรียมอาหาร แช่เก็บไว้ในช่องนี้สดนานกว่าเดิมโดยไม่ต้องเอาไปแช่แข็ง ก็ถือว่าสะดวกต่อการใช้งานดีครับ แถมอุณหภูมิ -1 องศาจัดว่าเหมาะสมที่สุดในการแช่ของสดพวกนี้แล้วด้วย

ถัดขึ้นมาก็จะเป็นช่องสำหรับเก็บผักผลไม้อะไรทั่วไป เพียงแต่ว่ามันใหญ่ดีอันนี้แม่ชอบ เก็บไก่ไหว้เจ้าได้ทั้งตัว

ในเรื่องของดีไซน์คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญมาก (เช่นผู้เขียนเอง) ปกติทั่วไปในท้องตลาดมักจะมี “มือจับ” ที่ยื่นออกมาด้านหน้า หรือไม่ก็ซ่อนเป็นขอบอยู่นิดหน่อยในแบบที่ไม่เนียนนัก แต่สำหรับรุ่นนี้มีมีมือจับแอบสนิทอยู่ด้านข้าง และเมื่อปิดประตูไปจะเรียบเป็นวัตถุเดียวกันเลย สวยงามสบายตายิ่งนัก เหมาะกับคนที่ชอบตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล หรือจะสไตล์โมเดิร์นเรียบหรูก็จับวางตกแต่งง่ายดี

ด้านล่างสุดเป็นช่องแช่แข็ง อืม … ก็แข็งอะเนอะ (ง่ายจัง)

ถึงแม้จะย้ายมาอยู่ด้านล่างแต่ก็มีขนาดที่ใหญ่ไม่แพ้กัน ตรงนี้มีช่องเป็นกล่องสำหรับแยกเนื้อสัตว์ให้เรียบร้อย พวกกลิ่นหรือน้ำจากเนื้อสัตว์ก็จะได้ไม่ปะปนกับน้ำแข็งหรืออาหารอื่นของเรา อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนขนาดได้ตามความต้องการอีกเล็กน้อย แต่ถามว่าอยากได้อะไรเพิ่มมั้ย ใจคืออยากได้ที่ทำน้ำแข็งเพิ่มอีกสักชิ้นก็คงจะดี เพราะอันเล็กแบบนี้ที่บ้านบางทีมันผลิตไม่ทันใจ

เครื่องทำน้ำแข็งปกติหลายรุ่นจะฝังติดกับช่องแช่แข็งมาเลย (หรือถึงแม้จะไม่ฝัง แต่ก็ไม่สามารถถอดได้โดยง่าย) แต่ไม่ใช่สำหรับ Movable Ice Maker อันนี้ บอกตามตรงว่าตอนแรกตกใจเหมือนกัน เวลาวางมันดูโคลงเคลงไม่มั่นคงและดูเหมือนแอบเกะกะนิด ๆ แต่พอใช้แล้วคือมันดีมาก เพราะสามารถยกออกมาเติมน้ำหรือแกะน้ำแข็งได้ง่าย หรือบางครั้งตู้เราเต็มก็หยิบออกไปได้ทั้งชิ้นเลย เพิ่มพื้นที่ในช่องแช่แข็งได้อีกเยอะ

การใช้งานโดยรวมแล้วก็ค่อนข้างประทับใจ ความจุของตู้เย็นก็ถือว่าใหญ่กำลังพอดี ตัวระบบคอมเพรสเซอร์ทำงานได้เงียบ เอาไปไว้ในคอนโดได้สบายไม่มีเสียงรบกวน งานประกอบและพื้นผิวที่เรียบกับเหลี่ยมมุมสวยงาม ไม่มีมือจับยื่นออกมาให้เกะกะสายตา และขนาดถูกออกแบบมา 60 ซม. พอดิบพอดีสำหรับมาตรฐาน Built-in

ความสูงทั้งหมดก็ประมาณ 170 ซม. ตามมาตรฐานความสูงชายไทยทั่วไป (สูงกว่าผู้หญิงหน่อยนึง) สามารถใช้งานได้โดยที่ไม่ต้องก้มเลยแม้แต่น้อย เหมาะกับทุกคนในบ้านยกเว้นเด็กที่จะหยิบของบน ๆ ได้ไม่ทั่วถึง ซึ่งก็เป็นเรื่องดีแล้วสำหรับบ้านที่มีลูกซน เพราะจะได้ไม่ต้องเปิดตู้เย็นมาแอบกินขนมบ่อย (ฮา ~*) นอกนั้นก็ไม่มีอะไรจะติแล้วครับ

ข้อดี

  1. ใช้งานจริงสะดวกมาก ไม่ต้องก้ม
  2. Optimal Fresh Zone สดจริงไม่ต้องแช่แข็ง
  3. Digital Inverter Compressor รักษาอุณหภูมิได้คงที่
  4. หน้าตาและดีไซน์ดูทันสมัย ใช้ตกแต่งเข้ากับห้องง่าย

ข้อเสีย

  1. เครื่องทำน้ำแข็งเป็นอิสระ อาจทำให้ดูเกะกะตอนจัดวาง
  2. ชั้นวางของริมประตูน้อย และยังปรับระดับไม่ได้
  3. มีแค่สองความจุให้เลือกซื้อ (และเลือกสีไม่ได้)

สรุป

ตู้เย็น 2 ประตู RB30N4050B1/ST โดยรวมแล้วเป็นไปตามที่รีวิวคือประทับใจในข้อดีทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่องแชร์พิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้ และสำหรับคนสนใจอยากบอกว่ามีแค่สองความจุ และสี (ที่เลือกไม่ได้) ส่วนราคามีดังต่อไปนี้

ในส่วนของราคาก็ไม่ได้แพงอะไรมาก แต่ก็ไม่ได้มีลูกเล่นอะไรเยอะมากมาย ถ้าจะให้แนะนำก็คงเหมาะกับคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการความสวยงามเป็นหลัก สามารถเอาขึ้นคอนโดและตกแต่งห้องได้โดยง่าย บวกกับใช้งานจริงก็ไม่จำเป็นต้องก้มให้ปวดหลัง

หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial