หากดูรายงานของ Canalys จะพบว่า Xiaomi ติดอันดับมือถือที่ขายดีที่สุดในโลกหลายรุ่น โดยอันดับสองก็คือ Redmi Note 8 & 8T แต่ล่าสุดมีรุ่นใหม่เปิดตัวเพิ่มเติมอย่าง Redmi Note 9 Pro ที่เป็นหนึ่งในตระกูล Redmi Note การันตีความสำเร็จด้วยยอดขายกว่า 110 ล้านเครื่องทั่วโลก จุดเด่นอยู่ตรงที่ได้หน้าจอใหญ่และสเปกในระดับเรือธง แต่ไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงหลักหมื่นบาท ด้วยราคาเพียงแค่ 7,999 บาท เท่านั้น! ก็ได้มือถือคุณภาพแถมหน้าตาดูดีมีสไตล์
Redmi Note 9 Pro
Redmi Note 9 Series ในตระกูลนี้ประกอบไปด้วย Redmi Note 9 Pro, Redmi Note 9S, Redmi Note 9 เรียงตามลำดับสเปกและราคา ซึ่งว่ากันตามตรงราคาต่างกันเพียง 2-3 พันบาท การเลือกข้ามมาเลือก Redmi Note 9 Pro ก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ดี (แต่หากใครงบจำกัดจริงอันนี้เข้าใจ) โดยส่วนตัวมองว่าเป็นทางเลือกที่คุ้มที่สุด
สเปก | Redmi Note 9 Pro
การออกแบบ
- ให้ความสมมาตรแบบมีสไตล์
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้าง
- สี : เทา (Interstellar Grey), ขาว (Glacier White), เขียว (Tropical Green)
- กระจก Corning Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้าและหลัง
- ขนาด : 165.75 x 76.68 x 8.8 มม.
- น้ำหนัก : 209 กรัม
หน้าจอ
- ขนาดหน้าจอ 6.67″ ชนิด DotDisplay
- ความละเอียด FHD+ Display (2400 x 1080 พิกเซล)
- ขอบเขตสี : NTSC 84%
- อัตราส่วนความคมชัด : 1500:1
- ความสว่าง : 450 นิต
- โหมดอ่านหนังสือ 2.0
- ผ่านการรับรองแสงสีฟ้าจาก TUV Rheinland
กล้อง
กล้องหลัง 64MP + 8MP + 5MP + 2MP
- กล้องมุมกว้าง 64MP
- ขนาดเซ็นเซอร์ 1 / 1.72″
- ซูเปอร์พิกเซล 4-in-1 1.6μm, ขนาดพิกเซล 0.8μm
- รูรับแสง f/1.89, AF, 6P
- กล้องมุมกว้างพิเศษ 8MP
- ขนาดพิกเซล 1.12μm
- รูรับแสง f/2.2, เลนส์ 5P, มุมกว้าง 119 องศา
- กล้องมาโคร 5MP
- AF (2-10 ซม.)
- รูรับแสง f/2.4
- กล้องชัดลึก 2MP
- รูรับแสง f/2.4
กล้องหน้า 16MP บนหน้าจอ
- ขนาดพิกเซล 1.0μm, รูรับแสง f/2.48, เลนส์ 5P
- ปลดล็อคใบหน้า AI
ประสิทธิภาพ
- หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 720G
- Kryo 465 CPU, Octa-core CPU, up to 2.3 GHz
- Qualcomm® Adreno™ 618 GPU
- 8nm FinFET process
- แรมและความจุ 6GB + 64GB หรือ 6GB + 128GB (แล้วแต่รุ่น)
- รองรับ microSD สูงสุด 512GB
แบตเตอรี่และระบบชาร์จ
- แบตเตอรี่ 5020mAh
- อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 33W (แถมมาในกล่อง)
- รองรับชาร์จเร็ว 30W
- พอร์ตชาร์จ USB Type-C
การเชื่อมต่อ
- รีโมท IR
- พอร์ตหูฟัง 3.5 มม.
- บลูทูธ 5.0
- รองรับ Dual 4G, Dual Standby
- ช่องใส่ซิมแบบ 2+1
- รองรับ NFC
ตัวเครื่องมีการออกแบบเน้นความสมมาตร (Symmetrical Design) ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าหรือด้านหลัง ซ้ายขวาเท่ากันหมดทุกประการ และมีรูกล้องอยู่ตรงกลาง (DotDisplay) ส่วนวัสดุก็หรูหราเกินราคาเป็นกระจก Corning Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้าและหลัง โดยกล้องหลังมีการเรียงตัวของกล้อง 4 เลนส์ในรูปแบบของสี่เหลี่ยมจัสตุรัสไว้ตรงกลางอย่างสวยงาม
หน้าจอขนาดใหญ่ 6.67″ เต็มตาเต็มอารมณ์ (DotDisplay) ขอบจอบาง รูกล้องเล็ก ทำให้ไม่รบกวนสายตาขณะใช้งาน ตัวหน้าจอมีความสว่างและความคมชัดสูง ให้ค่าสีที่สดใสสมจริง ส่วนเรื่องกล้องสเปกจะละเอียดเยอะหน่อยเนื่องจากเป็นจุดขายของรุ่นนี้ โดยพระเอกหลักก็คือการมี AI ช่วยในการปรับแต่งภาพอัตโนมัติ ดึงประสิทธิภาพของเลนส์ออกมาได้อย่างสูงสุด
รุ่นนี้มีการย้ายเอาสแกนลายนิ้วมือไว้บริเวณด้านข้างขวาของเครื่อง (ปุ่มเดียวกับปิด/เปิดเครื่อง) ใช้งานจริงสะดวกไม่ต่างจากสแกนบนหน้าจอหรือหลังเครื่อง เพราะการถือใช้งานปกติยังไงเราก็ต้องโดนจุดนี้อยู่แล้ว ผู้เขียนรีวิวแนะนำให้สแกนลายนิ้วมือโป้งขวา + นิ้วชี้ซ้ายเผื่อเอาไว้เลย แต่หากใครชอบเป็นปลดล็อคใบหน้า AI อันนี้ก็สะดวกอยู่เหมือนกัน
กระจก Corning Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้าและหลัง โดยส่วนตัวค่อนข้างชอบมากเพราะทำให้เครื่องดูหรูขึ้น โดยมีจุดเด่นนอกเหนือจากการป้องกันรอยขีดข่วน ก็คือสามารถป้องกันหน้าจอมือถือตกจากความสูง 1.6 เมตร และมีโอกาสที่หน้าจอจะไม่แตกได้ถึง 80% (ถ้าหน้าจอแตกแสดงว่าอยู่ใน 20%) แถมยังมีการติดฟิล์มกันรอยให้มาจากโรงงาน
รายละเอียดที่มากกว่าสเปก
Redmi Note 9 Pro ถึงแม้จะมีสเปกเทียบเท่าน้อง ๆ ของเรือธง แต่ก็ไม่ได้มาแค่สเปกเพียงอย่างเดียว ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมาก อาทิ ระบบสั่นสมจริง ที่มีรูปแบบการสั่นจากมอเตอร์ถึง 150 แบบ ที่ให้ความเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าคุณจะปลดล็อค ถ่ายรูป สัมผัส ซูม ปลุก ฯลฯ จะมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป (เวลามีข้อความ, เตือน, คนโทร, ฯลฯ เราจะแยกออกแม้ไม่ได้หยิบออกจากกระเป๋าด้วยซ้ำ) รีโมทคอนโทรลอินฟราเรด สำหรับควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน หรือแม้แต่เทคโนโลยี 2×2 MIMO WiFi ที่จะใช้ให้การจับสัญญาณเน็ตเพื่อทำให้เล่นเกม ได้อย่างราบลื่นไม่มีสะดุด ลำโพงดังขึ้น 30% เบสแน่นขึ้น 80% โดยพวกนี้ไม่ได้เป็นจุดขายหลัก แต่บอกเอาไว้เพราะ Xiaomi ใส่ใจกับทุกเครื่อง
เล่นเกมกระตุกไหม ลื่นแค่ไหน เฟรมเรตตกมั้ย
หน่วยประมวลผลมาพร้อมกับ Qualcomm Snapdragon 720G รหัส G ที่ย่อมาจากคำว่า ‘Gaming’ สำหรับคอเกมไม่ต้องพูดเยอะก็รู้ว่าดีขนาดไหน เพราะเกมโดยมากจะมีการทดสอบผ่าน Snapdragon เป็นตัวอ้างอิงเสมอ อีกทั้งรุ่นนี้ยังถูกออกแบบมาเพื่อเล่นเกมเฉพาะใช้ชิปกราฟิก Adreno 618 เร็วขึ้น 25% เมื่อเทียบกับ Snapdragon 710
แบตอึด 16 ชั่วโมง ชาร์จเร็ว 30 นาที (57%)
การใช้งานหากนำทางเป็น GPS ทั่วไปจะใช้งานได้ราว 16 ชั่วโมง (เล่นเกม 13 ชั่วโมง) ด้วยพลังของแบตเตอรี่ใหญ่ขนาด 5020mAh และชาร์จเร็วสูงสุด 30W (แต่แถมที่ชาร์จ 33W มาให้แบบเหลือเฟือ) นับว่าเป็นรุ่นที่รองรับการชาร์จเร็วมากที่สุดใน Redmi Note Series สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 57% เพียงแค่ระยะเวลาครึ่งชั่วโมง เพียงเท่านี้จะเล่นเกมหนักแค่ไหนก็ไม่หวั่น
กล้อง 4 เลนส์ ในระดับเรือธง
ลบล้างความเชื่อเดิม ๆ ที่ว่ามือถือราคาไม่เกินหมื่นก็ได้กล้อง “แค่พอถ่ายรูปได้” แต่สำหรับ Redmi Note 9 Pro เลยคำนั้นไปไกลจนถึงขั้น “ยอดเยี่ยม” ด้วยกล้องระดับเรือธง 4 เลนส์ (กล้องหลัก, กล้องชัดลึก, กล้องมุมกว้างพิเศษ, กล้องมาโคร) โดยความละเอียดของกล้องหลักอยู่ที่ 64MP รูรับแสง f/1.89 มาพร้อมการปรับแต่ง AI ที่แม้กระทั่งคนถ่ายรูปไม่เป็น ตั้งค่าอะไรไม่เก่งเลย ก็สามารถได้รูปถ่ายที่ดีเยี่ยม
ในส่วนกล้องหน้าก็มีความพิเศษไม่แพ้กัน มีคุณภาพอยู่ในระดับที่ใช้งานเซลฟี่สวยได้ไม่อายใคร ความละเอียด 16MP รูรับแสง f/2.48 ขนาดพิกเซล 1.0μm มีลูกเล่นให้พร้อมตั้งแต่ AI Portraits, Panorama Selfies, Palm Shutter, Slow Motion Selfies และ Kaleidoscope ที่เหมือนกับการถ่ายผ่านกล้องสลับลาย เป็นอีกลูกเล่นหนึ่งที่สร้างความเป็นเอกลักษณ์ได้ดี
ความเห็นหลังจากได้ลองกล้องรู้สึกว่าทาง Xiaomi ทำออกมาได้ไม่แพ้รุ่นเรือธง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะพลังของ AI ที่ทำให้ภาพถ่ายธรรมดา ๆ กลับดูดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา สามารถเทียบชั้นได้กับมือถือราคาหลักหมื่นหรือสองหมื่นได้อย่างสบาย ถ้าจะมีเรื่องให้ติก็คงเป็นเลนส์มุมกว้างที่มีสเปกด้อยลงมานิดหน่อย และถ่ายที่มืดออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร (แนะนำให้ถ่ายในที่แสงเยอะจะดีกว่า)
ภาพจากกล้องหลัง
ภาพจากกล้องหน้า
ข้อดี
- กล้องหลังสี่เลนส์ 64MP
- หน้าจอ DotDisplay ขนาดใหญ่ 6.67″
- กระจก Corning Gorilla 5 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 720G สำหรับเกมโดยเฉพาะ
สรุป
ราคาถูกขนาดนี้แต่ได้หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 720G รุ่นพิเศษที่ปรับแต่งสำหรับกราฟิกและเล่นเกมโดยเฉพาะ คุ้มสุดในตลาดตอนนี้คงหาใครไม่ได้อีกแล้วนอกจาก Xiaomi และก่อนหน้านี้ Redmi Note ก็พิสูจน์มาแล้วด้วยยอดขายไม่ต่ำกว่า 110 ล้านเครื่อง! หากคุณอยากได้มือถือแรง ๆ เอามาเล่นเกม พร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ที่มีแบตเตอรี่อึด Redmi Note 9 Pro คือคำตอบ! ราคาเพียงแค่ 7,999 บาท แต่ถ้างบจำกัดลงมาหน่อย Redmi Note 9 ก็เป็นอีกทางเลือกที่มีราคาเริ่มต้นแค่ 4,999 บาท
ช่องทางการจำหน่าย
- Redmi Note 9 (3+64) ในราคา 4,999.- (เฉพาะ Lazada, Shopee และ JD Central)
- Redmi Note 9 (4+128) ในราคา 6,499.-
- Lazada: https://bit.ly/2Xzao5L
- Shopee: https://bit.ly/2X8o7Bp
- JD Central: https://bit.ly/2AieTcF
- Redmi Note 9 Pro (6+64) ในราคา 7,999.-
- Redmi Note 9 Pro (6+128) ในราคา 9,999.-
- Online: Lazada, Shopee และ JD Central
- Offline: Banana, TG, Jaymart, Mi Store และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial