สำหรับ Oppo Find Gemini เป็นมือถือ Android อีกเครื่องหนึ่งที่ค่อนข้างจะไม่กั๊กในสเปคหลาย ๆ ด้าน เรียกได้ว่าเป็นเครื่องที่ให้เกินราคาเป็นอย่างยิ่ง และคุ้มค่ายิ่งกว่าเนื่องจากเป็น Android 2 Sim ที่มีสเปค “มากกว่าฟีเจอร์โฟน” โดยเป็นหนึ่งในไม่กี่ตัวที่มีขายในตลาดตอนนี้ ซึ่งคราวที่แล้วผมได้นำเสนอ รีวิว – HTC Desire V “Android 2 Sim สุดไฮโซ” ไป

Oppo-Find-Gemini-1

Oppo Find Gemini เปิดตัวที่ราคา 8,990 บาท

Oppo-Find-Gemini-2

สเปคของ Oppo Find Gemini
CPU Speed : 1 GHz
Platform : Android™ 2.3.6
Memory : 4GB
RAM : 512 MB
Display : 4″ IPS LCD (800 x 480)
EXPANSION SLOT : microSD™
Network : Dual SIM dual standby
SIM 1 : ทุกเครือข่าย (850/900/2100 MHz)
SIM 2 : ทุกเครือข่าย (850/900/2100 MHz)
Sensors
Proximity sensor
Ambient light sensor
G-Sensor
Connectivity
3.5 mm stereo audio jack
Bluetooth 2.1
Wi-Fi®: IEEE 802.11b/g/n
Standard micro-USB (5-pin micro-USB 2.0)
Camera
Back : 5 megapixel camera with auto focus and flash LED
Front : 2 megapixel
Battery : 1710 mAh

Oppo-Find-Gemini-3

ประทับใจแรกเรื่องวัสดุ
สำหรับวัสดุแรกพบเลยก็คือวัสดุครับ มีน้ำหนักเหมาะมือด้วยจิตวิทยามาก การดีไซน์และขอบโลหะของมัน ทุกอย่างลงตัวหมด ซึ่งไม่ใช่แค่ผมเองเท่านั้น แต่สำนักไหนก็ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “วัสดุมันดีจริง ๆ” ถ้าเปิดตัวเครื่องละหมื่นกว่าบาทก็ไม่แปลกใจเลย

Oppo-Find-Gemini-4

กล้องด้านหลังนั้นอยู่ในคุณภาพพอใช้งานได้ คือถ่ายใช้งานจริงได้แต่ไม่ถึงกับดีเลิศ แต่ก็ดีกว่ามาตรฐานมาระดับนึง ตรงนี้ถ้าเต็ม 10 ผมให้ซัก 6.5 ก็แล้วกันครับ ชัตเตอร์เร็วโอเคดีสำหรับผู้ชายอย่างผมแล้วไม่ค่อยอะไรเท่าไหร่ ส่วนสำหรับผู้หญิงน่าจะชอบมากเพราะมีโหมดถ่ายให้หน้าเนียลและใสเป็นพิเศษ ติดมาในฟีเจอร์ของกล้องด้วย

Oppo-Find-Gemini-5

UI ที่สวยงามและไม่เป็นทางการ
สำหรับเรื่อง UI ตรงนี้ก็ทำได้ดีเช่นเดียวกันครับ แปลกและไม่เหมือนใครดี ดูออกแนววัยรุ่นเอามาก ๆ และที่สำคัญแสดงสัญลักษณ์เครือข่ายที่เราใส่ซิมไปด้วย (Logo AIS เป็นแบบล่าสุด แสดงว่า Oppo ใส่ใจอัพเดทจริง ๆ) ซึ่งเครือข่ายที่แสดงเป็น Logo จะมีแค่เฉพาะบ้านเรากับจีนเท่านั้นนะครับ หากจะเอาไปเมืองนอกนั้นไม่มี Logo แสดงแน่นอน

Oppo-Find-Gemini-6

ช่องสำหรับเสียบ microUSB นั้นอยู่ด้านล่าง ส่วนเรื่องไมค์สนทนานั้นไม่ค่อยดังเท่าไหร่ (ฝ่ายตรงข้ามไม่ค่อยได้ยิน หากพูดเบา ๆ แต่ถ้าพูดปกติก็ไม่เป็นไร) ซึ่งตรงนี้ผมเคยใช้ iPhone มาก่อน รู้สึกว่า iPhone จะทำได้ดีกว่ามาก ไม่ใช่ว่า Oppo Find Gemini ไม่ดีนะครับ แค่ทำได้ตามมาตรฐานเท่านั้นเอง

Oppo-Find-Gemini-7

ปุ่มปรับเสียงอยู่ด้านขวาของเครื่อง ซึ่งก็ทำให้กดใช้งานได้สะดวกดีเหมือนกับมือถือทั่ว ๆ ไป

Oppo-Find-Gemini-13

แต่ปุ่มล็อคเครื่องดันอยู่ด้านซ้ายมือเสียนี่สิ ไม่ค่อยถนัดเอาซะเลย อยากให้อยู่บนขวามากกว่า (ความเห็นส่วนตัว)

Oppo-Find-Gemini-8

ด้านบนของเครื่องเป็นแจ็คเสียบหูฟัง 3.5 มม. ตามขนาดมาตรฐาน

Oppo-Find-Gemini-14

แบตเตอรี่จุใจอยู่ได้ทั้งวัน
สำหรับสิ่งที่ประทับใจอีกอย่างของ Oppo Find Gemini เครื่องนี้ก็คือแบตเตอรี่ความจุ 1710 mAh อาจไม่ถึงกับเรียกว่า “มาก” สำหรับมือถือ Hight End แต่สำหรับ Oppo Find Gemini แล้วสามารถเล่น 3G และใช้งานทั้งสองซิมอยู่ได้ทั้งวันเลยทีเดียว อันนี้โดนใจมากครับส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะสเปคไม่ค่อยสูงมาก เลยไม่ค่อยกินไฟเท่าไหร่นัก

Oppo-Find-Gemini-9

รองรับทุกเครือข่ายและใช้ 3G ได้ทุกซิม
หากใครเคยได้อ่าน รีวิว – HTC Desire V “Android 2 Sim สุดไฮโซ” แล้วมาเจอตัวนี้ ผมขอบอกอย่างเป็นกลางให้เปลี่ยนมาซื้อตัวนี้แทนครับ คุ้มกว่า และถูกกว่าอย่างเห็น ๆ อีกทั้งยังไม่เลือกซิมเหมือน HTC อีกด้วย ไม่เลือกเครือข่ายและใช้ 3G ได้ทุกซิมอันนี้โดนใจผมมาก เพราะปกติใช้ AIS เป็นเบอร์หลักอยู่ (ใคร ๆ ก็รู้ว่า 3G ห่วยมาก) ส่วนอีกเบอร์ผมใช้ TruemoveH ซึ่งได้ซิมโปรราคาถูกมาก สำหรับใช้เน็ตอย่างเดียว แต่หากใครอยากประหยัดแนะนำให้ซื้อซิม TOT มาใส่ครับ 199.-/1GB ครบเดือนเปลี่ยนซิมใหม่ ได้ทั้งแรงและประหยัด เชียร์ !!!

Oppo-Find-Gemini-10

เก่าไปหน่อยแต่ก็ยังน่าสนใจ
อย่างที่บอกคือ Oppo Find Gemini นั้นมาพร้อมแค่ Android 2.3.6 (และคงไม่มีอัพเกรดมากไปกว่านี้แล้ว) ต่างจาก รีวิว – HTC Desire V “Android 2 Sim สุดไฮโซ” ที่เป็น Android 4.0 แต่สิ่งที่ผมอยากจะบอกคือว่า HTC ใช้แล้วช้ามาก (เหตุผลมาจากสเปคนั่นเอง) สู้ใช้ Oppo Find Gemini แล้วใช้ Android 2.3.6 แบบลื่น ๆ ดีกว่า เพราะรายละเอียดหลัก ๆ นั้นไม่ค่อยมีอะไรต่างกันมาก ยิ่งสำหรับมือใหม่แล้วบางคนยังแยกไม่ออกเลย

Oppo-Find-Gemini-11

หน้าจอที่สวยเกินราคา
อย่างที่เกริ่นไปในตอนแรกแล้วนั้นว่าวัสดุและดีไซน์ของ Oppo Find Gemini นั้นเกินตัวจริง ๆ บวกกับจอที่ให้นั้นก็ไม่กระจอกเสียทีเดียวเป็น IPS LCD ซึ่งให้สีที่สดใส (แต่ไม่แรงเหมือน Super Amoled) จนทำให้หลาย ๆ คนรอบตัวทักว่า “จอสวยจัง” บวกกับขนาดหน้าจอที่ใหญ่ถึง 4″ ของมัน จึงทำให้เผลออดคิดไม่ได้ว่ามันคือมือถือราคาหมื่นอัพแน่ ๆ

Oppo-Find-Gemini-12

ใช้งาน 2 ซิมมีปัญหาบ้าง แต่โดยรวมยังดูดีอยู่
ตัวเครื่องสามารถตั้งได้อย่างง่ายดายว่าจะเปิดใช้งานซิมไหน หรือจะให้ใช้ซิมไหนในการเชื่อมต่อข้อมูล (DATA) รวมถึงการโทรออกที่จะให้โทรผ่านซิมไหน หรือจะให้ถามก่อนโทรก็ยังได้ ส่วนเรื่องการใช้งาน 2 ซิมพร้อมกัน ทดสอบโดยการโทรออกจากซิม 1 เข้าซิม 2 ปรากฎว่าสายไม่ว่าง เลยขอสันนิฐานว่าระหว่างโทรออกไม่สามารถรับสายอีกเบอร์ได้ เรื่องสัญญาณมีหลุดบ้างแต่นาน ๆ ทีจะหลุดครั้งเท่านั้นเอง

ภาพถ่ายที่ได้จาก Oppo Find Gemini

Oppo-Find-Gemini-15

Oppo-Find-Gemini-16

Oppo-Find-Gemini-17

Oppo-Find-Gemini-18

Oppo-Find-Gemini-19

สำหรับภาพที่ได้ผมถือว่าโอเคแล้ว ถ่ายในภาวะไม่มีแสงก็ได้โอเค พวกเงาหรือการวัดแสงก็ทำได้ดี นอกจากนั้นยังมี App Lomo ให้เล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ในเครื่องอีกด้วย (โหลดตัวอื่นมาใช้จะดีกว่า) อย่างสองภาพสุดท้ายผมก็ใส่เอ็ฟเฟคจาก App Lomo นั่นแหล่ะครับ มีให้เลือกอยู่ไม่กี่อันเอง

ข้อดี
1. ตัวเครื่องวัสดุดีเกินราคา
2. หน้าจอใหญ่และให้สีสดใส
3. ราคาถูกมากเมื่อเทียบกับสเปค
4. ใช้งานได้ 2 ซิม ไม่เลือกเครือข่าย
5. แบตเตอรี่อยู่ได้ทั้งวัน

ข้อสังเกต
1. เวอร์ชั่นของระบบปฏิบัติการเก่าไปนิด
2. App ที่แถมมาไม่ค่อยน่าสนใจซักเท่าไหร่

สรุป
เป็นตัวเลือกมือถือ 2 ซิมที่ผมเชื่อว่าดีและคุ้มที่สุดในตอนนี้ โดยเกณฑ์ของผมวัดจากงานประกอบและการใช้งานจริงเป็นหลัก รู้สึกไม่ค่อยหงุดหงิดเท่าไหร่เพราะได้หน้าจอใหญ่ใช้ได้สะดวก ซึ่งปกติมือถือ 2 ซิมถ้าไม่เป็นฟีเจอร์โฟนธรรมดา ๆ ก็จะได้มือถือที่จอเล็ก ๆ มาใช้แทน (แทบใช้ทำอะไรไม่ได้เลย) โดยหากต้องการใช้ 2 ซิมไม่ว่าจะเป็นเรื่องการติดต่อ หรือเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายก็ตาม ดูเหมือนว่าตัวนี้จะตอบโจทย์ทั้งราคาและคุณภาพอย่างแท้จริง