หากคุณกำลังมองหา หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ที่ใช้งานจริงจัง ไม่ได้เอามาเป็นของเล่นหรือทดลองใช้ เราขอแนะนำให้มองที่ราคาหลักหมื่นขึ้นไป เพราะของพวกนี้ก็คล้ายกับมือถือ จำเป็นต้องยอมจ่ายมากกว่าเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น Mister Robot Laser Max รุ่นนี้นับว่าเป็นตัวที่แรง และดีที่สุดในท้องตลาดก็ว่าได้

Mister Robot Laser Max
Mister Robot Laser Max

Mister Robot Laser Max

จุดเด่นของรุ่นนี้ก็ตามชื่อเลยคือเลเซอร์ มีการเลือกใช้ระบบ LIDAR Sensor (Light Detection and Ranging) เพื่อเป็นการยิงเลเซอร์ออกไปรอบทิศทางที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า จากนั้นคำนวณระยะเวลาการสะท้อนกลับ เพื่อให้ได้ค่าความลึกและระยะห่างโดยทาง Mister Robot นำเอาประโยชน์ของ LIDAR มาใช้ในการทำ 3D Mapping System และ Select Area นั่นเองครับ ซึ่งอยากจะบอกว่ามันเจ๋งมาก ๆ

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  1. หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Mister Robot Laser Max
  2. แปรงปัดฝุ่นจำนวน 2 อัน (ใช้จริงแค่ 1 อัน)
  3. ฟิลเตอร์กรองฝุ่น HEPA
  4. แท้งค์น้ำขนาดความจุ 500 มล.
  5. กล่องเก็บฝุ่นความจุ 500 มล.
  6. อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ พร้อมฐานชาร์จอัตโนมัติ
  7. ผ้าไมโครไฟเบอร์สำหรับถูพื้น
  8. บัตรรับประกันและคู่มือใช้งาน

ปัญหาของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น

ปัญหาของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทั่วไปก็คือ “ทำความสะอาดไม่ทั่วถึง” ด้วยความที่ต้องหรือบ้านของเราไม่ได้เป็นสี่เหลี่ยมโล่ง ๆ เสมอไป บางครั้งก็มีโต๊ะหรือโซฟาวางอยู่กลางห้อง การที่หุ่นยนต์วิ่งแบบไม่มีทิศทาง (หรือฉลาดไม่พอ) ทำให้มีจุดบอดมากมายที่ไม่ได้ทำความสะอาด ซึ่งการใช้ LIDAR Sensor ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด จะช่วยเข้ามาแก้ไขปัญหานี้ ทำให้หุ่นยนต์ทำความสะอาดได้ฉลาดและแม่นยำที่สุด

Lidar Sensor
Lidar Sensor
Data Analyzing
Data Analyzing

กล่าวคือหุ่นยนต์เราจะฉลาดพอที่จะแยกเฟอร์นิเจอร์ และจุดอับของห้อง ทำให้สามารถเดินทำความสะอาดได้อย่างเป็นระบบ เข้าใจภูมิศาสตร์ของห้องที่แตกต่างกัน (ไม่ใช่ว่าเดินทำความสะอาดเหมือนกันทุกห้อง) สามารถใช้งานในที่มืดได้ปกติ และที่สำคัญคือหากคุณมีหลายห้อง มันก็ฉลาดพอที่จะทำความสะอาดห้องหนึ่งเสร็จ และวิ่งไปทำความสะอาดต่ออีกห้องหนึ่ง ไม่ต้องมาทำทีละห้องหรือโยกย้ายไปให้เสียเวลา

ทีนี้เราจะมาดูส่วนประกอบของเครื่องกันบ้าง ด้านล่างของเครื่องก็จะเหมือนกับเครื่องทั่วไป มีล้อแล้วก็แปรงตักฝุ่นอันใหญ่ พร้อมกับแปรงปัดฝุ่นขนาดเล็ก ขนาดล้อกำลังอยู่ในระดับที่พอดี สามารถไต่พรมหรือธรณีเพื่อข้ามห้องได้ โดยพื้นฐานการขับเคลื่อนแล้วจะไม่ได้แตกต่างหรือมีอะไรพิเศษมากนัก สิ่งที่ต่างคือแรงดูดมากกว่า

แปรงตักฝุ่นอันนี้ใช้ขนาดเดียวกับรุ่นทั่วไป (หากผมเข้าใจไม่ผิด) ถ้าใช้ไปแล้วชำรุดก็สามารถสั่งซื้ออะไหล่ เพิ่มเติมจาก Mister Robot ได้เลย ตรงนี้ก็เหมือนรุ่นทั่วไปคือสามารถถอดแปรงออกมาทำความสะอาดได้

ตรงส่วนนี้สามารถถอดกันได้ง่าย ๆ เลยทั้งแปรงตักฝุ่นและผ้าขี้ริ้ว ส่วนขนาดมอเตอร์อยู่ที่ 33 วัตต์ สามารถปรับแรงดูดได้สูงสุดถึง 2,600 PA (Turbo) ซึ่งเป็นรุ่นที่แรงที่สุดในท้องตลาด หากเป็นแบรนด์ดัง ๆ ที่ขายอยู่ทั่วไปจะเต็มที่ก็เพียงแค่ 1,800-2,000 PA เท่านั้น หากใครผิดหวังแรงดูดจากรุ่นอื่น มาตัวนี้ไม่ผิดหวัง

ECO / Normal / Turbo
ECO / Normal / Turbo

ปรับแรงดูดได้ถึง 3 ระดับ

  1. ECO แรงดูดไม่แน่ใจแต่เงียบมาก
  2. Normal แรงดูด 1,000 PA
  3. Turbo แรงดูด 2,600 PA

ด้านบนของเครื่องเป็นฝาที่สามารถเปิดได้ง่าย ๆ ภายในมีกล่องเก็บฝุ่นความจุ 500 มล. (เราสามารถเปลี่ยนเป็นแท้งค์น้ำขนาดความจุ 500 มล. ในตำแหน่งเดียวกัน) นอกจากนี้ก็มีแปรงปัดฝุ่นขนาดเล็กแถมมาให้ด้วย

อย่างที่บอกรีวิวข้างต้นก็คือแรงดูดรุ่นนี้มหาศาล จึงไม่แปลกที่จะมีแรงลมออกมาด้วย แต่ก็ไม่ต้องกลัวว่าฝุ่นที่ดูดจะฟุ้งกระจายเหมือนเครื่องดูดฝุ่น เพราะตรงนี้มีฟิลเตอร์กรองฝุ่น HEPA ทำให้ลมที่ปล่อยออกมาสะอาด

รีวิวใช้งานจริง

การใช้งานง่ายมากเพราะมีแค่ปุ่มเดียวบนตัวเครื่อง และรุ่นนี้จะไม่มีรีโมทแถมมาให้ เพราะการใช้งานจะผ่านแอปพลิเคชัน (Android/iOS) ความเจ๋งคือตัวเครื่องมี Wi-Fi ในตัวหุ่นยนต์ สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายในบ้านได้เลย ผู้ใช้งานสามารถสั่งงานได้แม้กระทั่งอยู่นอกบ้านผ่านทาง 4G/3G และดูสถานะการทำงานได้ด้วย

ทำแผนที่บ้านหลายห้องได้แบบอัตโนมัติ

หากดูจากภาพด้านบนจะเห็นแผนที่ไม่สมบูรณ์ (ล่างสุดมีทางไปต่อได้อีก) ส่วนลายเส้นสีขาวคือตำแหน่งที่หุ่นยนต์ทำความสะอาดแล้ว จะเห็นได้ว่าหุ่นยนต์วิ่งไม่มั่วเลย และพยายามแบ่งสัดส่วนห้องเพื่อทำความสะอาด โดยมุมขวาล่างเป็นซอกข้างเตียงของผม ซึ่งยังไม่ได้รับการสำรวจ และจะมาสำรวจหลังจากทำครึ่งบนเสร็จ

Laser Max APP
Laser Max APP

การใช้งานแอปพลิเคชันสามารถดูพื้นที่ขนาดห้องได้ (และบอกได้ว่าอีกนานแค่ไหนจะทำความสะอาดเสร็จ) สามารถตรวจสอบปริมาณแบตเตอรี่ ปรับความแรงของพลังดูด/ปริมาณน้ำถูกพื้น รวมถึงสามารถสั่งการหุ่นยนต์ในรูปแบบต่าง ๆ สามารถเลือกบริเวณที่ต้องการให้ทำความสะอาดจากแผนที่ได้ด้วย ตั้งเวลาการทำงานได้ด้วย

คุณสมบัติทั้งหมด
คุณสมบัติทั้งหมด
Real Time Mapping
Real Time Mapping

แสดงพื้นที่การทำงานแบบเรียลไทม์

หากบ้านคุณมีหลายห้องจะขึ้นแผนที่แบบด้านบน หลังจากทำแผนที่บ้านเสร็จสามารถบันทึกเก็บไว้ได้ และเครื่องเดียวก็สามารถทำความสะอาดได้ทั้งชั้นเลยทีเดียว ตัวอย่างการใช้งานคือหากเราชาร์จเครื่องอยู่ตรงห้องรับแขก และทำของกินหกบนครัวก็เพียงแค่เปิดสมาร์ตโฟนขึ้นมา แล้วแตะบริเวณที่ต้องการหุ่นยนต์จะมาเอง

ข้อดีคือเวลาใช้งานตัวเดียวก็เพียงพอสำหรับบ้านทั้งชั้น ไม่ต้องแบกหุ่นยนต์ข้ามห้องไปมา ส่วนแบตเตอรี่อยู่ที่ 5,000 mAh จากสเปกคือสามารถทำความสะอาดได้ราว 100-150 นาที แต่เท่าที่ทดสอบประมาณครึ่งชั่วโมงแบตเตอรี่เหลือ 78% จึงพอประมาณได้ว่าทำความสะอาดจริง น่าจะใช้งานได้ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า

ปริมาณฝุ่นที่ได้หลังดูดเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง ไม่น่าเชื่อเลยว่าห้องของเราที่เห็นว่าสะอาดจะสกปรกขนาดนี้ ถึงแม้ว่าเราจะทำความสะอาดบ้านทุกวันก็ตาม แต่ก็ยังมีฝุ่นขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่วพื้นห้อง (สะสมกันได้เป็นก้อนอย่างที่เห็น) แรงดูดดีมากสามารถทำความสะอาดได้หมดจรด เวลาเดินแล้วไม่รู้สึกว่าสากเท้าเลยแม้แต่น้อย

Mister Robot Hybrid System
Mister Robot Hybrid System

ไม่ใช่แค่พอถูพื้นได้ แต่ถูพื้นดีเยี่ยม

หุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ถูกพื้นได้ ไม่ใช่ของแปลกใหม่ในท้องตลาด รุ่นส่วนใหญ่สามารถทำได้ทั้งสองคุณสมบัติในหนึ่งเดียว แต่โดยมากจะเพียงแค่ “พอถูพื้นได้” ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อถูพื้นโดยเฉพาะ ซึ่งศิลปะการถูพื้นที่หลายคนทราบกันดีคือ “ผ้าต้องเปียกหมาดตลอดเวลา” ไม่ใช่เพียงแค่ผ้าถูชุบน้ำนิดหน่อย ลากไปเพียงแค่ไม่กี่เมตรผ้าก็แห้ง หรือมีเพียงแค่ถาดน้ำเล็ก ๆ พอเป็นพิธีติดไว้ แบบนี้ไม่ค่อยได้ประโยชน์เท่าไหร่นัก

หลังจากดูดฝุ่นเสร็จก็เติมน้ำลงในแท้งค์น้ำความจุ 500 มล. สำหรับการใช้งานเพื่อถูพื้นโดยเฉพาะ ซึ่งปริมาณนี้เหลือเฟือสำหรับการถูทั้งบ้าน ทำให้ไม่ต้องคอยเติมน้ำอยู่บ่อย ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ควรที่จะเก็บน้ำทิ้งไว้ เพราะมีโอกาสที่จะทำให้น้ำซึมพื้นได้ บวกกับความปลอดภัยเวลาชาร์จแบตเตอรี่ เทน้ำทิ้งทุกครั้งจึงดีที่สุด

ทดสอบถูพื้น

ความพิเศษก็คือสามารถเลือกปริมาณน้ำที่ปล่อยออกมาได้ (น้อย, ปานกลาง, มาก) เหมาะกับคนที่มีพื้นหลากหลายรูปแบบ อย่างของผมอันนี้เป็นไม้เทียมสามารถถูเปียกได้เต็มที่ แต่สำหรับใครที่เป็นลามิเนตอาจไม่ค่อยถูกกับน้ำสักเท่าไหร่ ผู้ใช้งานก็สามารถเลือกปริมาณน้ำได้ตามความต้องการ ส่วนในภาพคือกำลังดีเลยครับ

ถูเสร็จแล้วก็สามารถถอดผ้าไมโครไฟเบอร์เอาไปซักได้อย่างง่ายดาย ตรงนี้น่าเสียดายนิดหน่อยตรงที่แบรนด์ให้มาเพียงแค่ผืนเดียว แต่หากใครต้องการเพิ่มเติมยังไงคงต้องซื้อเป็นอะไหล่เอา เพียงเท่านี้การทำความสะอาดบ้านของเราก็เสร็จสมบูรณ์ง่ายนิดเดียว และจะง่ายกว่านี้อีกหากทำแผนที่บ้านเสร็จสมบูรณ์

รีวิว Mister Robot Laser Max ทดสอบใช้งานเบื้องต้น

ข้อดี

  1. สแกนบ้านพร้อมทำแผนที่ ใช้ทำความสะอาดได้หลายห้อง โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายเครื่องให้เสียเวลาและเปลืองแรง
  2. แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000 mAh ใช้งานได้นาน ต่อให้เป็นบ้านหลังใหญ่ก็เอาอยู่
  3. ดูดฝุ่นก็ดีเยี่ยม ถูพื้นก็เป็นเลิศ แยกสองระบบชัดเจน ด้วยกล่องฝุ่นขนาดใหญ่ 500 มล. และแท๊งค์น้ำขนาด 500 มล. เช่นกัน
  4. ควบคุมผ่านแอปพลิเคชั่น เลือกทำงานเป็นโซนได้ ตั้งเวลา ปรับแรงดูด ปรับระดับน้ำ ฟังก์ชั่นครบครันมาก ๆ
  5. พลังดูดโหมด Turbo สูงถึง 2,600 PA แรงที่สุดในท้องตลาด
  6. เป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ระบบ Laser ที่ราคาจับต้องได้มากที่สุด มาพร้อมคุณบัติจัดเต็มขนาดนี้ ถือว่าคุ้มมาก ๆ

ข้อเสีย

  1. มีเพียงปุ่มอัตโนมัติบนตัวเครื่อง นอกนั้นต้องผ่านแอปพลิเคชัน
  2. โหมดแรงสุดเสียงจะดังมาก (แต่โหมดอื่นเสียงปกติ)
  3. ด้วยแบตเตอรี่ กล่องฝุ่น (หรือแท๊งค์น้ำ) ขนาดใหญ่ ทำให้เครื่องค่อนข้างมีน้ำหนักมาก

สรุป

ไม่ต้องคอยมานั่งลุ้นว่า “ซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมาแล้วจะเวิร์คหรือไม่เวิร์ค” บอกได้เลยว่า ถ้าพอมีงบ Mister Robot รุ่น LASER MAX ที่มาในราคา 14,900 บาท ตัวเดียวจบแน่นอน ดีกว่านี้หรือแรงกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว หายสงสัยในเรื่องของสเปกเพราะให้มาจัดเต็มทุกอย่าง ซื้อแล้วไม่เกิดอาการค้างคา ราคานี้อาจดูเหมือนแพง แต่เมื่อเทียบในท้องตลอดแล้ว สเปคระดับนี้ มาในราคาเท่านี้ ถือว่าถูกกว่าเจ้าอื่นมาก แถมได้ทั้ง หุ่นยนต์ดูดฝุ่น + หุ่นยนต์ถูพื้น แบบรวมในเครื่องเดียว และทำได้ดีทั้งคู่ไม่ใช่เพียงแค่ทำได้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ เหมือนบางรุ่น

ติดตามข่าวสารได้ที่ Website และ Fanpage

หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial