หากคุณกำลังมองหา หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ที่ใช้งานจริงจัง ไม่ได้เอามาเป็นของเล่นหรือทดลองใช้ เราขอแนะนำให้มองที่ราคาหลักหมื่นขึ้นไป เพราะของพวกนี้ก็คล้ายกับมือถือ จำเป็นต้องยอมจ่ายมากกว่าเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น Mister Robot Laser Max รุ่นนี้นับว่าเป็นตัวที่แรง และดีที่สุดในท้องตลาดก็ว่าได้
Mister Robot Laser Max
จุดเด่นของรุ่นนี้ก็ตามชื่อเลยคือเลเซอร์ มีการเลือกใช้ระบบ LIDAR Sensor (Light Detection and Ranging) เพื่อเป็นการยิงเลเซอร์ออกไปรอบทิศทางที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า จากนั้นคำนวณระยะเวลาการสะท้อนกลับ เพื่อให้ได้ค่าความลึกและระยะห่างโดยทาง Mister Robot นำเอาประโยชน์ของ LIDAR มาใช้ในการทำ 3D Mapping System และ Select Area นั่นเองครับ ซึ่งอยากจะบอกว่ามันเจ๋งมาก ๆ
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Mister Robot Laser Max
- แปรงปัดฝุ่นจำนวน 2 อัน (ใช้จริงแค่ 1 อัน)
- ฟิลเตอร์กรองฝุ่น HEPA
- แท้งค์น้ำขนาดความจุ 500 มล.
- กล่องเก็บฝุ่นความจุ 500 มล.
- อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ พร้อมฐานชาร์จอัตโนมัติ
- ผ้าไมโครไฟเบอร์สำหรับถูพื้น
- บัตรรับประกันและคู่มือใช้งาน
ปัญหาของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น
ปัญหาของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทั่วไปก็คือ “ทำความสะอาดไม่ทั่วถึง” ด้วยความที่ต้องหรือบ้านของเราไม่ได้เป็นสี่เหลี่ยมโล่ง ๆ เสมอไป บางครั้งก็มีโต๊ะหรือโซฟาวางอยู่กลางห้อง การที่หุ่นยนต์วิ่งแบบไม่มีทิศทาง (หรือฉลาดไม่พอ) ทำให้มีจุดบอดมากมายที่ไม่ได้ทำความสะอาด ซึ่งการใช้ LIDAR Sensor ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด จะช่วยเข้ามาแก้ไขปัญหานี้ ทำให้หุ่นยนต์ทำความสะอาดได้ฉลาดและแม่นยำที่สุด
กล่าวคือหุ่นยนต์เราจะฉลาดพอที่จะแยกเฟอร์นิเจอร์ และจุดอับของห้อง ทำให้สามารถเดินทำความสะอาดได้อย่างเป็นระบบ เข้าใจภูมิศาสตร์ของห้องที่แตกต่างกัน (ไม่ใช่ว่าเดินทำความสะอาดเหมือนกันทุกห้อง) สามารถใช้งานในที่มืดได้ปกติ และที่สำคัญคือหากคุณมีหลายห้อง มันก็ฉลาดพอที่จะทำความสะอาดห้องหนึ่งเสร็จ และวิ่งไปทำความสะอาดต่ออีกห้องหนึ่ง ไม่ต้องมาทำทีละห้องหรือโยกย้ายไปให้เสียเวลา
ทีนี้เราจะมาดูส่วนประกอบของเครื่องกันบ้าง ด้านล่างของเครื่องก็จะเหมือนกับเครื่องทั่วไป มีล้อแล้วก็แปรงตักฝุ่นอันใหญ่ พร้อมกับแปรงปัดฝุ่นขนาดเล็ก ขนาดล้อกำลังอยู่ในระดับที่พอดี สามารถไต่พรมหรือธรณีเพื่อข้ามห้องได้ โดยพื้นฐานการขับเคลื่อนแล้วจะไม่ได้แตกต่างหรือมีอะไรพิเศษมากนัก สิ่งที่ต่างคือแรงดูดมากกว่า
แปรงตักฝุ่นอันนี้ใช้ขนาดเดียวกับรุ่นทั่วไป (หากผมเข้าใจไม่ผิด) ถ้าใช้ไปแล้วชำรุดก็สามารถสั่งซื้ออะไหล่ เพิ่มเติมจาก Mister Robot ได้เลย ตรงนี้ก็เหมือนรุ่นทั่วไปคือสามารถถอดแปรงออกมาทำความสะอาดได้
ตรงส่วนนี้สามารถถอดกันได้ง่าย ๆ เลยทั้งแปรงตักฝุ่นและผ้าขี้ริ้ว ส่วนขนาดมอเตอร์อยู่ที่ 33 วัตต์ สามารถปรับแรงดูดได้สูงสุดถึง 2,600 PA (Turbo) ซึ่งเป็นรุ่นที่แรงที่สุดในท้องตลาด หากเป็นแบรนด์ดัง ๆ ที่ขายอยู่ทั่วไปจะเต็มที่ก็เพียงแค่ 1,800-2,000 PA เท่านั้น หากใครผิดหวังแรงดูดจากรุ่นอื่น มาตัวนี้ไม่ผิดหวัง
ปรับแรงดูดได้ถึง 3 ระดับ
- ECO แรงดูดไม่แน่ใจแต่เงียบมาก
- Normal แรงดูด 1,000 PA
- Turbo แรงดูด 2,600 PA
ด้านบนของเครื่องเป็นฝาที่สามารถเปิดได้ง่าย ๆ ภายในมีกล่องเก็บฝุ่นความจุ 500 มล. (เราสามารถเปลี่ยนเป็นแท้งค์น้ำขนาดความจุ 500 มล. ในตำแหน่งเดียวกัน) นอกจากนี้ก็มีแปรงปัดฝุ่นขนาดเล็กแถมมาให้ด้วย
อย่างที่บอกรีวิวข้างต้นก็คือแรงดูดรุ่นนี้มหาศาล จึงไม่แปลกที่จะมีแรงลมออกมาด้วย แต่ก็ไม่ต้องกลัวว่าฝุ่นที่ดูดจะฟุ้งกระจายเหมือนเครื่องดูดฝุ่น เพราะตรงนี้มีฟิลเตอร์กรองฝุ่น HEPA ทำให้ลมที่ปล่อยออกมาสะอาด
รีวิวใช้งานจริง
การใช้งานง่ายมากเพราะมีแค่ปุ่มเดียวบนตัวเครื่อง และรุ่นนี้จะไม่มีรีโมทแถมมาให้ เพราะการใช้งานจะผ่านแอปพลิเคชัน (Android/iOS) ความเจ๋งคือตัวเครื่องมี Wi-Fi ในตัวหุ่นยนต์ สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายในบ้านได้เลย ผู้ใช้งานสามารถสั่งงานได้แม้กระทั่งอยู่นอกบ้านผ่านทาง 4G/3G และดูสถานะการทำงานได้ด้วย
ทำแผนที่บ้านหลายห้องได้แบบอัตโนมัติ
หากดูจากภาพด้านบนจะเห็นแผนที่ไม่สมบูรณ์ (ล่างสุดมีทางไปต่อได้อีก) ส่วนลายเส้นสีขาวคือตำแหน่งที่หุ่นยนต์ทำความสะอาดแล้ว จะเห็นได้ว่าหุ่นยนต์วิ่งไม่มั่วเลย และพยายามแบ่งสัดส่วนห้องเพื่อทำความสะอาด โดยมุมขวาล่างเป็นซอกข้างเตียงของผม ซึ่งยังไม่ได้รับการสำรวจ และจะมาสำรวจหลังจากทำครึ่งบนเสร็จ
การใช้งานแอปพลิเคชันสามารถดูพื้นที่ขนาดห้องได้ (และบอกได้ว่าอีกนานแค่ไหนจะทำความสะอาดเสร็จ) สามารถตรวจสอบปริมาณแบตเตอรี่ ปรับความแรงของพลังดูด/ปริมาณน้ำถูกพื้น รวมถึงสามารถสั่งการหุ่นยนต์ในรูปแบบต่าง ๆ สามารถเลือกบริเวณที่ต้องการให้ทำความสะอาดจากแผนที่ได้ด้วย ตั้งเวลาการทำงานได้ด้วย
แสดงพื้นที่การทำงานแบบเรียลไทม์
หากบ้านคุณมีหลายห้องจะขึ้นแผนที่แบบด้านบน หลังจากทำแผนที่บ้านเสร็จสามารถบันทึกเก็บไว้ได้ และเครื่องเดียวก็สามารถทำความสะอาดได้ทั้งชั้นเลยทีเดียว ตัวอย่างการใช้งานคือหากเราชาร์จเครื่องอยู่ตรงห้องรับแขก และทำของกินหกบนครัวก็เพียงแค่เปิดสมาร์ตโฟนขึ้นมา แล้วแตะบริเวณที่ต้องการหุ่นยนต์จะมาเอง
ข้อดีคือเวลาใช้งานตัวเดียวก็เพียงพอสำหรับบ้านทั้งชั้น ไม่ต้องแบกหุ่นยนต์ข้ามห้องไปมา ส่วนแบตเตอรี่อยู่ที่ 5,000 mAh จากสเปกคือสามารถทำความสะอาดได้ราว 100-150 นาที แต่เท่าที่ทดสอบประมาณครึ่งชั่วโมงแบตเตอรี่เหลือ 78% จึงพอประมาณได้ว่าทำความสะอาดจริง น่าจะใช้งานได้ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า
ปริมาณฝุ่นที่ได้หลังดูดเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง ไม่น่าเชื่อเลยว่าห้องของเราที่เห็นว่าสะอาดจะสกปรกขนาดนี้ ถึงแม้ว่าเราจะทำความสะอาดบ้านทุกวันก็ตาม แต่ก็ยังมีฝุ่นขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่วพื้นห้อง (สะสมกันได้เป็นก้อนอย่างที่เห็น) แรงดูดดีมากสามารถทำความสะอาดได้หมดจรด เวลาเดินแล้วไม่รู้สึกว่าสากเท้าเลยแม้แต่น้อย
ไม่ใช่แค่พอถูพื้นได้ แต่ถูพื้นดีเยี่ยม
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ถูกพื้นได้ ไม่ใช่ของแปลกใหม่ในท้องตลาด รุ่นส่วนใหญ่สามารถทำได้ทั้งสองคุณสมบัติในหนึ่งเดียว แต่โดยมากจะเพียงแค่ “พอถูพื้นได้” ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อถูพื้นโดยเฉพาะ ซึ่งศิลปะการถูพื้นที่หลายคนทราบกันดีคือ “ผ้าต้องเปียกหมาดตลอดเวลา” ไม่ใช่เพียงแค่ผ้าถูชุบน้ำนิดหน่อย ลากไปเพียงแค่ไม่กี่เมตรผ้าก็แห้ง หรือมีเพียงแค่ถาดน้ำเล็ก ๆ พอเป็นพิธีติดไว้ แบบนี้ไม่ค่อยได้ประโยชน์เท่าไหร่นัก
หลังจากดูดฝุ่นเสร็จก็เติมน้ำลงในแท้งค์น้ำความจุ 500 มล. สำหรับการใช้งานเพื่อถูพื้นโดยเฉพาะ ซึ่งปริมาณนี้เหลือเฟือสำหรับการถูทั้งบ้าน ทำให้ไม่ต้องคอยเติมน้ำอยู่บ่อย ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ควรที่จะเก็บน้ำทิ้งไว้ เพราะมีโอกาสที่จะทำให้น้ำซึมพื้นได้ บวกกับความปลอดภัยเวลาชาร์จแบตเตอรี่ เทน้ำทิ้งทุกครั้งจึงดีที่สุด
ความพิเศษก็คือสามารถเลือกปริมาณน้ำที่ปล่อยออกมาได้ (น้อย, ปานกลาง, มาก) เหมาะกับคนที่มีพื้นหลากหลายรูปแบบ อย่างของผมอันนี้เป็นไม้เทียมสามารถถูเปียกได้เต็มที่ แต่สำหรับใครที่เป็นลามิเนตอาจไม่ค่อยถูกกับน้ำสักเท่าไหร่ ผู้ใช้งานก็สามารถเลือกปริมาณน้ำได้ตามความต้องการ ส่วนในภาพคือกำลังดีเลยครับ
ถูเสร็จแล้วก็สามารถถอดผ้าไมโครไฟเบอร์เอาไปซักได้อย่างง่ายดาย ตรงนี้น่าเสียดายนิดหน่อยตรงที่แบรนด์ให้มาเพียงแค่ผืนเดียว แต่หากใครต้องการเพิ่มเติมยังไงคงต้องซื้อเป็นอะไหล่เอา เพียงเท่านี้การทำความสะอาดบ้านของเราก็เสร็จสมบูรณ์ง่ายนิดเดียว และจะง่ายกว่านี้อีกหากทำแผนที่บ้านเสร็จสมบูรณ์
ข้อดี
- สแกนบ้านพร้อมทำแผนที่ ใช้ทำความสะอาดได้หลายห้อง โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายเครื่องให้เสียเวลาและเปลืองแรง
- แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000 mAh ใช้งานได้นาน ต่อให้เป็นบ้านหลังใหญ่ก็เอาอยู่
- ดูดฝุ่นก็ดีเยี่ยม ถูพื้นก็เป็นเลิศ แยกสองระบบชัดเจน ด้วยกล่องฝุ่นขนาดใหญ่ 500 มล. และแท๊งค์น้ำขนาด 500 มล. เช่นกัน
- ควบคุมผ่านแอปพลิเคชั่น เลือกทำงานเป็นโซนได้ ตั้งเวลา ปรับแรงดูด ปรับระดับน้ำ ฟังก์ชั่นครบครันมาก ๆ
- พลังดูดโหมด Turbo สูงถึง 2,600 PA แรงที่สุดในท้องตลาด
- เป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ระบบ Laser ที่ราคาจับต้องได้มากที่สุด มาพร้อมคุณบัติจัดเต็มขนาดนี้ ถือว่าคุ้มมาก ๆ
ข้อเสีย
- มีเพียงปุ่มอัตโนมัติบนตัวเครื่อง นอกนั้นต้องผ่านแอปพลิเคชัน
- โหมดแรงสุดเสียงจะดังมาก (แต่โหมดอื่นเสียงปกติ)
- ด้วยแบตเตอรี่ กล่องฝุ่น (หรือแท๊งค์น้ำ) ขนาดใหญ่ ทำให้เครื่องค่อนข้างมีน้ำหนักมาก
สรุป
ไม่ต้องคอยมานั่งลุ้นว่า “ซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมาแล้วจะเวิร์คหรือไม่เวิร์ค” บอกได้เลยว่า ถ้าพอมีงบ Mister Robot รุ่น LASER MAX ที่มาในราคา 14,900 บาท ตัวเดียวจบแน่นอน ดีกว่านี้หรือแรงกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว หายสงสัยในเรื่องของสเปกเพราะให้มาจัดเต็มทุกอย่าง ซื้อแล้วไม่เกิดอาการค้างคา ราคานี้อาจดูเหมือนแพง แต่เมื่อเทียบในท้องตลอดแล้ว สเปคระดับนี้ มาในราคาเท่านี้ ถือว่าถูกกว่าเจ้าอื่นมาก แถมได้ทั้ง หุ่นยนต์ดูดฝุ่น + หุ่นยนต์ถูพื้น แบบรวมในเครื่องเดียว และทำได้ดีทั้งคู่ไม่ใช่เพียงแค่ทำได้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ เหมือนบางรุ่น
ติดตามข่าวสารได้ที่ Website และ Fanpage
หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial