พูดเรื่องสมาร์ตโฟนราคาไม่เกินสี่พันบาท นาทีนี้มีตัวเลือกที่น่าสนใจไม่มากหนึ่งในนั้นคือ Infinix NOTE 8i ที่มีราคาเพียง 3,990 บาท แต่ได้ทั้งขนาดหน้าจอใหญ่และแบตเตอรี่อึด เรียกได้ว่าเป็นตัวเลือกการลงแข่งขันสมาร์ตโฟนราคาประหยัดเต็มตัว แต่หลายคนอาจสองจิตสองใจว่าจะเอา Infinix NOTE 8 ที่เป็นรุ่นพี่ดีหรือไม่ ในวันนี้เราเลยจะมาลองรีวิวเปรียบเทียบให้กัน

Infinix NOTE 8i และ Infinix NOTE 8

ทั้งสองมีราคาต่างกันเพียงแค่ 600 บาท (NOTE 8 แพงกว่า) แต่หากนับความสดใหม่ Infinix NOTE 8i นั้นเปิดตัวทีหลังกว่า (เล็กน้อย) มีการใช้ชิปประมวล Helio G80 ตัวเดียวกัน แต่สิ่งที่ทำให้ NOTE 8i ถูกกว่าเพราะมีการลดสเปกลงนิดนึง โดยมีจุดสังเกตอยู่ที่ RAM และกล้องทั้งหน้าและหลัง ส่วนเรื่องขนาดหน้าจอมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทีมงานไม่ขอเอามาเป็นประเด็น

ทั้งสองมีอุปกรณ์เสริมให้มาครบแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเคสเองก็ดีหรือฟิล์มเองก็ดี มีสายชาร์จ USB-C และหูฟัง 3.5 มม. แถมมาให้ในกล่อง นอกจากนี้งยังมีอะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 18W มาให้แบบไม่ต้องซื้อแยกอะไร ส่วนปลั๊กเป็นแบบ EU อันนี้แอบขัดใจเล็กน้อย ส่วนตัวชอบให้มันเป็นขาแบนแบบ US มากกว่า เพราะเสียบง่ายและมีขนาดเล็กกว่า เมื่อเทียบกับการใช้งานปลั๊กพ่วงบ้านเรา

เปรียบเทียบ Infinix NOTE 8i กับ Infinix NOTE 8

  • ระบบปฏิบัติการ Android 10 (ครอบทับด้วย XOS 7.1)
  • หน้าจอ IPS ขนาด 6.78 นิ้ว HD+ (ความละเอียด 720 x 1640) | 6.95 นิ้ว
  • หน่วยประมวลผล MediaTek Helio G80
  • แรม 4 GB | 6 GB
  • รอม 128 GB (รองรับ microSD Card สูงสุด 512 GB)
  • กล้องหลังแบบ 3 เลนส์ พร้อมไฟแฟลช LED
    • กล้องหลัก 48 MP | 64 MP
    • กล้องมาโคร 2 MP
    • กล้องโบเก้ 2 MP
    • กล้องปัญญาประดิษฐ์ (AI) QVGA
  • กล้องหน้า 8 MP | 16 MP + กล้องโบเก้
  • รองรับสองซิม (สามารถเพิ่ม microSD แยกต่างหาก)
  • ระบบสแกนลายนิ้วมือด้านข้าง
  • แบตเตอรี่ 5,200 mAh รองรับชาร์จเร็ว 18W
  • ขนาด 171.4 × 77.7 × 8.9 มม. | 175.3 × 78.8 × 9 มม.
  • น้ำหนัก 205 กรัม | 211 กรัม

Infinix NOTE 8i กับ Infinix NOTE 8 มีหน้าตาคลายกันมาจนแยกแทบไม่ออก ส่วนขนาดหน้าจอมี 6.78 นิ้ว (NOTE 8i) และ 6.95 นิ้ว (NOTE 8) ความละเอียดอยู่ที่ HD+ เป็นมาตรฐานกลาง ๆ สำหรับการใช้งาน ส่วนกล้องหน้า NOTE 8 มีเลนส์เพิ่มมาเพื่อช่วยในการละลายหลัง ส่วนความละเอียดก็แตกต่างกันตามราคา แต่ส่วนตัวคิดว่ารุ่นล่าง 8 MP ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้

หากเทียบขนาดตัวเครื่องก็มีความแตกต่างกันเล็กน้อย จากที่เราได้ทดสอบมาคือไม่ได้ต่างอย่างมีนัยยะสำคัญนัก แต่พอจะสรุปได้คร่าว ๆ ก็คือว่าหากคุณอยากถือสะดวกมือเลือก NOTE 8i ที่มีขนาดเล็กกว่า สูงน้อยกว่า บานน้อยกว่า และมีน้ำหนักน้อยกว่า (เล็กน้อย) แต่หากอยากได้เต็มตาเต็มอารมณ์ก็ NOTE 8 ส่วนเรื่องปุ่มการใช้งานและพอร์ต USB-C หรือ 3.5 มม. อันนี้ไม่มีอะไรต่างกัน

กล้องหลังเป็น AI Quad Camera ทั้งคู่ออกแบบโดย Infinix และทั้งคู่มีเลนส์ในระยะเดียวกัน แตกต่างกันเพียงแค่ความละเอียดของกล้องหลัก เราทดสอบถ่ายทั้งคู่มีความแตกต่างกันอยู่บ้างนิดหน่อย มีโหมดการถ่ายภาพให้เลือกเล่นพอเป็นน้ำจิ้ม ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ, บิวตี้, กลางคืน, มาโคร โดยรวมแล้วถ่ายได้สนุกแม้จะเป็นสมาร์ตโฟนราคาประหยัด ในช่วงราคาประมาณสี่พันบาท

การเล่นสีและลวดลายมีความแตกต่างกันเล็กน้อย โดยดีไซน์แบบ Gem Cut ตัวเครื่องบาง สะดวกต่อการจับ และพกพา ส่วนเรื่องของสีทั้งคู่ออกแบบแนวออกโทนฟ้าและน้ำเงินมากกว่า เมื่อมีการตกกระทบของแสงจะให้ค่าสีที่แตกต่างกัน เป็นไปตามแนวทางการออกแบบของสมาร์ตโฟนยุคนี้ ข้อเสียก็อาจเป็นเรื่องความเงาของฝาหลัง ที่เป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย (แนะนำให้ใส่เคสจะช่วยได้เยอะ)

กลับมาในส่วนของกล้องหน้า NOTE 8 มีถึงสองเลนส์ด้วยกัน แต่ไม่ใช่เลนส์สำหรับการเซลฟี่มุมกว้าง แต่เป็นเลนส์ในการช่วยละลายหลังมากกว่า ส่วนเรื่องความละเอียดก็ต่างกันพอสมควรระหว่าง 8 MP (NOTE 8i) และ 16 MP (NOTE 8) สิ่งที่สังเกตได้ก็คือมีระบบ “ตรวจจับดวงตาอัตโนมัติ” อันนี้เป็นเรื่องที่แปลกมาก เพราะเราจะแทบไม่เจอคุณสมบัติแบบนี้เลยในสมาร์ตโฟนราคาประหยัด

ในทางทฤษฎีหากวัดสเปกแล้วยังไง NOTE 8 ก็ต้องดีกว่า NOTE 8i แต่ด้วยราคาที่ต่างกันทำให้กลุ่มลูกค้าไม่เหมือนกัน ส่วนตัวผู้รีวิวคิดว่า 600 บาท ไม่ใช่ตัวเลขที่จะทำให้ตัดสินใจได้ยากนักแนะนำให้ซื้อ NOTE 8 ไปเลยดูสมเหตุสมผลกว่า แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ใช้อะไรมากมายจริง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงขึ้นโดยใช่เหตุ เพราะว่าทั้งนี้ด้วยตัวสเปกของ NOTE 8i ก็ไม่ได้ถึงกับขี้เหร่อะไรนัก

ขนาดของทั้งสองหากมองผ่าน ๆ ก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก สามารถซื้อหรือใช้งานทดแทนกันได้ดี ส่วนเรื่องของสีและดีไซน์มีแตกต่างกันบางนิดหน่อย เอาเป็นว่าใครชอบหรือถูกในเครื่องไหนก็สามารถเลือกซื้อได้เลย จะยอมจ่ายเงินเพิ่มแบบไม่ค้างคาเพื่อเลือก NOTE 8 หรือจะยอมใช้เงินคุ้มค่าที่สุดเอาแค่พอดีอย่าง NOTE 8i แต่อย่างไรเสียในเรื่องของการใช้งานจริงก็ไม่มีอะไรน่ากังวล

กล้องของทั้งสองรุ่นมีความต่างกันอยู่ประมาณหนึ่ง โดยสำหรับกล้องหน้า NOTE 8 ให้ความละเอียดอยู่ที่ 16 MP ส่วนของ NOTE 8i ให้ความละเอียดอยู่ที่ 8 MP ที่ชัดเจนคือกล้องหน้าของ NOTE 8 มีกล้องตัวที่สองช่วยในการละลายหลัง เมื่อมีการถ่ายรูปเซลฟี่จะเห็นว่า NOTE 8 ให้ความมีมิติมากกว่า แต่ถึงอย่างไรกล้องหน้าของ NOTE 8i ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร สามารถทำได้ค่อนข้างดีไม่แพ้กัน

มาที่กล้องหลังคือทั้งสองรุ่นถ่ายได้ 2 ระยะ ประกอบไปด้วยระยะปกติและมาโคร (อีกสองเลนส์เป็นโบเก้และกล้อง AI) ความได้เปรียบของ NOTE 8 คือมีความละเอียดมากกว่าที่ 64 MP แต่สำหรับรุ่น NOTE 8i ได้ความละเอียดอยู่ที่ 48 MP ซึ่งความเป็นจริงแล้วถ่ายจริงเราอาจไม่ได้ใช้เต็มความละเอียด แต่ถึงอย่างไรก็ต้องยอมรับว่ากล้องของ NOTE 8 ทำออกมาได้ดีกว่าอยู่นิดหน่อย

จุดเด่นอีกอย่างก็คือหน้าจอขนาดใหญ่เกินตัว ด้วยความละเอียดที่ทั้งคู่มีให้เท่ากันคือ HD+ แตกต่างกันเพียงแค่ NOTE 8 จะได้หน้าจอใหญ่กว่าที่ 6.95 นิ้ว ในขณะที่รุ่นน้องของเรา NOTE 8i จะมีขนาดเล็กลงมาเล็กน้อยที่ 6.78 นิ้ว แต่ถึงอย่างไรทั้งคู่ก็เรียกได้ว่ามีขนาดใหญ่มากอยู่ดี เหมาะทั้งกับการดูหนังเล่นเกมหรือแม้กระทั่งเปิดแบ่งสองหน้าจอ อันนี้ทดลองใช้งานจริงแล้วรู้สึกว่าถนัดมาก

การโทรก็ให้เสียงดังฟังชัดสมบูรณ์ดี มีเรื่องแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5200 mAh (ได้เท่ากันทั้งคู่) ที่ทำให้การใช้งานยาวนานมากยิ่งขึ้น ส่วนการใช้งานมาพร้อมกับ Android 10 ครอบทับด้วย XOS7 หน้าตาเรียบง่าย แต่ก็ยังสามารถปรับแต่งอื่นได้อีกพอสมควรไม่ว่าจะเป็น Theme, Wallpaper นอกจากนี้ก็มี Pre-Load App แถมเพิ่มเติมมาให้อีกหน่อย (ถ้าไม่ชอบยังไงค่อยลบเอาได้)

อย่างที่กล่าวตอนต้นคือตัวเครื่องขนาดใหญ่ตามหน้าจอ ดังนั้นการพกพาอาจไม่ค่อยสะดวกนักสำหรับสาว ๆ ที่ชอบความบางเบา แต่สำหรับคนที่เคยใช้สมาร์ตโฟนจอใหญ่มาก่อน ไม่ว่าจะเป็น Samsung Galaxy Note ก็ดีหรือจะเป็นตระกูล iPhone Pro Max ก็ดี ขนาดเท่านี้ก็ยังสามารถใส่กระเป๋ากางเกงได้อยู่ (แค่ตุงนิดหน่อย) ส่วนราคาเครื่องไม่ได้แพงมากก็ไม่มีอะไรน่าห่วงพิเศษ

กล้องแล้วโดยส่วนตัวคิดว่าคุณภาพ 48 MP (NOTE 8i) อยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างโอเคเลย สามารถใช้เลนส์เดียวเก็บเอาอยู่ แต่เลนส์ที่เหลือโดยมากจะมีคุณสมบัติช่วยถ่ายมากกว่า และอีกเลนส์ก็คือมาโครอันนี้นับเป็นของแถมก็แล้วกัน โหมดการถ่ายรูปก็ให้มาครบตั้งแต่ละลายหลัง บิวตี้ การถ่ายภาพตอนกลางคือ และยังมีระบบ AI มาช่วยวิเคราะห์การถ่ายภาพ เพื่อการปรับแต่งแสงที่เหมาะสมอีกด้วย

กล้องหน้า 8 MP (NOTE 8i) อยู่ในระดับที่ค่อนข้างโอเคเช่นกัน มีระบบตรวจจับดวงตาเพื่อโฟกัสมาให้ด้วย (หรูหราจนไม่น่าเชื่อ) นอกจากนั้นก็มีการปรับ Beauty Video เอาใจคนชอบถ่าย Vlog มีมาให้จบตั้งแต่ในเครื่องเลย แต่ในเรื่องของภาพถ่ายอย่าคิดว่าจะไปเทียบกับเครื่องหลักหมื่น คือคุณภาพกล้องหน้ามันไม่ได้ดีขนาดนั้นแต่ในช่วงราคาระดับเดียวกัน Infinix ก็ไม่ถึงกับแย่

ระบบปฏิบัติการ Android 10 (ครอบทับด้วย XOS 7.1) มีลูกเล่นให้สนุกแก้เบื่อได้เยอะพอสมควร ใช้งานจริงไม่อืดเพราะเป็นชิปเซ็ต Helio G80 (เหมือนกันทั้งคู่) มีการเรนเดอร์ภาพกราฟฟิคดีขึ้นกว่า Helio G70 ประมาณ 14% และคะแนน Antutu ดีขึ้นกว่า 35% จากเท่าที่ผู้รีวิวได้ทดสอบใช้งานที่เห็นชัดคือ “เครื่องไม่ร้อน” แม้ว่าจะมีการเปิดเกมใช้งานอย่างยาวนานและต่อเนื่อง

การดูหนังและเล่นเกมไม่สะดุดด้วยหน้าจอ Punch Hole Display มีเพียงแค่รูกล้องขนาดเล็กเท่านั้น ถึงแม้ความละเอียดจะเป็นแค่ HD+ แต่ถ้าไม่ได้มองแบบจับผิด ก็ไม่เห็นว่าภาพมันจะแตกอะไรขนาดนั้น ยังให้ประสบการณ์รับชมที่ยอดเยี่ยมมากกว่า ส่วนคะแนนบวกเราให้ไปที่เรื่องขนาดหน้าจอ ที่ใช้งานจริงแล้วรู้สึกเห็นผลมากกว่าความละเอียดเสียอีก อ้อ … ได้ลำโพงคู่ด้วยนะ!

การเล่นเกมมี “โหมดเกม” เป็นตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกม ป้องกันการปิดเกมแบบไม่ตั้งใจ รวมถึงบล็อคไม่ให้มือถือไปสลับเป็นสัญญาณ WiFi ขนะที่เรากำลังใช้งาน 4G ลองทดสอบเล่นเกมทั่วไปก็ไม่พบปัญหาอะไร น่าเสียดายเล็กน้อยที่ RoV ถูกปรับไว้เพียงแค่ 30 fps นอกจากนั้นหากเป็นเกมอื่น ปรับความละเอียดระดับปานกลาง ก็พอที่จะใช้เล่นได้สำหรับเกมในปัจจุบัน

สุดท้ายแล้วรุ่นนี้เหมาะกับใคร คงตอบได้เต็มปากว่าสำหรับคนที่มีงบประมาณจำกัด อยากได้สมาร์ตโฟนในช่วงประมาณสี่พันกว่าบาท และไม่ต้องการที่จะซื้ออะไรเพิ่มเติมอีกเพราะในกล่องมีให้หมดเลย อาจไม่เน้นพวกคุณสมบัติอะไรมากมายนัก แต่ก็ยังสามารถเล่นเกมทั่วไปปรับความละเอียดปานกลางได้ดี มีหน้าจอขนาดใหญ่พร้อมกับแบตเตอรี่และระบบชาร์จเร็ว แค่นี้ก็เกินคุ้มแล้ว!

ในเรื่องของกล้องความจริงก็ไม่ถึงกับแย่ เพียงแต่สภาพแสงต้องเป็นใจนิดหน่อย ด้วยราคาเพียงแค่สี่พันกว่าบาท ก็ถือว่าสอบผ่านในเรื่องของการถ่ายภาพทั่วไป มีโหมดการถ่ายรูปเยอะเอาการไม่ว่าจะเป็น Ultra Night Mode 2.0, ระบบตรวจจับดวงตาอัตโนมัติ, Slow Motion, ปรับแต่งวิดีโอ, Super Macro, การถ่ายภาพบุคคล เอาไปโพสต์ลง Social ได้แบบไม่ต้องอายใคร

ข้อดี

  1. หน้าจอใหญ่ขนาดใหญ่
  2. แบตเตอรี่อึด 5200 mAh
  3. รองรับชาร์จเร็ว 18W
  4. เล่นเกมเครื่องไม่ร้อน
  5. คุ้มค่าราคาประหยัด

ข้อเสีย

  1. ไม่มีกล้องมุมกว้างหรือซูม
  2. ตัวเครื่องใหญ่ไปนิดสำหรับบางคน

สรุป

ทำราคาได้ดีและน่าสนใจสำหรับ Infinix NOTE 8i ราคา 3,990 บาท หรือหากใครอยากไปต่ออีกนิดก็มี Infinix NOTE 8 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ทั้งคู่มีสเปกใกล้เคียงกันและใช้ชิป MediaTek Helio G80 ทดสอบแล้วว่าใช้งานจริงเครื่องไม่ร้อน มีหน้าจอขนาดใหญ่สำหรับเล่นเกมและดูหนัง นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานทั้งวัน โดยไม่ต้องง้อแบตเตอรี่สำรองอีกด้วย

หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial