ช่วงนี้สมาร์ตวอชหรือนาฬิกาอัจฉริยะเปิดตัวเยอะมาก หนึ่งในนั้นก็คือ HUAWEI Watch 3 ที่สร้างความแตกต่างด้วยระบบ HarmonyOS รุ่นแรก แถมยังรองรับการเชื่อมต่อ eSIM ในตัวสามารถใช้งาน 4G ได้ด้วยการโทรออกจากข้อมือ นอกจากนี้ยังตอบโจทย์การดูแลสุขภาพอีกสารพัด เหมาะกับผู้ที่อยากได้นาฬิกาอัจฉริยะเรือนเดียวจบ

HUAWEI Watch 3

สำหรับ HUAWEI Watch 3 แบ่งออกเป็นสองรุ่นย่อยคือ Active Edition (ตัวที่รีวิว) และ Classic Edition ที่มีราคาต่างกันสองพันบาท แต่ต่างกันเพียงแค่สายนาฬิกา (ถ้าใครไม่ซีเรียสซื้อแยกก็ได้) แล้วก็ยังแบ่งออกเป็นรุ่น HUAWEI Watch 3 Pro ที่จะมีแบตเตอรี่อึดถึง 5 วัน ส่วนราคา HUAWEI Watch 3 Active Edition นั้นอยู่ที่ 12,990 บาท

ความพิเศษของ HarmonyOS ก็คือมันไม่ใช่ทั้ง Wear OS (Android) และ watchOS (Apple Watch) ดังนั้นจึงมีความยืดหยุ่นมากกว่า แต่เรื่องบริการอาจไม่ราบลื่นกับบริการของ Google เท่าไหร่นัก เช่น จะให้มาพูดว่า “OK Google” อะไรแบบนี้ก็ไม่ได้ แต่ถึงอย่างไร HUAWEI Watch 3 ก็สามารถใช้งานได้กับ Android และ iOS ผ่านทาง HUAWEI Health

สเปก | HUAWEI Watch 3

  • หน้าจอ AMOLED 1.43 นิ้ว ขนาด 466×466 พิกเซล PPI 326
  • ปุ่มกดแบบหมุนได้
  • สายนาฬิกา Fluoroelastomer (Active Edition) และ Leather (Classic Edition)
  • การเชื่อมต่อ WiFi 2.4 GHz, Bluetooth 5.2 และ BR+BLE, NFC
  • เซ็นเซอร์ Acceleration sensor, Gyro sensor, Geomagnetic sensor, Optical heart rate sensor, Ambient light sensor, Barometric pressure sensor
  • ระบบชาร์จไร้สาย
  • มาตรฐานกันน้ำ 5ATM
  • รองรับระบบปฎิบัติการ Android 6.0 และ iOS 9.0 ขึ้นไป
  • วัสดุ Stainless steel และ Ceramic
  • ขนาด 46.2 มม × 46.2 มม × 12.15 มม. (ไม่รวมเซ็นเซอร์)
  • น้ำหนัก 333 กรัม

ตัวเรือนของนาฬิกาค่อนข้างใหญ่ (แต่ไม่ได้ใหญ่เวอร์) ถ้าคนชอบสวมนาฬิกาขนาดเล็กคงต้องข้ามไปเลย ขนาดหน้าจอ 1.43″ ความเป็น AMOLED ทำให้ดูดีขึ้นเยอะมาก สามารถแสดงผลแบบ Always on Display และหากเปิดโหมดประหยัดอัจฉริยะก็สามารถใช้งานได้ 3 วัน ตัวเรือนทำจากสแตนเลสให้ความแข็งแรง น้ำหนักเบา และการมีเม็ดมะยมก็ให้ความรู้สึกนาฬิกาดี

ความแพงของนาฬิกาอัจฉริยะรุ่นนี้ที่หลายรุ่นไม่มีก็คือ eSIM 4G ที่ทำงานแยกอิสระสามารถรับสายหรือโทรออกได้เอง โดยบางครั้งเราออกไปวิ่งหรืออยู่ข้างนอกก็ไม่ต้องพกสมาร์ตโฟนไปด้วย สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ในตัวผ่านทาง HUAWEI AppGallery เวลาฟังเพลงก็เชื่อมต่อกับหูฟังไร้สายได้เลย เพราะว่ามีแอปพลิเคชัน HUAWEI Music พร้อมเพลงของ GMM

ส่วนเรื่องสุขภาพก็จัดเต็มทั้งการตรวจจับการหกล้มอัตโนมัติ การวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2) อัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง และอุณหภูมิผิวบริเวณเซ็นเซอร์ตรวจวัด ติดตามสุขภาพระหว่างออกกำลังกายไปจนถึงการนอนหลับ วัดระดับความเครียดพร้อมทั้งฝึกการกำหนดลมหายใจ มีโหมดการออกกำลังกายมากกว่า 100 โหมด ช่วยให้การออกกำลังกายง่ายขึ้น

การใช้งานก็ตามปกติคือเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 เป็นหลัก ซึ่งหากสมาร์ตโฟนของเรารองรับมาตรฐานเดียวกัน ก็จะประหยัดแบตเตอรี่ ได้ทั้งระยะทางและความเร็ว นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อ WiFi 2.4 GHz ดาวน์โหลดข้อมูลเองได้เร็วแรง ไม่จำเป็นต้องรอเชื่อมต่อผ่านสมาร์ตโฟน ส่วนการใช้งานนอกสถานที่ก็อย่างที่บอกคือมันมี eSIM 4G ทำให้ไม่ขาดการเชื่อมต่ออยู่ตลอดเวลา

หน้าตา UI คล้ายกับบนสมาร์ตโฟน สามารถใช้งานได้ง่ายหากใครเคยใช้ Apple Watch หรือนาฬิกาอัจฉริยะระบบอื่นมาก่อน ก็สามารถเข้าใจได้เลยโดยไม่ต้องปรับตัว ส่วนหน้าปัด (Watch Face) ก็มีให้เลือกมากกว่า 1,000 แบบ ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน (แต่ของฟรีก็ใช้ไม่หมดแล้ว) และถ้าไม่ถูกใจก็สามารถบันทึกวิดีโอสั้นไม่กี่วินาที เพื่อมาทำเป็นภาพบนหน้าปัดเองได้ด้วย

สำหรับความแม่นยำของพวกเซ็นเซอร์ต่าง ๆ เท่าที่ผู้รีวิวได้ทดสอบก็ถือว่าแม่นยำพอสมควร แม้ว่าจะไม่ได้เป็นเกรดการแพทย์ แต่ก็เพียงพอสำหรับใช้งานดูข้อมูลสุขภาพทั่วไป โดยเฉพาะกับช่วงนี้กับสถานการณ์ Covid-19 เอาไว้วัดระดับค่าออกซิเจนในเลือด รวมถึงอุณหภูมิบนผิวหนังได้เลย ซึ่งมันแม่นยำมากกว่าการไปวัดอุณหภูมิ ตามจุดวัดการเข้าร้านหรือห้างเสียอีก

ความรู้สึกหลังได้ใช้งาน HUAWEI Watch 3 อย่างแรกคือหน้าจอคมบาดตามาก การออกแบบนาฬิกาเป็นแบบกลาง ๆ คือไม่ดูกีฬาหรือแฟชั่นจ๋าจนเกินไป (และดูไม่เป็นอุปกรณ์ไอทีมากเกินไป) สามารถสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้ง่าย มีคุณสมบัติการทำงานที่ครบเครื่องในเรื่องสุขภาพ สามารถใช้ฟังเพลงตอนวิ่งแบบไม่ต้องง้อสมาร์ตโฟน และเชื่อมต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านทาง eSIM 4G

ข้อดี

  1. หน้าจอ OLED ขนาดใหญ่ 1.43 นิ้ว
  2. เชื่อมต่อผ่าน eSIM 4G
  3. ใช้งานได้ 3 วัน พร้อมระบบชาร์จเร็ว
  4. ตรวจวัดค่าสำคัญของร่างกายได้ตลอดวัน
  5. โหมดออกกำลังกายมากกว่า 100 โหมด

ข้อเสีย

  1. ราคาค่อนข้างสูง
  2. ไม่รองรับ Google Services

สรุป

หนึ่งในนาฬิกาอัจฉริยะที่น่าจับตามองในยุคนี้ HUAWEI Watch 3 ให้ประสบการณ์ที่แตกต่างจากรุ่นอื่น การออกแบบของ HarmonyOS ที่ให้สัมผัสการใช้งานที่ลื่นไหลมากขึ้น มีลูกเล่นที่สร้างความแตกต่าง เหมาะกับคนที่อยากได้นาฬิกาอัจฉริยะเรือนเดียว ตอบโจทย์ทั้งด้านสุขภาพและการใช้งานในชีวิตประจำวัน ข้อจำกัดในเรื่องของ HUAWEI AppGallery อาจมีบ้าง แต่เท่าที่มีก็เพียงพอสำหรับการใช้งานพื้นฐานแล้วล่ะ!